บทที่1 1/1
๑
เสียงพระสวดศพส่งคนตายไปสู่สุคติดังผสมกับเสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวไร้ญาติ เธอยืนเหม่อใจลอย ดวงตาเขียวช้ำเพราะผ่านการร้องไห้มานานนับไม่ถ้วนมองโลงไม้ที่ข้างในมีร่างไร้วิญญาณของพี่ชายนอนสงบนิ่งอยู่
ดารินหนาวเหน็บ ว้าเหว่หัวใจที่ขาดที่พึ่งสุดท้าย ดวงหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาเศร้าหมองก้มมองภาพถ่ายของพี่ชายในอ้อมแขน
“น้องอยู่คนเดียวได้ค่ะ” ดารินยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นไว้แน่น มือที่ลูบภาพถ่ายของพี่ชายนั้นยกขึ้นเช็ดน้ำตา น้ำมูกที่ไหลเปรอะดวงหน้าขาวซีด
“พี่ชายไม่ต้องเป็นห่วงน้องนะ หลับให้สบาย บอกพ่อกับแม่ด้วยว่า น้องคิดถึงพวกท่าน” เสียงของดารินสั่นเครือเหมือนมือของเธอที่สั่นไหวยามได้วางดอกไม้จันทน์ตรงฝาโลง
“ฮืออ...พี่ชายย” หญิงสาวครางสะอื้นไห้เรียกหาพี่ชาย ดวงตาเอ่อน้ำใสๆ ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างมองเปลวเพลิงลุกเผาโลงที่ใส่ร่างของพี่ชาย…
การสูญเสียพี่ชายเพียงคนเดียวไปอย่างกะทันหันจากอุบัติเหตุโดยไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้ดารินรู้สึกเคว้งคว้าง มองไปทางไหนก็มืดมน การเรียนต้องหยุดพักเพราะไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่าเทอม ไหนจะค่าใช้จ่ายต่างๆ ระหว่างเรียน ซึ่งคนฐานะยากจนอย่างเธอไม่มีเงินพอที่จะเรียนต่อเมื่อขาดเสาหลักเพียงคนเดียวไป บิดามารดาของเธอเสียชีวิตไปตั้งแต่เธออายุ 10 ปี ซึ่งตอนนั้น พี่ปิติของเธอเรียนจบมีงานทำพอดี ทำให้เธอกับพี่ชายพออยู่รอดได้
ดารินซับเหงื่อตรงหน้าผากออกด้วยความเหนื่อยล้า วันนี้ทั้งวันแล้วที่เธอเดินหางานทำ แต่ก็มีแค่ให้ยื่นเอกสารแล้วรอสัมภาษณ์งาน
“พ่อจ๋า แม่จ๋า พี่ชายจ๋า ช่วยรินด้วยนะคะ” ดารินเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบา เธอน้ำตาซึมเมื่อมองกระเป๋าเงิน
“เราต้องประหยัดให้สุดๆ” เงินในกระเป๋ามีเหลือแค่เจ็ดพันเท่านั้น ‘อยู่ได้สิ’ ดารินกระสิบเสียงปลอบใจตัวเอง เธอยังมีบ้านเป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวที่ได้อาศัยอยู่โดยไม่ต้องเช่า
“น้ำขวดหนึ่งค่ะ” ดารินพูดไม่ทันจบประโยค ดวงตากลมโตสุกประกายปรายมองไปเห็นป้ายประกาศรับสมัครงาน
- รับสมัครพนักงานพิมพ์ดีด โรงพิมพ์วิบูลวิวัฒน์
- วุฒิการศึกษา ม.6 ขึ้นไป
- อายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
- ไม่จำกัดเพศ
- สมัครได้ที่โรงพิมพ์วิบูลวิวัฒน์ทุกวัน เวลา 07.00 น.-17.00 น.
ดารินยิ้มใจชื้น อ่านป้ายอย่างมีความหวัง เธอเดินเข้าไปในออฟฟิศของโรงพิมพ์ในไม่กี่นาทีต่อมา
“สวัสดีค่ะดิฉันมาสมัครงานค่ะ” ดารินยกมือไหว้ผู้หญิงวัยกลางคน เธอเดาเอาว่าหล่อนคงจะเป็นหัวหน้าพนักงานที่นี่
“นั่งก่อนสิ เดี๋ยวฉันจะไปบอกเจ้านายก่อน เพราะเจ้านายเป็นคนสัมภาษณ์เอง” ผู้หญิงคนนั้นบอกให้ดารินนั่งรอ แล้วหล่อนก็เดินเข้าไปในห้องสีเทา
ไม่ถึงห้านาที หล่อนคนนั้นก็เดินออกมากวักมือเรียกให้ดารินเข้าไป…
“สวัสดีค่ะ”
ทันทีที่ได้ยินเสียงหวานใส เจ้าของร่างสูงก็เงยหน้าจากเอกสารที่กองเต็มโต๊ะ ชายหนุ่มตกตะลึงเมื่อเห็นว่าเป็นหญิงสาวคนที่ขับรถชนน้องสาวของเขาเสียชีวิต
“ฉันมาสมัครงานค่ะ” ดารินยืนตัวแข็งเมื่อเจอสายตาดุดันจ้องมอง เธอก้มหน้าหลบสายตาของเขา แล้วพูดเบาๆ ให้ชายหนุ่มรับรู้ เมื่อคนตรงหน้าไม่ยอมพูดอะไร
“พรุ่งนี้ เธอเริ่มงานได้ เข้างาน 7 โมงเช้า เลิกงานทุ่มครึ่ง เงินเดือนฉันให้เธอแค่ 9,000 ตามค่าแรงขั้นต่ำ” หัสดินเอ่ยเสียงเรียบ ไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาให้หญิงสาวรับรู้ แต่ในใจมันร้อนรุ่ม เคียดแค้นอยากจะกระโจนเข้าบีบคอระหง
“คะ?” ดารินยืนตะลึง รู้สึกแปลกใจระคนงุนงงที่ชายหนุ่มรับเธอเข้าทำงานอย่างง่ายดาย หนำซ้ำไม่ได้สัมภาษณ์อะไรเลยสักนิด
“เธอมีปัญหาอะไร?” เขาถามเสียงเรียบเฉย แววตาสีเข้มดูหยันๆ มองตั้งแต่ศีรษะไล่ลงต่ำถึงปลายเท้า แล้ววกขึ้นมองใบหน้างามจิ้มลิ้ม จ้องลึกเข้าไปในดวงเนตรสีดำขำ
“มะ...ไม่มีค่ะ” ดารินกลัวชายหนุ่มจะเปลี่ยนใจจึงรีบยกมือไหว้ขอบคุณพร้อมทั้งส่ายหน้าปฏิเสธ
“หึ! ดีใจไปเถอะดาริน ไม่นานหรอก ฉันจะทำให้เธอตกนรกเหมือนตายทั้งที่ยังหายใจ” หัสดินกล่าวออกมาหลังจากที่หญิงสาวลับตาไปแล้ว…
