บทที่3.จบตอน
“ในที่สุดก็ตื่นได้เสียที..”
เสียงทุ้มดังขึ้นที่มุมใดมุมหนึ่งของห้อง เฟื่องลดาหันไปตามเสียงก็พบร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ที่หน้าต่างบานยาวจรดพื้น ที่เปิดกว้างรับลมจากภายนอกเข้ามาในห้อง เฟื่องลดาค่อยๆ ลุกลงจากเตียงทันทีแล้วยืนให้ห่างเตียงมากที่สุด ลี
“คือ.. ที่นี่ ที่ไหนคะ..”
เฟื่องลดาถามออกไปเสียงสั่นพลางกวาดตามองรอบกายก็พบว่าห้องนี้สวยมากทีเดียว ห้องของเจ้าหญิงในเทพนิยาย เธอนิยามมันอย่างนั้นกับสิ่งที่เห็น แล้วสายตาของเธอก็มองไปนอกหน้าต่างก็ยิ่งทำให้ยิ่งตื่นตาตื่นใจสองขาก้าวไปที่ริมหน้าต่างทันที..
โอ คุณพระ คฤหาสน์หลังนี้สร้างอยู่บนหน้าผา.. ถัดจากสนามหญ้าเขียวขจีและต้นไม้ที่ปลูกตกแต่งอย่างงดงามไกลออกไปจากสายตาที่พอจะมองเห็นมันคือท้องทะเลเวิ้งว้างแสงแดดยามเช้าส่องกระทบคลื่นระยิบระยับราวยอดคลื่นประดับด้วยเพชรพลอยพราวพรายจนเธอตาพร่าไปเลยทีเดียว..
มิน่าเล่าเธอจึงได้กลิ่นลมทะเลและอากาศที่ถ่ายเทอยู่ในห้องก็เย็นสบายกำลังดีไม่ร้อนไม่หนาว เรียกได้ว่าตอนนี้เธอเหมือนอยู่ในห้องของเจ้าหญิงที่อยู่บนหอคอยอย่างไรอย่างนั้น แล้วทีนี้เจ้าชายที่ไหนจะมาช่วยเธอล่ะ
“บ้านผมเอง ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรกอนซาเลซ”
เขาเรียกที่นี่ว่าบ้านอย่างนั้นเหรอ เฟื่องลดาละสายตาจากทิวทัศน์งดงามเบื้องนอกมามองเขาอย่างเต็มตา
โอย.. ทำไมเขาถึงหล่อขนาดนี้ แต่ถึงจะหล่อและสั่นคลอนใจเธอมากแค่ไหน.. เฟื่องลดาก็บอกตัวเองว่าเขาดูน่ากลัวเกินไป เขาอาจจะเป็นเจ้าพ่อ มาเฟีย หรืออะไรสักอย่างที่ทำสิ่งผิดกฎหมายไม่อย่างนั้นไม่ร่ำรวยอยู่คฤหาสน์ราคาร้อยล้านพันล้านแบบนี้ได้หรอก เขาต้องไม่ใช่คนดีแน่ๆ
“ผมไม่ใช่อาชญากร และไม่ได้เป็นมาเฟียอย่างที่คุณคิดแน่นอน..” เฟื่องลดาอ้าปากค้างพะงาบๆ รีบแก้ตัว
“ปละ เปล่า ไม่นะคะคือฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นคุณอุตส่าห์ช่วยฉัน..” เขาช่วยเธออย่างน้อยก็ช่วยให้เธอนั่งรถหนีคนร้าย หญิงสาวพยายามหาคำมาแย้งความคิดแง่ลบในใจพลางหลบตาเขา...
