บทที่2.คืนฝนพรำ!! 3/5
ชายหนุ่มขบปากตนเองไปมาหลายครั้ง รีบมองหาช่องทางที่จะย้อนกลับไปที่รถยนต์
แต่ก็ต้องอ้าปากค้าง! เมื่อรถยนต์ของเขาวิ่งฉิวผ่านหน้าไปในระยะประชิด!! ให้ตายสิ! ไอ้พวกนั้นมันเป็นโจรหรืออย่างไร ทำไมมันสามารถเปิดประตูรถยนต์ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยชั้นหนึ่งได้อย่างง่ายดาย...
ใช่..ความซวยกำลังมาเยือนเขาอย่างที่เซดริกบอกไว้จริงๆ ด้วย ลิเดียเป็นผู้หญิงที่เข้าใจยากที่สุด หล่อนหยิ่ง ผยอง และคิดว่าตัวเองเป็นจุดรวมของแกนโลก ผู้ชายทุกคนที่เข้ามาในชีวิตหล่อน จะต้องสนองตามความต้องการของหล่อนแต่เพียงผู้เดียว...แต่ แวซ็องไม่! ...เขาไม่เคยสนใจลิเดียจริงจัง ก็แค่คนรู้จักในสังคมเดียวกัน และเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพิง ‘สกอฟิลด์’ เมื่อ ‘ออกัสตัส’ ยิ่งยงได้ด้วยตัวเอง
“นายซวยแล้วแวซ็อง! ..หึ แม่สาวนั่น จะทำให้นายปวดหัวไปอีกนาน...จนกว่าไอ้โง่ดิดิเย่ร์มันจะรู้ตัว ว่าเมียที่มันรักนักหนา ไม่เคยพิศวาสมันเลย”
เสียงเซดริกพูดมาตามสายคราวนั้น ก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายๆ นี่ขึ้น มันทำให้เขาถึงกับสบถออกมาด้วยความพรั่นพรึง
“แกก็รู้ ฉันไม่เคยพิศวาสลิเดีย”
“ฉันรู้แล้วไงพี่ชาย แต่ไอ้เวรดิดิเย่ร์มันไม่รู้นี่นา มันคิดแต่ว่านายหลงรักเมียมัน มันเลยหวงก้างอยู่นี่ไง เข้าใจป่ะ มันคิดว่านายกำลังจ้องจะฉกเมียมันไง!”
“ไม่ขำว่ะ...หากฉันจะเอาลิเดียนะเหรอ ไอ้หมาโง่ดิดิเย่ร์ มันไม่ได้หล่อนไปครองหรอกโว้ย...บอกมันให้คิดดีๆ คนอย่างฉันหากอยากได้มีหรือจะเหลือถึงมือมันน่ะ”
“เครๆ ถ้าเจอจะบอกให้นะ แต่นายควรระวังตัวดีๆ ตอนนี้มันเป็นหมาบ้า”
แวซ็องจำได้ดี ว่าเขาโวยวายออกไปอย่างฉุนเฉียว แต่น้องชายกลับหัวเราะลงคออย่างชอบใจกับชะตากรรมของเขาเสียเต็มประดา แน่ล่ะมันคิดว่าเป็นการสะใจที่แวซ็องกำลังจนมุมกับปัญหาเรื่องเดิมๆ ที่เจ้าตัวคิดว่าจัดการได้...
ชายหนุ่มส่ายศีรษะ หลังนึกถึงคำเตือนของน้องชายสุดแสบ เซดริก!!
หมอนี่มันช่างกวนประสาทได้ใจจริงๆ ด้วย แวซ็องครุ่นคิดด้วยความกังวลไม่หาย เขาหลบหน้าดิดิเย่ร์ไปอยู่ที่ไหนดี จนกว่าเรื่องวุ่นวายทั้งหมดจะสงบลง แต่...ทุกอย่างก็มืดดับ เมื่อรู้สึกถึงแรงกระทบด้านหลังศีรษะ ม่านตาเขาดับวูบ!
เขาพลาดท่าดิดิเย่ร์ อย่างนั้นเหรอ?
เสียงสุนัขเห่าดังขรม ชายหนุ่มหันไปตวัดตาไล่ พร้อมกับแยกเขี้ยวขู่ เขาเดินเลี่ยงสุนัขปากเปราะ อ้อมหลบไปทางด้านหลัง ไม่มีใครรู้เจตนาของเขาเท่ากับเจ้าตัว
เอาวะ!
จากหางตาระหว่างที่ออกเดิน เขาเหลือบเห็นกระเป๋าใส่สตางค์ตัวเอง ถูกทิ้งไว้บนพื้นหญ้าเปียกๆ ชายหนุ่มรีบวิ่งฝ่าสายฝน ฉวยหยิบขึ้นมาจากพื้น ให้ตายสิ! ไอ้โจรกระจอก หยิบเงินสดออกไปจนหมด แต่กลับทิ้งบัตรเครดิตที่มีมูลค่ามากกว่าไว้เสียอย่างนั้น มันแสดงให้เห็นว่า คนที่รูดทรัพย์เขาไปไม่โง่ ก็คงรีบ...
ชายหนุ่มยัดกระเป๋าสตางค์เปล่าเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม เขาเดินย่ำน้ำที่เจิ่งนองบนพื้นพลางสบถเสียงขุ่น
“Damn!”
ก้มมองดูเท้าเปลือยของเขาที่ปราศจากรองเท้าหนังมันวับ...ถุงเท้าสีดำเปียกชุ่มไปด้วยคราบโคลนเหนียวๆ เขากวาดตามองหาอะไรก็ได้ที่จะทำให้เขาหายขยะแขยงแบบนี้สักที...รองเท้าหูคีบฟองน้ำ วางอยู่หน้าห้องพักห้องหนึ่ง ขนาดพอที่เขาจะสวมได้ ชายหนุ่มตรงดิ่งไปยังที่ที่นั้น เขาถอดถุงเท้าเปียกฉ่ำ โยนทิ้งไปไกลๆ ก่อนจะคว้ารองเท้าคู่นั้นเดินถือออกมาที่ชายคา ยื่นเท้าเปลือยที่มีคราบโคลน ชะล้างด้วยน้ำฝนที่ไหลหล่นมาจากชายคาก่อนจะเสือกเท้าตัวเองลงไปในรองเท้าฟองน้ำคู่นั้น
ปัญหายังไม่หมด...เวลานี้แวซ็องเริ่มหนาว...เสื้อ กางเกงเขาเปียกชุ่ม มันทำให้อุณหภูมิในร่างกายเริ่มลดลง เขากำลังหนาว และอาจจะจับไข้...ชายหนุ่มระบายลมหายใจที่เริ่มมีไอร้อน เขาคงต้องหาตัวช่วยให้ตัวเองก่อน กว่าจะเช้ายังอีกนาน ตอนนี้เวลาเท่าไรแล้วก็ไม่รู้? เมื่อนาฬิกาเรือนโปรดของเขาดันหยุดเดินเสียอย่างนั้น “เชี่ยเอ๋ย! แพงเสียเปล่า” ชายหนุ่มสบถอย่างฉุนเฉียว หน้าสิ่วหน้าขวาน ทุกสิ่งรอบตัวเขาเหมือนจะอยู่ผิดที่ผิดทาง เขาต้องการความช่วยเหลือ แต่ตอนนี้คงต้องช่วยเหลือตัวเองก่อนที่จะหนาวตายและอาจจะมีไข้รุม