บท
ตั้งค่า

บทที่ 1. ก้าวแรกบนแผ่นดินสเปน

“เดินทางปลอดภัยกันนะลูก ยายล่ะไม่อยากให้เฟื่องไปไหนเลย ยายคิดถึง”

ยายฟอง ยายของเฟื่องลดาพูดไปก็เช็ดน้ำตาป้อยๆ เหมือนทุกครั้งที่เธอเดินทางไปเที่ยวหรือไปอบรมสัมมนานั่นล่ะ

“โถๆ ยายจ๋า เฟื่องไปแค่ไม่กี่วันเอง เดี๋ยวก็หอบของฝากมาให้ยายจ๋าเยอะๆ ไงจ๊ะ”

“จริงนะ อย่าลืมนะ”

พอพูดถึงของฝากยายฟองก็หน้าใสตาใสเหมือนเด็กๆ ได้ของถูกใจทันที และในวัยเจ็ดสิบยายฟองก็ยังนับว่าเป็นหญิงชราที่แข็งแรงและความจำดีมากทีเดียว

“ไม่ลืมจ้า เฟื่องจะหาของพื้นเมืองสวยๆ มาฝากยายจ๋านะจ๊ะ”

“งั้นเดินทางปลอดภัยนะลูก”

สองยายหลานกอดกันกลมล่ำลากันอยู่เหมือนเด็กๆ อารียาส่ายหน้ายิ้มๆ กับสองยายหลานเหมือนทุกครั้ง

“กอดกันพอได้แล้วมั้งคะ เดี๋ยวตกเครื่องกันพอดีแกถอยไปยายเฟื่อง ให้ยายฟองกอดฉันมั่งสิ ถอยๆ” พูดแล้วก็ผลักเฟื่องลดาออกแล้วเข้าไปสวมกอดร่างอวบๆ ของยายฟองเสียเอง

“มาๆ กอดๆ”

ยายฟองกอดอารียาอย่างรักใคร่ไม่แพ้หลานสาวในไส้เลยทีเดียว และนางก็เห็นอารียามาตั้งแต่เด็กๆ เพราะรั้วบ้านติดกันแม้ว่าฐานะทางบ้านของอารียาจะร่ำรวยกว่าครอบครัวของนางซึ่งเป็นเพียงแม่ค้าขายขนมรถเข็นไปวันๆ แต่ครอบครัวของอารียานับว่าเป็นคนดีไม่ถือตัวและยังชอบทำบุญช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากอีกด้วย

“เอาล่ะๆ พอแล้วๆ ขึ้นเครื่องได้แล้วไปๆ”

ยายฟองผละออกไปเช็ดน้ำตาป้อยๆ เหมือนเด็กๆ อีกครั้งแล้วถอยไปหนึ่งก้าว เฟื่องลดากับอารียาจึงเดินโบกมือลายายฟองก่อนจะเดินไปขึ้นเครื่อง

สองสาวเดินทางอย่างราบรื่นจนเมื่อเครื่องบินแตะรันเวย์ของสนามบินนานาชาติในมาดริดทั้งสองก็ตรงไปที่พักทันทีและเมื่อถึงโรงแรมสองสาวก็ตื่นตาตื่นใจไปกับห้องพักที่หรูหรางดงามและคืนนั้นพวกเธอก็นอนหลับสบายโดยไม่มีอาการเจ็ตเลท

วันต่อมาเฟื่องลดากับอารียาก็ลงมารอไกด์นำเที่ยวจากบริษัททัวร์มารับไปตามโปรแกรมที่จัดไว้ เนื่องจากเธอเป็นลูกค้าพิเศษซึ่งโมกข์ได้ติดต่อไว้ให้เป็นการส่วนตัวการมาสเปนครั้งนี้จึงเหมือนการมาเที่ยวเป็นการส่วนตัวและไกด์นำเที่ยวก็คือว่าที่พี่สะใภ้ของอารียานั่นเอง

“ยินดีต้อนรับสู่มาดริดค่ะ ญาญ่า แวนด้า”

