ตอนที่ 1 เทพสังหารหรือเทพมรณะ 1
เรื่องราวระหว่างบุรุษหนุ่มปริศนาและเล่ออันนั้น ต้องย้อนกลับไปเมื่อหลายชั่วยามก่อนหน้า
รัชศกหย่งเล่อปีที่สิบเดือนสี่วันที่หนึ่งคืนเดือนแรม
จักรพรรดิเยี่ยกวงทรงประชวรหนักอย่างกะทันหัน เวลานั้นองค์รัชทายาทเยี่ยจื้อหลง ถูกแคว้นต้าไห่จับตัวไปในศึกอัปยศแห่งลุ่มน้ำชิงหลง
มีข้อสงสัยมากมายเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นคืออาจเป็นฝีมือของเชื้อพระวงศ์สักพระองค์ที่จงใจก่อเรื่องเพื่อแย่งชิงตำแหน่งจักรพรรดิคนต่อไป
หากฮ่องเต้เยี่ยกวงสิ้นพระชนม์จากไปกะทันหัน องค์รัชทายาทไม่สามารถรอดชีวิตกลับมา บัลลังก์ทองย่อมว่างเว้น ผู้ครอบครองอำนาจสูงสูดแคว้นเยี่ยเป่ยคงไม่พ้นหนึ่งในองค์ชายน้อยที่ไร้ฝีมือ ซึ่งเหลืออยู่แค่สามพระองค์
แคว้นเยี่ยเป่ยยามนี้จึงเกิดคลื่นลมรุนแรงภายในมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบขนานใหญ่
แม้เบื้องหน้าต่างยิ้มแย้มใส่กันด้วยไมตรีเฉกเดิมแต่ลับหลังกลับเตรียมพร้อมด้วยคมมีดหมายฟาดฟันให้แตกหัก
เพื่อให้ได้ครองราชย์เล่ห์กลสารพัดล้วนถูกงัดออกมาใช้โดยไม่สนใจวิธีการ เรียกได้ว่าข้าอยู่เจ้าไปอย่างสมบูรณ์
ข่าวภายในระดับแคว้นนี้มิอาจรอดพ้นสายลับเงา ทุกเรื่องถูกส่งถึงหูขององค์ชายใหญ่แห่งต้าไห่นาม เหรินจง อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง
“การจับตัวองค์รัชทายาทของเยี่ยเป่ยมาได้ ทำให้แคว้นศัตรูปั่นป่วน ทะเลาะกันเองไม่พอ ยังเป็นการล่อเหยื่อมาติดกับอย่างง่ายดาย แผนการขององค์ชายสิบช่างร้ายกาจเหนือชั้นยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ”
กุนซือส่วนพระองค์ค้อมกายสอบถามอย่างฮึกเหิมลำพองใจ “องค์ชาย ถ่ายทอดคำสั่งให้กองพลทั้งหมดยกทัพยึดบ้านยึดเมืองทั้งหมดของเยี่ยเป่ยเลยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ฝ่ามือเรียวยาวขาวดุจหยกมันแพะยกขึ้นเบื้องหน้า กระแสเสียงเอ่ยห้ามดังเนิบนาบ “ยังก่อน รีบร้อนเปิดศึกยามนี้ก็ใช่ว่าพวกเราจะสามารถเอาชนะแคว้นเยี่ยเป่ยได้”
กุนซือคนเดิมกล่าวอีกว่า “แต่ฝ่ายเราจับตัวแม่ทัพคนสำคัญของแคว้นเยี่ยเป่ยมาได้ถึงสามคนนะพ่ะย่ะค่ะ”
แม่ทัพสองคนนี้ฝีมือฉกาจที่สุดของแคว้นเยี่ยเป่ยซึ่งถูกส่งมาช่วยรัชทายาทเยี่ยจื้อหลงแล้วก็ถูกจับตามแผน
“พวกมันถูกทรมานปางตาย ท้ายที่สุดก็ทนไม่ไหว จนยอมจำนนต่อเราแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เหรินจงเลิกคิ้ว เอ่ยไม่ยี่หระ “แค่แม่ทัพแปรพักตร์จะทำให้เราชนะศึกได้กระนั้นหรือ? ยังหรอก อย่างมากก็แค่ยึดครองชายแดน”
