6
พันเอกไสว และ ลัดดา มองลูกชายคนรองกับลูกสาวคนเล็ก ที่วิ่งตามกันมาจากชั้นบนอย่างเอ็นดู ทันทีที่เห็นหน้าผู้เป็นบิดามารดา ตรีทิพย์ก็ปล่อยมือจากพี่ชาย และวิ่งไปกอดมารดากับบิดาไว้เต็มสองอ้อมแขน จนพันเอกไสวหัวเราะ
“อะไรกัน น้องเล็ก กอดแน่นพ่อหายใจไม่ออก”
ตรีทิพย์หอมแก้มบิดาฟอดหนึ่ง ก่อนจะกดจมูกโด่งรั้นของตัวเองกับแก้มของมารดาอีกที แล้วคลายกอด ลัดดาลูบศีรษะบุตรสาวพลางยิ้ม นัยน์ตาที่มองลูกสาวคนเล็กเต็มไปด้วยความรัก ตรีทิพย์เกาะแขนมารดาไว้แน่น พลางพูดเสียงอ้อนๆ ว่า
“หนีกันไปเที่ยวนานเลย ไม่นึกเป็นห่วงน้องเล็กบ้างเลย” พันเอกไสวโคลงศีรษะได้รูปของลูกสาวไปมา อย่างหยอกๆ
“ชวนแล้วเราไม่ยอมไป บอกว่าติดเรียน แถมบ่นว่าเชียงใหม่หนาว จะมาว่าพ่อกับแม่ได้ยังไงกันว่าหนีเที่ยว”
“สนุกไหมครับ ฮันนีมูนรอบที่ยี่สิบ”
ประโยคนี้เป็นของลูกชายคนรอง ที่เดินมาทรุดลงนั่งตรงโซฟาตรงกันข้ามกับบิดาและมารดา ที่ตอนนี้มีตรีทิพย์นั่งเบียดอยู่ด้วยตรงกลาง เพราะคิดถึงผู้เป็นบิดามารดามาก
“ก็ดี อากาศดีมากเลย เป็นไงบ้างล่ะเราน่ะตารอง เห็นน้องเล็กโทรฟ้องแม่เขา ว่าเราอยู่ไม่ค่อยติดบ้านเลยเหรอ”
พันเอกไสวถามบุตรชาย ตรีศรหัวเราะแหะ แหะ พลางลูบผมอย่างเก้อๆ ก่อนจะส่งสายตาอาฆาต ไปให้น้องสาวคนเล็กที่กอดแขนประจบมารดาอยู่ ลัดดาเองก็ค้อนบุตรชายคนโปรดขวับเหมือนกัน แล้วพูดลอยๆ ว่า
“แม่ไม่อยู่แล้วนี่ ก็ไปหาความอบอุ่นจากสาวๆ แทน”
“โธ่! แม่ครับ หึ หึ ไปฟังตัวแสบมาก ช่างฟ้องนักนะเรา” ตรีทิพย์แลบลิ้นใส่ผู้เป็นพี่ชายก่อนจะหัวเราะกิ๊ก
“ก็พี่รองเที่ยวเกือบทุกคืนจริงๆ นี่คะ น้องเล็กไม่ได้ฟ้องนะ แค่เอาความจริงมาเล่าเท่านั้นเอง”
“น่าจับมาตีจริงคนขี้ฟ้อง”
ตรีศรบ่นอุบอิบ พันเอกไสวมองไปรอบๆ บ้าน ก่อนจะถามบุตรสาวคนเล็ก ถึงลูกชายคนโตที่รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ ว่าจะกลับมาบ้านวันนี้
“ตาใหญ่ยังไม่มาจากเขาใหญ่เหรอ เห็นบอกว่าจะมาวันนี้”
“พี่ใหญ่บอกว่าจะมาเย็นๆ น่ะค่ะ ตอนเช้าติดเรื่องจัดการส่งองุ่นอยู่ น้องเล็กคิดถึงพี่ใหญ่มากๆ ไม่ได้เห็นหน้าเกือบสองปีแล้ว”
“นั่นสิ พี่ชายเรากลายเป็นหนุ่มชาวไร่เต็มตัวไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะอยู่กินยังไงบ้างนะ เห็นว่านายจอมทหารรับใช้ตามไปอยู่กับนายด้วย แม่สงสัยว่าพี่เราต้องกินไข่พะโล้ติดกันหลายวันแน่ ๆ”
ลัดดาอมยิ้ม นางกำลังคิดถึงเหตุการณ์คราวไปเยี่ยมลูกชายที่ค่ายทหาร โดยมีนายจอมทหารรับใช้ รับหน้าที่เป็นพ่อครัว