เอเลน่า สาวสเปนสุดสวยแต่งกายปราดเปรียวดูเหมาะกับบุคลิกของเธอยิ้มให้สองสาวจากเมืองไทย ที่สำคัญเอเลน่ากล่าวทักทายพวกเธอด้วยภาษาไทยแม้จะแปร่งๆ ไปบ้างแต่นับว่าเธอพูดได้ชัดมากทีเดียว เอเลน่าจะเรียกเฟื่องลดาว่า แวนด้า ซึ่งเป็นชื่อเล่นที่เพื่อนชาวต่างชาติมักเรียกเธอเสมอ

“สวัสดีค่ะเอเลน่า”

“พร้อมกันรึยังคะ”

“พร้อมมากค่ะ” ทั้งเฟื่องลดากับอารียาพูดขึ้นพร้อมกันแล้วทั้งสามสวยที่มีความงามแตกต่างกันไปก็เดินออกไปยังรถที่มารอรับ ที่แรกที่เอเลน่าพาพวกเธอไปคือ พระราชวังแห่งมาดริด (Palacio Real-Madrid’s Royal Palace) และเดินถ่ายรูปตามสถานที่ต่างๆ อย่างเพลิดเพลินจนเย็นย่ำเอเลน่าก็พาพวกเธอมาส่งที่โรงแรม

“ความจริงญาญ่ากับแวนด้าไปพักที่บ้านเอเลน่าก็ได้นะ มีตั้งหลายห้อง คุณพ่อคุณแม่ไม่ว่าหรอก แต่โมกข์น่ะขี้เกรงใจเกินไป ดูสิ มาเสียเงินนอนโรงแรมทำไมก็ไม่รู้”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะเอเลน่ามันเป็นความต้องการของพวกเราเองล่ะค่ะ” เฟื่องลดาบอกเมื่อเอเลน่าบ่นแฟนหนุ่มหน้ามุ่ย

“แวนด้าอย่าเกรงใจเลยค่ะ โรงแรมนี้ก็ดีอยู่หรอก แต่เอเลน่าอยากให้ไปพักที่บ้านมากกว่า”

“เอาไว้ หากคราวหน้ามาอีกรับรองไม่เสียเงินพักโรงแรมแน่นอนค่ะ”

“คือแวนด้าเนี่ย เขาอยากพักโรงแรมเพื่อเก็บเกี่ยวบรรยากาศไว้ไปเขียนนิยายน่ะเอเลน่า อย่ากังวลไปเลยค่ะ” อารียาขยายความยิ้มๆ

“อ้อ.. อย่างนี้นี่เอง ขอให้ได้ข้อมูลเยอะๆ นะคะ วันนี้คิดว่าแวนด้าคงได้ข้อมูลเยอะ ถ้าอย่างนั้นเอเลน่ากลับก่อนนะคะพรุ่งนี้เจอกันใหม่ค่ะ”

สาวสวยกลับไปแล้วทั้งสองสาวก็กลับขึ้นห้องพักของตนด้วยความชื่นมื่นเฝ้ารอพรุ่งนี้ที่จะได้ไปเที่ยวอย่างใจจดจ่อ เฟื่องลดารีบจดบันทึกและเขียนเรื่องราวต่างๆ ที่ได้พบในวันนี้ลงไปอย่างละเอียด และคิดพล็อตในการเขียนนิยายเรื่องต่อไปอย่างมีความสุข

“ยังไม่นอนอีกเหรอเฟื่อง”

“อีกนิดหนึ่งนะ แกนอนไปก่อนเลย”

“คงได้เรื่องไปเขียนเยอะเนอะ แบ่งค่าต้นฉบับฉันด้วยนะในฐานะที่พี่สะใภ้ฉันพาเที่ยวจนคุ้ม”

อารียายิ้มกว้างพลางยกคิ้วให้ เฟื่องลดาหันไปค้อนแล้วขยำกระดาษเป็นก้อนกลมๆ ปาใส่เพื่อนรัก

“ยายขี้งก รวยแล้วยังจะงก แหม.. พี่สะใภ้ฉัน ทีก่อนมาไหนว่าไม่อยากได้พี่สะใภ้หัวแดง”

“แหม.. ก็ตอนนั้นยังไม่ได้เห็นไม่ได้รู้จักหล่อนจริงๆ นี่นา พอได้สัมผัสแล้วก็รู้สึกได้ว่านางน่าคบน่ารับเข้าบ้าน”