กุนซือค้อมเอวยิ้ม “องค์ชายใหญ่ทรงปราดเปรื่อง”
พระองค์เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ “เฮ้อ...แต่เอาเถอะเราได้ทำลายเมืองหน้าด่านของเยี่ยเป่ยให้ราบคาบ ได้มองประชาชนของเยี่ยเป่ยตายอนาถก็สนุกดี พวกมันคงบอกแผนป้องกันชายแดนให้หมดแล้วกระมัง”
กุนซือตอบรับนอบน้อม “พ่ะย่ะค่ะ เหลือเพียงส่งกองกำลังนักรบเดนตายของเราบุกเข้าโจมตีเมืองหลวงเมื่อราตรีที่ผ่านมาคนของเราแจ้งผ่านม้าเร็วกลับมาว่าจับกุมกลุ่มองครักษ์ของเยี่ยเป่ยได้จำนวนหนึ่ง นี่คือข่าวดีที่สุด”
องค์ชายใหญ่ยกจอกเหล้าขึ้นจรดริมฝีปากค่อยๆ ดื่ม ปล่อยน้ำเมาสีอำพันไหลลงคออย่างใจเย็น เขาเอ่ยมิใส่ใจ “เจ้าพวกนั้นไม่นับเป็นอะไร หาใช่ปราการแข็งแกร่งที่สุดของเยี่ยเป่ยไม่”
กุนซือเสนอความคิดอีกว่า “ในเมื่อเราสามารถเหยียบถึงถิ่นทั้งยังจับองครักษ์ของเยี่ยเป่ยได้ มิสู้ลอบสังหารองค์ชายดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ทว่าองค์ชายใหญ่แค่นเสียงฮึ “ไฉนต้องเปลืองแรง ในเมื่อองค์ชายที่เหลือไม่ครณามือเราเลยสักคน ปล่อยไว้ให้พวกมันกัดกันเองเพื่อชิงบัลลังก์ เยี่ยเป่ยจะโกลาหลวุ่นวาย ค่อยๆ ล่มสลายด้วยมือพวกเดียวกัน อีกอย่าง ขืนสังหารองค์ชาย ย่อมเป็นการกระทำอันเอิกเกริกเกินไป พวกนั้นอาจรวมตัวกันต่อต้านพวกเรา”
“เช่นนั้นมิสู้จับองค์ชายเยี่ยเป่ยมาทรมาน บังคับกินยาพิษของต้าไห่ กลายเป็นหุ่นเชิดให้เราบงการเบื้องหลัง ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เหรินจงหรี่ตา พูดเสียงชืดชา “องค์ชายเยี่ยเป่ยหรือ ฮึ! ไม่เห็นได้ความสักคน ไหนเลยจะมีค่าให้เราต้องใส่ใจ”
จังหวะนั้น ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งพลันวิ่งถลันเข้ามา “ทูลองค์ชายใหญ่ มีข่าวดีส่งมาจากคุกมืดพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่ามา” กล่าวพลางยกเหล้าขึ้นดื่ม ท่วงท่าสำราญ แววตาเฉยชาต่อข่าวดีที่มีมาอย่างต่อเนื่องช่วงหลายวันนี้
ทหารคนเดิมรีบรายงานรวดเร็ว “นักรบปีกเหล็กสามารถจับตัวหวงหมิงได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เนตรมังกรที่แต่เดิมราบเรียบพลันเบิกโพลงลุกโชนด้วยประกายไฟแห่งความลิงโลด “พาเราไปดูเดี๋ยวนี้”
นี่สิถึงจะเรียกว่าข่าวดีอันเป็นมหามงคล
การจับตัวเทพมรณะตนนั้นต่างหาก ถึงจะทำให้องค์ชายใหญ่เหรินจงเห็นชัยชนะอันสูงสุด
เยี่ยเป่ยขาดเทพมรณะต้องหายนะแน่นอน!