“แต่สายตาคุณมองเหมือนว่าผมเป็นมาเฟียหรือพวกคนที่ไม่ดีเลยนะ”
“คนบ้าอะไรรู้ใจเราไปเสียหมด อ่านใจคนอื่นได้ด้วยเหรอจะเทพไปแล้ว” เฟื่องลดาพูดกับตัวเองเบาๆ ด้วยภาษาไทย
“เมื่ออยู่กับผมกรุณาใช้ภาษาที่ผมฟังออกด้วยนะ เดาว่าที่คุณพูดเป็นภาษาไทยและกำลังว่าผมอยู่แน่ๆ”
“ก็ฉันแค่ตกใจและกำลังจูนตัวเองอยู่ สิ่งที่ฉันเจอมันอธิบายยากนี่คะ”
โอย คนอะไรรู้ดีรู้มากจริงๆ รู้แม้กระทั่งเธอคิดหรือพูดอะไร..
หญิงสาวเมินหลบตาคนตัวโตที่เดินเข้ามาหาเธอจึงต้องก้าวถอยหลังนึกดีใจที่ห้องนี้กว้างขวางใหญ่โตกว่าบ้านหลังเล็กของเธออีกกระมัง แล้วเขารู้ได้อย่างไรว่าเธอเป็นคนไทย...
“คุณรู้ได้ไงคะว่าฉันเป็นคนไทย”
“เคยได้ยินย่าทวดพูด บ้า คนบ้า คำนี้ผมจำได้ เวลาที่คุณย่าทวดค้อนปู่ทวดหรือแง่งอนกัน” เขาออกเสียงสองคำนั้นได้ชัดเจนเลยทีเดียว
“ละ แล้วคุณพูดหรือฟังได้ไหม หมายถึงภาษาไทย เอ๊ะ.. หรือว่าคุณ..”
“คุณย่าทวดผมเป็นลูกครึ่งไทย อเมริกัน แต่ผมพูดภาษาไทยไม่ได้หรอกนะ แต่รู้ความหมายของสองคำนี้”
“โอย.. ดีใจจัง อย่างน้อยๆ คุณก็มีสายเลือดคนไทย แต่ฉันไม่ได้ว่าคุณเลยนะคะ จริงๆ”
เมื่อรับรู้ว่าเขาก็มีสายเลือดไทยใจก็พอชื้นขึ้นมาหน่อย เฟื่องลดาจึงลดความเกร็งตึงเครียดในใจลงแล้วยิ้มกว้างให้เขา
“แน่ใจนะ”
“ค่ะ แน่ใจ แต่ตอนนี้ฉันหิวจังค่ะ” หญิงสาวพูดอายๆ เมื่อรู้สึกถึงความหิวที่ท้องของเธอกำลังประท้วง
“อ้อ.. ขอโทษที ลืมไปว่าคุณหลับไปหลายชั่วโมงจนผมคิดว่าคุณจะไม่ตื่นขึ้นมา ผมจะพาไปที่ห้องอาหารได้เวลาอาหารเย็นพอดีเลย อ้อ ลืมแนะนำตัวไป ผมชื่อ ลีโอนาร์ด.. เรียกผมว่าลีโอก็แล้วกัน”
“ฉันเฟื่องลดาค่ะ จะเรียกฉันว่าแวนด้าก็ได้ เพื่อนต่างชาติมักเรียกฉันแบบนั้นแต่ฉันคิดว่าคุณคงรู้แล้ว”
“ใช่ผมรู้ เสื้อผ้ากระเป๋าเดินทางเอกสารทุกอย่างของคุณผมให้คนไปเอามาให้แล้ว ไม่ต้องตกใจที่ทำไปก็เพื่อความปลอดภัยของเราทั้งสองคนแล้วจะอธิบายให้ฟัง..”
เฟื่องลดาหันไปมองคนที่เดินเคียงข้างนำเธอไปยังห้องอาหารอย่างทึ่งจัด นี่เขาจัดการทุกอย่างได้ง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือแต่ท่าทางเคร่งขรึมของเขาทำให้เธอเงียบจนเดินไปถึงห้องอาหาร..