“เวลานายจอมคิดเมนูไม่ออก ก็จะทำแต่ไอ้นี่แหละ เพราะขานี้ชอบกินไข่พะโล้ เลยทำให้นายกินด้วย นายก็ไม่ยอมบ่นสักคำว่าเบื่อ ตอนแม่ไปเยี่ยมที่บ้านพักทหาร เห็นนายจอมทำไข่ให้กินเกือบอาทิตย์ แม่ล่ะเบื่อแทน ตาใหญ่ก็ยังไงนั่งกินเฉยอยู่ได้ นายจอมตักให้ก็กินทำหน้าเฉย นายจอมถามว่าอร่อยไหมครับ พี่เราก็ตอบว่า อืม... กินอีกไหมครับนาย พี่เราก็ตอบว่า อืม...” ลัดดาเล่า
เมื่อนึกถึงหน้าเฉยๆ ของตรีศิลป์ที่ต้องทนตักไข่พะโล้กินวันแล้ววันเล่าแล้ว ตรีทิพย์กับตรีศรก็หัวเราะกันตัวงอ พันเอกไสวเองก็อดขำไม่ได้เหมือนกัน เมื่อนึกถึงหน้าบุตรชายที่ตัวเองตั้งฉายาให้ว่า ‘ไอ้เสือยิ้มยาก’
“ก็มัวแต่ทำหน้าเฉยๆ คนเขาจะไปรู้ว่าชอบหรือไม่ชอบ สมน้ำหน้ามันแล้วล่ะ นี่หายเงียบไปสองปี พ่อไม่รู้ว่าลูกชายเราหน้ากลายเป็นไข่ไปแล้วหรือเปล่า เล่นหอบไอ้จอมไปช่วยทำไร่ด้วยแบบนั้น หึ หึ”
“คิดแล้วก็ชักจะสงสารตาใหญ่เหมือนกันนะคุณ น้องเล็กไปจ่ายตลาดกับแม่ ทำของอร่อยๆ ให้พี่ชายเราดีกว่า”
“ดีเหมือนกันค่ะ น้องเล็กจะได้อวดฝีมือทำขนมคัสตาสให้พี่ใหญ่ทานด้วย”
“ดีแล้วที่เลือกทำให้พี่ใหญ่ทาน ขาได้นั้นแต่อืม...เพราะจะได้ไม่ต้องเสียกำลังใจไงแม่ครัวสมัครเล่น” ตรีศรว่าล้อๆ เลยโดนน้องสาวเอาหมอนอิงขว้างใส่ ก่อนจะตะโกนต่อว่าพี่ชายเสียงแจ๋วว่า
“พี่รอง เดี๋ยวเถอะ ถ้าอร่อยอย่ามาง้อให้น้องเล็กทำให้นะ งอนแล้วด้วย เชอะ! เย็นนี้น้องเล็กทำให้ทุกคนยกเว้นพี่รอง”
“ดีพี่จะได้ไม่ท้องเสีย”
“พี่รอง!”
“ตารอง ไปแหย่น้องทำไมกัน”
ผู้เป็นพ่อเริ่มห้ามทัพ เมื่อเห็นว่าลูกสาวทำท่าจะวิ่งไปข่วนหน้าพี่ชายคนรองเข้าแล้ว ตรีศรหัวเราะก่อนจะยักไหล่
“ผมเปล่านะครับ”
“เดี๋ยวเย็นๆ เราไปจ่ายตลาดทำกับข้าวอร่อยๆ เลี้ยงพี่ชายคนโตของเรากันนะน้องเล็ก แม่กับพ่อว่าจะไปเอนหลังกันสักหน่อย เพลียๆ”
ลัดดาหันมาบอกกับบุตรสาว พลางปิดปากหาว เพราะความเพลีย ตรีทิพย์เหมือนเพิ่งจะนึกได้ว่าจะคุยอะไรกับบิดาและมารดา อารามมัวแต่ดีใจที่เห็นหน้าพวกท่าน เกือบทำให้ลืมเรื่องสำคัญไปเสียสนิท
“ตายแล้ว! น้องเล็กเกือบลืม น้องเล็กมีเรื่องสำคัญจะคุยกับพ่อแล้วก็แม่น่ะค่ะ เรื่องสำคัญมากๆ เกี่ยวกับชีวิตทั้งชีวิตแล้วก็อนาคตของคนๆ หนึ่งเลยนะคะ”
“หืม?” พันเอกไสวย่นคิ้วขณะที่มองสบตากับภรรยา หน้าตาของลูกสาวคนเล็กดูจริงจังมากเลยทีเดียว
“เรื่องอะไรล่ะน้องเล็ก”
“เรื่องของเก๋ เพื่อนรักน้องเล็กน่ะค่ะ” ตรีทิพย์ว่า ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับเพื่อนรักให้บิดาและมารดาฟัง…