บทที่ 4 ไม่ใช่อย่างที่คิด
“สวัสดีค่ะ คุณหญิงลดา คุณหนูไอริน”
เสียงของสาวใช้ดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้ดารินหันไปมอง นัยน์ตาสีน้ำผึ้งจ้องไปยังมารดาผู้ให้กำเนิด ความรู้สึกวูบไหวแล่นเข้ามาในใจเธอโดยไม่อาจห้าม
คุณหญิงลดาเพียงปรายตามองลูกสาวที่พลัดพรากไปนานถึง 24 ปี ใบหน้าของดารินเหมือนกับไอด้า ลูกสาวคนโตแทบจะถอดแบบกันออกมา แต่สิ่งที่ต่างคือแววตา ไอด้ามีแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจเด็ดเดี่ยว ผิดกับดารินที่แววตาดูอ่อนแอและไม่กล้าสู้ใคร
“อ้าว คุณกลับมาแล้วหรือ มานั่งนี่สิ มานั่งใกล้ ๆ”
เกรียงไกรส่งยิ้มพร้อมผายมือเชื้อเชิญภรรยาของเขาให้นั่งข้างดาริน
“ผมดีใจจริงๆ ที่ครอบครัวเราได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง”
“ไม่ล่ะ ฉันจะนั่งกับไอริน แค่เห็นหน้าก็พอแล้ว”
น้ำเสียงเย็นชาของคุณหญิงลดาทำให้ดารินนั่งตัวแข็ง เธอพยายามบังคับใจให้สงบ แม้ลึก ๆ แล้วรู้สึกได้ว่าการกลับมาครั้งนี้อาจไม่เป็นที่ต้องการ
“เอาล่ะๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมนั่งข้างลูกเอง”
เกรียงไกรยิ้มบาง พลางส่งสายตาปลอบใจดารินขณะนั่งลงข้างเธอ
“วันนี้ผมให้แม่บ้านเตรียมอาหารเยอะแยะเลยนะ จะได้ฉลองที่เราได้ลูกกลับมา”
“โอ้ย จะฉลองอะไรคุณ เวลานี้มันใช่เวลาฉลองไหม ไอด้ายังนอนอยู่โรงพยาบาลไม่ได้สติ ส่วนบริษัทของลูกก็มีปัญหา จะให้ฉลองไปกับใครกันแน่ อยากฉลองก็ฉลองกับลูกคนใหม่ไปเถอะ”
น้ำเสียงฉุนเฉียวของคุณหญิงลดากระทบจิตใจดารินอย่างหนัก เธอได้แต่นั่งก้มหน้า ข่มน้ำตาที่จุกอกไม่ให้ไหลออกมา คำพูดเหล่านั้นเป็นดั่งการตอกย้ำว่าผู้เป็นแม่อาจไม่เคยมีความรักให้เธอเลย
“คุณแม่คะ ไหน ๆ ก็อยู่พร้อมหน้าแล้ว ทานข้าวด้วยกันก่อนเถอะค่ะ”
ไอรินพูดพลางนวดไหล่ให้ผู้เป็นแม่อย่างออดอ้อน คุณหญิงลดาที่ฟังคำลูกสาวคนโปรดก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที
“ก็ได้จ้ะ คนดีของแม่”
ดารินมองการกระทำและน้ำเสียงของมารดาที่ต่างจากตอนที่คุยกับเธอจนอดน้อยใจไม่ได้ คำถามในใจดังขึ้นเรื่อยๆ ว่าการกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันครั้งนี้ใช่เรื่องที่เธอควรทำหรือไม่
“แม่เขาก็เป็นแบบนี้แหละ ให้เวลาเขาหน่อยนะ”
เกรียงไกรกระซิบปลอบดารินพร้อมตบไหล่เบาๆ
ดารินฝืนยิ้มจางๆ พลางก้มหน้าอีกครั้งอย่างไม่รู้จะตอบรับอย่างไร
ผ่านไปครู่หนึ่ง ทุกคนก็มานั่งร่วมโต๊ะอาหารกัน บรรยากาศภายในห้องเงียบงันจนชวนอึดอัด เกรียงไกรจึงเปิดประเด็นขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
“อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าจะมีงานเลี้ยงของบริษัท จะมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่และบริษัทคู่แข่งมาร่วม ผมคิดว่าเราควรใช้โอกาสนี้เปิดตัวดารินเป็นลูกสาวคนที่สามของตระกูลไพศาล”
คุณหญิงลดาทำหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไม่ค่ะ ฉันจะยังไม่เปิดตัว จนกว่าไอด้าจะฟื้น”
“ทำไมล่ะครับ ผมคิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดี คนจะได้รู้ว่าลูกของเราอยู่ครบ และดารินจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะสมาชิกตระกูลไพศาล”
“ทำไมคุณคิดถึงแต่ดาริน ไม่คิดถึงไอด้าบ้างหรือคะ ลูกของเรายังไม่ฟื้น บริษัทของเขาก็มีปัญหา น้ำพักน้ำแรงของเขาเอง ฉันจะไม่ยอมให้มันล่มเพราะเราไม่เตรียมการให้ดี”
เกรียงไกรนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงอ่อนลง
“ผมไม่ได้ไม่คิดถึงไอด้าเลยนะคุณ แต่ดารินก็เป็นลูกของเราเหมือนกัน คุณมีความเห็นอย่างไรเสนอผมมาได้เลย”
ลดาจ้องมองเกรียงไกรด้วยแววตาเย็นชา เธอลอบมองดารินแวบหนึ่ง “ฉันมีความคิดอยู่อย่างหนึ่ง”
“อะไรล่ะคุณ หวังว่าจะไม่ใช่เรื่องที่มันผิดไปมากกว่านี้…”
“ให้ดารินใช้ชีวิตเป็นไอด้าไปก่อนเพื่อประคับประคองบริษัท จนกว่าไอด้าจะฟื้น”
ลดากล่าวด้วยเสียงแน่วแน่ไร้ความลังเล
“คุณจะบ้าเหรอ จะให้ดารินปลอมเป็นไอด้าน่ะเหรอ อีกอย่าง คุณไม่คิดจะถามลูกก่อนหรือว่าเขายินดีไหม”
“ไม่มีใครรู้หรอกว่าดารินไม่ใช่ไอด้า หน้าตาเธอก็เหมือนกันขนาดนี้ ถ้าแค่นี้เธอทำไม่ได้ก็คงจะอกตัญญูเต็มทีแล้ว”
เกรียงไกรเผลอขึ้นเสียงอย่างเก็บความโกรธไม่อยู่
“ว่าไง ถ้าพ่อเธอบอกให้ฉันถามความเห็น ฉันก็จะถาม เธอยินดีไหมล่ะ ที่จะใช้ชีวิตเป็นไอด้า”
ดารินนิ่งงัน เธอมองหน้ามารดาด้วยความรู้สึกหลากหลาย พูดไม่ออก ทำได้เพียงกล้ำกลืนทุกอย่างไว้ในใจ