ห้องอาหารที่ลีโอนาร์ดว่านั้นทำให้เฟื่องลดาแทบหมดความอยากกินอาการเลยทีเดียว เพราะมันกว้างใหญ่มาก เพดานสูงประดับด้วยไฟระย้างดงามเปล่งประกายระยิบระยับราวปราสาทในเทพนิยาย และในพระราชวังที่เธอเคยไปเที่ยวมาก่อนหน้านี้ห้องรับประทานอาหารของเหล่ากษัตริย์ หรือขุนนางก็เป็นแบบนี้ งดงามอลังการเกินบรรยายและทำให้รู้สึกเหงาในเวลาเดียวกัน ห้องกว้างขวางและมีอาหารมากมายแต่มีคนกินแค่สองคนเท่านั้น มันจะไม่เหงาได้อย่างไร
“เชิญครับ” เขาเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งหญิงสาวขอบคุณเขาเบาๆ แล้วมองอาหารมากมายตรงหน้าจนตายลายหน้าตาแปลกๆ และหอมกรุ่นยั่วลิ้นเหลือเกิน ลีโอนาร์ด
“คุณคงเคยกินอาหารสเปนมาบ้างใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ แต่นี่มันเยอะมาก เราจะกินหมดได้อย่างไรกันคะ”
“ผมบอกแค่ว่าให้ทำอาหารต้อนรับแขก แม่บ้านผมเลยทำเสียเหมือนเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน”
เขาพูดติดตลกแต่หน้าตากลับไม่ยิ้มเลยสักนิด เฟื่องลดาพยักหน้าน้อยๆ แล้วจัดการอาหารตรงหน้าจนอิ่มเรียบร้อยเขาก็พาเธอเดินไปที่สวนดอกไม้ของบ้านซึ่งมีซุ้มดอกไม้งดงามไม่แพ้สวนหย่อมของสถานที่ท่องเที่ยวที่เคยได้เห็นมาก่อนหน้านี้ หรืออาจจะสวยกว่าเสียด้วยซ้ำ ทั้งสองเดินมาจนถึงม้าหินอ่อนเกะสลักงดงามอยู่กลางสวนซึ่งมีโดมไม้เลื้อยงดงามเป็นร่มเงา
“เอาล่ะเรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า เรื่องของเรา..”
ท่าทางของลีโอนาร์ดจริงจัง ใบหน้าหล่อเหลาที่มีหนวดเคราตัดเล็มอย่างเรียบร้อยนั้นเคร่งขรึมซึ่งเฟื่องลดาเดาว่ามันคงเป็นบุคลิกของเขา ไว้ตัว ดูเย่อหยิ่ง.. แต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจ ข้อนี้เธอรู้และสัมผัสได้ดี เขียนนิยายรักโรแมนติกมาก็เยอะ ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกในนิยายที่เขียน และเป็นนางเอกที่กำลังหัวใจเต้นแรงเมื่อได้พบพระเอกด้วยสิ
“ค่ะ..”
“ทีนี้คุณบอกได้รึยังว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ฉัน เห็นผู้ชายสองคนทะเลาะกันแล้วจู่ๆ ชายอีกคนหนึ่งก็ชักปืนออกมายิงคู่กรณีจนจมกองเลือด..”
เฟื่องลดาเล่าเหตุการณ์ระทึกขวัญให้เขาฟังอย่างละเอียดและพอนึกถึงทีไรหัวใจเธอก็หวาดหวั่นกลัวไปหมด
“ฉันก็เลยวิ่งหนีมา ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรจึงวิ่งขึ้นรถคุณ เรื่องมันก็มีเท่านี้ล่ะค่ะ”
“แล้วรูปที่คุณถ่ายได้ล่ะ”
“อยู่ในกล้องทั้งหมดเลยค่ะ แล้วกล้องของฉันมันไม่อยู่กับคุณเหรอคะ”
หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่นเริ่มวิตกห่วงว่ากล้องจะหายไปเพราะถ้าหากกล้องตัวนี้หายไปเธอคงอยากเอาหัวโขกกำแพงชักดิ้นชักงอด้วยความเสียดายนั่นเอง
“มันอยู่ที่นี่แต่ผมคงไม่เสียมารยาทเปิดดูถ้าหากเจ้าของไม่อนุญาต”
“เฮ้อ.. โล่งอกที่มันยังอยู่.. ว้ายยย คุณ ช่วยด้วย..”