“แล้วพ่อแม่แกล่ะ ว่าไง”

“ลูกรักใคร พ่อแม่ฉันก็รักด้วยอยู่แล้ว ถ้ากลัวเสียดุลการค้าฉันก็ต้องหาสามีสเปนกลับไปด้วยจะได้คุ้มค่า อิอิ” อารียาพูดสนุกปากแล้วหัวเราะชอบใจเฟื่องลดาก็พลอยหัวเราะไปด้วย

“ไหนแกว่าจะอยู่เป็นโสดจนสามสิบค่อยหาแฟน”

“แหมผู้ชายหล่อๆ เต็มบ้านเต็มเมืองแบบนี้ฉันก็อยากได้ติดไม้ติดมือกลับบ้านไปสักคนล่ะน่าหรือแกไม่อยากได้”

“ไม่อะแก หล่อกินไม่ได้และอาจจะนิสัยไม่ดี ที่สำคัญฉันไม่อยากสามีฝรั่ง น่ากลัวจะตาย ต่างชาติต่างภาษา นี่ขนาดว่าพูดภาษาอังกฤษได้ยังจะคุยกันไม่รู้เรื่อง ถ้าเกิดได้สามีเป็นคนที่นี่แล้วละก็ ยิ่งจะยากเข้าไปใหญ่ ยังไงฉันก็อนุรักษ์นิยมกลับไปหาแฟนคนชาติเดียวกันดีกว่า”

เฟื่องลดาปิดสมุดบันทึกแล้วกลับมาล้มตัวนอนข้างๆ เพื่อนรักแล้วก่ายแขนขากอดรัดอารียาแน่น

“เห้ยๆ อย่ามากอดเลยฉันไม่นิยมกินเพื่อนสาวย่ะ”

“อย่างแกใครจะกินลงยะ นอนไปเลยเพ้อเจ้อ ขอยืมเป็นหมอนข้างหน่อยก็ไม่ได้” แล้วสองสาวก็หยอกเย้ากันอยู่สักครู่ก่อนจะหมดแรงต่างคนต่างหลับไป

“ทำไมถึงได้เกิดปัญหาขึ้นได้ มีใครอยากจะอธิบายมั้ย..”

เสียงเข้มทรงอำนาจดังขึ้นจากชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงที่กำลังหน้าตึงด้วยความไม่พอใจ ดวงตาสีมรกตเข้มขุ่นด้วยอารมณ์กวาดมองบรรดาชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำตรงหน้าร่วมสิบคนที่ยืนนิ่งเหมือนกำลังรอรับคำพิพากษาจาก ลีโอนาร์ด ดีเอซ กอนซาเลซ นักธุรกิจหนุ่มวัยสามสิบสามปี เชื้อสาย สเปน อเมริกา ซึ่งแน่นอนว่าความหล่อเหลาคมเข้มแบบลูกครึ่งที่มีเชื้อสายลาตินอเมริกานั้นสร้างความโดดเด่นให้แก่เขาไม่น้อย

ใบหน้าเรียวยาวได้รูปประดับด้วยคิ้วเข้มและดวงตามคมกริบสีมรกต จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักสีเข้มสวยอย่างคนสุขภาพดี กรามแกร่งมีไรเคราที่ถูกตัดเล็มสั้นเป็นระเบียบทำให้ใบหน้าของเขาดูคมเข้มเซ็กซี่ขยี้ใจ ประกอบกับเรือนผมสีน้ำตาลเข้มประกายทองอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาก็ยิ่งทำให้ลีโอนาร์ดหล่อเหลาโดดเด่นสะดุดตา ซึ่งทั้งรูปลักษณ์และทรัพย์สินมากมายมหาศาลของเขาก็ทำให้หนุ่มหล่อที่ยังคงครองความเป็นโสดอย่างลีโอนาร์ดเป็นชายหนุ่มที่ทำให้สาวๆ หลงใหลคลั่งไคล้ได้ไม่ยาก และแน่นอนว่าผู้หญิงมากมายย่อมเข้ามาในชีวิตของเขาไม่ขาด ซึ่งส่วนใหญ่ก็แค่ชั่วคราวผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แม้หญิงสาวบางคนอยากจะอยู่กับเขาตลอดไปก็ตาม แต่สิ่งนั้นมันยังคงเป็นแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ ที่ไม่มีวันเป็นจริง เพราะลีโอนาร์ดเกลียดการผูกมัดที่สุด

