บท
ตั้งค่า

CHAPTER 9

สายลมเหนือไม่เคยทำร้ายผู้หญิงมาก่อน เขาถูกสอนมาตลอดว่าผู้หญิงเป็นเพศที่บอบบาง แต่ผู้หญิงที่นั่งกวนโมโหอยู่ตรงหน้าทำให้เขาทนไม่ไหว ชายหนุ่มคว้าหมอนที่อยู่ใกล้มือโยนใส่เธอ เขาคิดว่าตัวเองโยนเต็มแรงแล้ว แต่หมอนกลับปลิวออกไปอย่างไร้เรี่ยวแรง ขวัญจิรารับหมอนที่เขาโยนมาได้อย่างง่ายดาย เหมือนเขาโยนหมอนมาให้เธอถือเท่านั้น

ชายหนุ่มมองผู้หญิงตรงหน้าตาวาวโรจน์ คว้าหมอนใบใหม่ขึ้นมาแต่เธอก็หลบได้อย่างคล่องแคล่ว

“ออกไปเดี๋ยวนี้!” เมื่อรู้ว่าไม่สามารถทำอะไรเธอได้ เขาก็ชี้นิ้วสั่น ๆ ของตัวเองไปที่ประตู แต่คนที่ยืนอยู่ใกล้เตียงเขากลับลอยหน้าลอยตาไม่เกรงกลัวเลยสักนิด

“ป้าอ่อน เปี๊ยก แพรว ใครอยู่ข้างนอกบ้าง มาลากผู้หญิงบ้าคนนี้ออกไปเดี๋ยวนี้”

เขาตะโกนลั่นเพราะความโมโห แต่ก็ไม่มีใครเปิดประตูเข้ามา เห็นเขาโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ แค่พูดก็หายใจหอบเหนื่อย ขวัญจิราก็เริ่มรู้สึกสงสารจนไม่อยากจะแกล้งคนป่วยต่อ

เธอจับหมอนทั้งสองใบในมือตัวเอง วางลงบนเตียงตามเดิม

“อย่าเพิ่งโกรธจนหมดแรงไปก่อนสิคะ เรายังต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน” พูดจบเธอก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้อง ไม่สนสายตาเย็นชาของเขา

แม่เลี้ยงทิพย์อัปสรและพ่อเลี้ยงบุญถิ่นให้การต้อนรับธนาและขวัญจิราราวกับเป็นแขกคนสำคัญ ทั้งคู่ได้รับการดูแลอย่างดี โดยเฉพาะขวัญจิรานั้น ห้องที่แม่เลี้ยงทิพย์อัปสรจัดให้เข้าพักดีกว่าห้องที่เธอเคยอยู่มาทั้งชีวิตเสียอีก

เดิมทีธนาวางแผนจะอยู่เป็นเพื่อนขวัญจิราที่ไร่อีกหลายวัน แต่เลขาของเขาโทรมาแจ้งว่างานที่กรุงเทพฯ มีปัญหา วันรุ่งขึ้นเขาจึงจำใจต้องเดินทางกลับทันที

“ดูแลตัวเองดี ๆ แล้วพี่จะโทรหาบ่อย ๆ” เขากำชับเมื่อขวัญจิราเดินออกมาส่งที่รถ หลังจากเขาเอ่ยลาพ่อเลี้ยงบุญถิ่นและแม่เลี้ยงทิพย์อัปสรแล้ว

“ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องโทรมาบ่อย ๆ ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวคนอื่นก็จับได้พอดี”

เธอไม่อยากให้เขาโทรหา กังวลว่าคนอื่นจะสงสัยว่าสองพี่น้องมีเรื่องอะไรให้คุยกันนักหนา ขวัญจิราคิดว่านี่คงเป็นลักษณะของคนที่มีความผิดติดตัว ทำอะไรก็รู้สึกหวาดระแวงไปหมด ความจริงคนที่นี่เป็นมิตรอยู่มาก จะมีก็แต่สายลมเหนือที่เจ้าอารมณ์และโวยวายใส่เธอ

“อยู่ได้แน่นะ” ธนายังคงถามย้ำด้วยความเป็นห่วง รู้สึกใจหายเหมือนกัน ที่ต้องปล่อยเธอไว้ที่นี่คนเดียว

“อยู่ได้สิคะ รับเงินมาแล้วนี่นา”

แม้แววตากลมโตของเธอจะไหวระริก แต่คนตรงหน้ายังคงยืนยันความตั้งใจของตัวเอง ทำให้คนมองอดชื่นชมไม่ได้ ตัวเล็กแค่นี้เอง แต่กลับเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวไม่ต่างจากผู้ชาย แล้วธนาก็เผลอพูดสิ่งที่อยู่ในใจโดยไม่ผ่านการกลั่นกรองออกมา

“พี่ขอกอดน้องสาวของพี่หน่อย”