หญิงสาวยิ้มกว้างแล้วก็ต้องหุบยิ้มกระโดดมาเกาะแขนเขาแน่นเมื่อเห็นสุนัขตัวใหญ่วิ่งหูตั้งมาหา
“หยุด โตโต้ นั่งลง..”
“มะ หมา.. ฉันกลัวมัน” หญิงสาวหน้าซีดตัวสั่นบ่งบอกว่ากลัวจริงๆ ไม่ได้แกล้ง
“มันไม่ทำอะไรคุณหรอกเพราะถ้าจะทำร้ายคุณมันกัดคุณตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ”
เขาบอกแล้วสั่งให้เจ้าสุนัขตัวโตนั่งลงและทำตัวดีๆ เจ้าโตโต้ทำตามเจ้านายสั่งอย่างดีแต่ก็แอบขยับมาใกล้ๆ เงยหน้ามองหญิงสาวที่เกาะแขนเจ้านายของมันแน่นแล้วเห่าเบาๆ เหมือนทักทาย
“แล้ววันนี้มันจะกัดฉันมั้ย ดูสิมันเห่าฉัน..”
เฟื่องลดาเบียดชิดร่างแกร่งแทบจะกอดเขาเลยทีเดียวซึ่งเธอไม่รู้ตัวว่าตนเองเบียดชิดเขามากแค่ไหนและความใกล้ชิดนั้นมันทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอย่างไรในตอนนี้
“มันแค่ทักทายคุณน่ะ ปกติมันไม่เห่าทักใครสักทีนอกจากผมและคนสนิทไม่กี่คน แต่ปกติแล้วเจ้าโตโต้ไม่ชอบผู้หญิง มันจะขู่และแยกเขี้ยวใส่หรือไม่ก็กัดเลย แต่มันเห่าเบาๆ ใส่คุณแบบนี้หมายความว่ามันทักทายคุณ หากคุณอยู่ที่นี่คุณต้องเรียนรู้ที่จะทำความรู้จักมัน..”
เขาบอกถึงนิสัยของเจ้าหน้าขนแต่คำพูดของเขาก็สะกิดอะไรบางอย่างในใจ เขาบอกว่าหากเธออยู่ที่นี่เหรอ มันหมายความว่าอย่างไรนะ..
“เมื่อกี้คุณบอกว่า หากฉันอยู่ที่นี่ หมายความยังไงคะ คุณจะไม่ส่งฉันกลับโรงแรมหรือส่งฉันกลับประเทศไทยหรือคะ” ถามเขาแต่ก็ยังเกาะแขนเขาไว้แน่นใบหน้านวลลออเงยมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“ใช่.. คุณจะต้องอยู่ที่นี่จนกว่าผมจะจัดการคนร้ายได้และเคลียร์เรื่องนี้จนจบ”
“ตะ แต่..”
“หากคุณกลับเมืองไทย คุณคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะไม่ตามคุณไปเหรอ หากเขากล้าทำอะไรแบบนั้นในที่แบบนั้นแสดงว่าเขาต้องเป็นคนที่มีอิทธิพลหรือไม่ก็เป็นนักฆ่ามืออาชีพเลยทีเดียว และหากผมมีแค่รูปถ่ายที่คุณถ่ายได้ มันจะมีความหมายอะไร คนร้ายก็ยังอยู่ๆ เผลอๆ มันอาจจะกำลังแกะรอยตามผมอยู่ก็ได้”
“คือฉัน..”
“ผมมีข้อเสนอ..”
เขาบอกด้วยแววตาจริงจัง เฟื่องลดากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเพราะรู้สึกเหมือนว่าลำคอมันแห้งผากเป็นผุยผงอย่างไรอย่างนั้น รู้สึกสังหรณ์ใจอย่างบอกไม่ถูก...