“เกลือเป็นหนอนครับคุณลีโอ และผมก็สงสัยว่ามันเป็นคนของนายเอริค” อูโก้ คนสนิทซึ่งเป็นทั้งเพื่อนและมือขวาคู่ใจของเขาพูดขึ้นแม้จะอายุยังน้อยแต่อูโก้เป็นคนฉลาดและเก่งเกินวัย

“ทำไมนายมั่นใจว่าเป็นคนของเขา”

“ผมเคยเห็นมันอยู่ที่คาสิโน มันเป็นหนึ่งในลูกน้องของนายเอริคครับ”

“แล้วยังไง สิ่งที่ฉันเสียไปมันเกือบร้อยล้าน ไหนจะเรื่องที่ต้องแก้ต่างให้ตัวเองกับพวกตำรวจงี่เง่านั่นอีกใครจะรับผิดชอบ”

ลีโอนาร์ดตวาดลั่นเมื่อมูลค่าความสูญเสียจากการขนส่งสินค้าครั้งใหญ่ถูกโจรกรรมไปอย่างง่ายดายซ้ำเขายังถูกเพ่งเล็งว่าเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยการค้ายาและค้ามนุษย์ข้ามชาติอีกด้วย

“ผมจะหาทางกู้ชื่อเสียงและจัดการเรื่องนี้เองครับ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ในเขตรับผิดชอบของผม”

“เอาล่ะ ทุกคนออกไปได้ ส่วนอูโก้อยู่ก่อน..”

ในที่สุดลีโอนาร์ดก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ เมื่ออยู่กันสองคนในห้องทำงานที่มิดชิดเป็นส่วนตัว ลีโอนาร์ดก็เดินไปที่ปุ่มลับซึ่งอยู่ข้างแจกันโบราณสมัยราชวงศ์ชิงซึ่งเขาประมูลมาได้จากงานกระมูลแห่งหนึ่ง ไม่ช้าภาพวาดขนาดใหญ่ซึ่งเป็นรูปอินเดียนแดงเผ่าเชโรกีซึ่งนั่งอยู่บนหลังม้าที่แขนมีนกอินทรีย์เกาะอยู่ ข้างๆ ม้าตัวใหญ่มีสิงโตตัวใหญ่ยักษ์ขนสีทองอร่ามยืนอยู่ข้างๆ ซึ่งสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ยืนอยู่บนหน้าผาดวงตาของพวกเขามองไปยังท้องฟ้ากว้างไกลนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนออกเผยให้เห็นห้องที่ซ่อนอยู่ข้างใน..

“ฉันมีเรื่องต้องคุยกับนายยาวเลยใช่ไหมอูโก้”

“มันมีอะไรมากกว่านั้นครับคุณลีโอ คุณต้องไม่อยากเชื่อแน่ๆ”

“อูโก้ ฉันไว้ใจนายมาก แต่งานนี้นายพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย” ลีโอนาร์ดย้ำถึงความผิดพลาดซึ่งอูโก้ไม่เคยพลาดมาก่อน

“ผมขอโทษครับ แต่ผมยอมรับว่าพลาด ดังนั้นผมจะจัดการเรื่องนี้เอง คุณจะได้ทุกอย่างคืนมาแน่นอน”

“สิ่งที่ฉันให้นายรับผิดชอบมันคือของนายอูโก้ ไม่ใช่ของฉัน”

ลีโอนาร์ดจ้องใบหน้าหล่อเหลาไม่แพ้กันนิ่ง ไม่มีใครรู้หรอกว่าระหว่างเขากับอู้โก้นั้นมีสายเลือดใกล้ชิดกันเพียงใด อูโก้ไม่ใช่แค่ลูกน้องคนสนิทแต่อูโก้คือน้องชายต่างแม่ของเขา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel