บทที่2.คืนฝนพรำ!! 1/5
ชีวิตผู้หญิงตัวคนเดียวที่พึ่งจะย้ายตัวเองออกมาจากบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้า เนื่องจากอายุเกินกว่าที่ทาง ‘บ้านน้ำริน’ จะให้ที่อยู่ที่กินได้ สาวน้อยจึงต้องออกมาจากบ้านที่เติบโตมาอย่างอาลัย แต่ก็ไม่วายแวะกลับไปเยี่ยมทุกครั้งในวันหยุดงาน เพื่อแบ่งเบาภาระให้กับครูพี่เลี้ยง กับอาจารย์ใหญ่ที่ทำงานอยู่ในบ้านหลังนั้น เธอมักจะเจียดเงินเดือนของตัวเองส่วนหนึ่งให้กับน้องๆ เพื่อแบ่งปันโอกาสให้กับพวกเขา เหมือนดั่งที่ตัวเองเคยได้รับ ความรู้แค่หางอึ่งของเธอ ทำให้ต้องขายแรงงานเพื่อหาเลี้ยงปากท้องตัวเอง
เมวิกาแบ่งเงินเป็น3 ส่วน ส่วนที่หนึ่งกินใช้เพื่อตัวเอง มันรวมถึงค่าเช่าห้อง อีกส่วนมอบให้น้องๆ ที่บ้านน้ำริน ส่วนสุดท้ายเก็บไว้เพื่อการศึกษา เธอลงเรียนในมหาวิทยาลัยเปิดแห่งหนึ่ง จุดมุ่งหมายเพื่ออนาคตที่ดีกว่าเก่า เรียนต่อให้สูงขึ้น...ใช้เงินที่หามาได้อย่างคุ้มค่าที่สุด ไม่เกี่ยงงาน หากมีเวลาว่างเธอยินดีทำ แม้จะเป็นงานที่ต่ำต้อย อย่างการขัดล้างบ้าน หากมีคนว่าจ้างเมวิกาไม่เคยปฏิเสธ เธอจำเป็นต้องใช้เงินอีกเยอะ
เสียงสุนัขที่หลบฝนอยู่ใต้ชายคาเห่าเสียงดังๆ เมวิกาบ่นพึม เธอรีบเดินเพราะไม่อยากเปียกฝนนานกว่านี้
ชุดทำงานตัวเก่งเปียกปอนเพราะละอองฝน เปียกชุ่มจนหัว หูลีบเพราะหยาดน้ำฝนที่โปรยลงมาจากท้องฟ้า
“หยุดเห่าได้แล้วไอ้ตูบ...แกมานอนหน้าห้องพี่เมนี่มา ไปหลบตรงนั้นจะเปียกเสียเปล่าๆ”
เธอพูดเสียงดังพร้อมกับส่งยิ้มให้ รีบควานมือลงไปในกระเป๋าสะพาย ควานหาเศษอาหารที่นำติดตัวมาเพื่อแบ่งปันให้กับสุนัขไร้เจ้าของ ถุงพลาสติกขนาดย่อม ถูกวางลงบนพื้นดินเปียกแฉะ เธอเปิดปากถุงและกวักมือเรียกสุนัขแสนรู้ตัวนั้นหย็อยๆ มันกระดิกหางและรีบคลานออกมาจากเพิงไม้เก่าๆ ก่อนจะแสยะปาก แยกเขี้ยวยิ้มให้เมวิกาเป็นสิ่งตอบแทน เมื่อมันได้มีอาหารกินรองท้อง
“อย่าส่งเสียงดังไปล่ะ เดี๋ยวพี่ๆ คนห้องข้างจะออกมาตะเพิดแกอีก...พี่เมไปล่ะ ง่วงตาจะปิดแล้ว” เธอยกมือลูบลงไปบนหัวชื้นๆ ของสุนัขตัวนั้น มันไม่ได้แตกต่างอะไรกับเธอเลย ตัวคนเดียวบนโลก ไม่มีพี่ มีน้อง แต่เธอโชคดีกว่าที่เกิดเป็นมนุษย์ ยังสามารถหาเลี้ยงปากท้องให้ตัวเองได้
มันกินอาหารก้นถุงจนหมด และนอนหมอบหน้าห้องพักของเมวิกาตามคำสั่ง คอยระแวดระวังภัยให้หล่อน ทำตัวประหนึ่งเป็นองครักษ์ เมวิกาจึงหลับสนิท แม้จะอยู่แค่ห้องแคบๆ มีพัดลมตัวเล็กๆ พัดเป่าเพิ่มความเย็น แต่เธออ่อนเพลียเกินกว่าจะรับรู้สภาพอากาศรอบตัว...
หญิงสาวหลับสนิทเพราะอากาศที่เย็นชื่น สายฝนยังคนหลั่งริน โปรยปรายลงมาจากฟ้าไม่ขาดสาย ตั้งแต่หัวค่ำจนถึงช่วงเวลาดึกสงัด เมื่อฝนตกผู้คนจึงสมัครใจนอนห่มฝ้าอยู่ในบ้านของตัวเอง มากกว่าที่จะออกมาเดินเพ่นพ่านเหมือนทุกๆ วัน ชุมชนแออัดไม่เคยเงียบสงัดเช่นนี้ เมื่อทุกคนต้องทำงานหาเลี้ยงปากท้อง จึงมีคนทำมาหากินเดินเข้าเดินออกทั้งคืน มันจึงเป็นคืนแรกที่ไร้วี่แววมนุษย์ เมื่อสายฝนยังเทกระหน่ำ ไม่ยอมหยุดสักที
เงาร่างตะคุ่มๆ เขาโผเผเดินล้มลุกคลุกคลาน ...เหมือนกำลังพยายามหนีอะไรบางอย่างที่ติดตามมาอย่างไม่ประสงค์ดี แววตาคมดุกราดมองไปรอบๆ ตัว เขาถอนลมหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ยกมือขึ้นลูบใบหน้า ไล่หยดน้ำที่เกาะจนพราวฉ่ำ พร้อมกับมองฝ่าละอองฝนเพื่อมองหาที่ซุกตัว
แต่...
ผั๊วะ! เป็นเคราะห์ซ้ำกำซัด ไม่อาจจะรู้ได้
ท่อนไม้ขนาดพอเหมาะมือฟาดลงที่กลางหลัง จนผู้ชายคนนั้นถลาล้มลงไปกองที่พื้น พื้นที่มีแต่คราบน้ำโคลน เนื่องจากสายฝนรินหลั่งอยู่ทั้งคืน เขาหมดสติแทบจะทันที...มันจึงเป็นโอกาสดีๆ ให้คนไม่หวังดีจัดการปลดทรัพย์สินที่ติดกายเขาไปจนหมด...ไม่เว้นแม้แต่รองเท้าหนังเงาวับที่ชายเคราะห์ร้ายผู้นั้นสวมใส่
มันแสยะยิ้ม...เปิดกระเป๋าสตางค์ของชายผู้นั้นออกดู ก่อนจะตาลุกวาว เมื่อธนบัตรปึกหนาๆ อัดแน่นเต็มช่องกระเป๋า...มันดึงธนบัตรทั้งหมดออกมา ก่อนจะโยนกระเป๋าสตางค์เปล่าๆ ไว้บนกอหญ้าห่างจากที่ชายเคราะห์ร้ายนอนสลบอยู่ไม่เท่าไร