เมื่อพูดไปแล้วเขาก็นึกอยากยกมือขึ้นมาตบปากตัวเองที่ไปขอเธอแบบนั้น ร่างสูงยกมือขึ้นเกาศีรษะแก้เก้อ กำลังจะบอกเธอว่าพูดเล่น แต่ไม่รู้คนตัวเล็กกว่าคิดอะไรอยู่ เธอกลับพยักหน้าอนุญาต

ธนาโอบกอดเธอไว้หลวม ๆ อ้อมกอดนี้เป็นอ้อมกอดของความบริสุทธิ์ใจ เขาเพียงอยากจะให้กำลังใจเธอ และขวัญจิราคงสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้น จึงเอื้อมมือไปโอบรอบเอวชายหนุ่มกลับ

“พี่สัญญา พี่จะดูแลแม่ของขวัญให้ดีที่สุด อดทนหน่อยนะ แค่ไม่กี่เดือนเท่านั้นขวัญก็จะได้กลับแล้ว”

เธอพยักหน้ากับอกกว้างของเขา ใจรู้สึกโหวงเหวงเหมือนกัน เมื่อเขากลับไปแล้วเธอก็จะต้องเผชิญชีวิตด้วยตัวเองคนเดียว ท่ามกลางคนที่ไม่รู้จักในไร่แห่งนี้

หนุ่มสาวที่กอดกันกลม ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของใครคนหนึ่งที่มองลงมาจากหน้าต่าง สายลมเหนือนั่งอยู่บนรถเข็น จ้องชายหญิงที่กอดกันเขม็ง แม้ไม่อยากจะยุ่งกับสองพี่น้องนั่น แต่ก็อดสังเกตไม่ได้ว่าสองพี่น้องคู่นี้ดูสนิทสนมกันมากเหลือเกิน แววตาของชายหนุ่มที่มองน้องสาวของตัวเองดูห่วงใยมากเกินกว่าความเป็นพี่ชาย แต่ด้วยความที่เขาเป็นลูกคนเดียวไม่เคยมีพี่น้อง สายลมเหนือจึงไม่มั่นใจว่าสายตาแบบนี้เป็นสายตาปกติที่พี่ชายใช้มองน้องสาวหรือเปล่า

เมื่อส่งธนากลับไปแล้วขวัญจิราจึงหมุนตัวกลับเข้ามาในบ้าน แม้จะบอกตัวเองให้เข้มแข็งแต่ส่วนลึกก็ยังอดเศร้าไม่ได้ น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทั้งคิดถึงแม่ ทั้งรู้สึกว้าเหว่ที่ต้องอยู่ที่นี่คนเดียว

จนกระทั่งเดินเข้ามาในบ้านจึงเห็นแพรวกำลังจะยกอาหารขึ้นไปชั้นบนของบ้าน เมื่อสบตากันหญิงสาวจึงรีบเช็ดน้ำตา ไม่อยากให้คนนอกเห็นความอ่อนแอของเธอ

“อาหารเที่ยงของคุณเหนือจ้า” แพรวหันมาบอกโดยไม่ต้องรอให้เธอถาม เพราะทุกคนในไร่นี้ต่างก็รู้แล้วว่าเธอคือคู่หมั้นของเจ้านาย จึงให้การต้อนรับผู้หญิงคนนี้เป็นอย่างดี

“เดี๋ยวขวั…เดี๋ยวนิดยกขึ้นไปให้เอง”

เมื่อคู่หมั้นของเจ้านายพูดแบบนั้น แพรวก็รีบส่งถาดอาหารให้ด้วยความยินดีที่จะมีคนไปรองรับอารมณ์ของนายเหนือแทนเธอ หลังจากยื่นถาดให้หญิงสาวแล้วเด็กสาวก็วิ่งตัวปลิวหายไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว

ขวัญจิราเคาะประตูเพียงครั้งเดียวก็ได้ยินเสียงอนุญาตจากเจ้าของห้อง เมื่อเปิดประตูเข้าไป หญิงสาวเห็นเขานั่งบนรถเข็นมองออกไปด้านนอก ห้องสว่างเพราะผ้าม่านถูกดึงออกเปิดรับแสงแดด

“ฉันเอาอาหารขึ้นมาให้ค่ะ”

สายลมเหนือหันมามองคนที่เดินเข้ามา พบว่าตาของเธอยังแดงระเรื่ออย่างคนที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มา

“ไม่อยากอยู่ขนาดนั้นทำไมไม่กลับไปพร้อมกันล่ะ” คนมองเห็นท่าทางอาลัยอาวรณ์กันนักหนาของพี่ชายน้องสาวก็อดแขวะไม่ได้ แต่ขวัญจิราเลือกเปลี่ยนเรื่องไปเสีย

“มากินข้าวก่อนเถอะค่ะ” หญิงสาวบอกเสียงอ่อน เนื่องจากวันนี้เธอรู้สึกอ่อนล้าจนเกินไป จึงไม่อยากจะทนฟังคำพูดแขวะของใคร

ร่างบอบบางเดินนำถาดอาหารไปวางไว้บนโต๊ะอาหารข้างรถเข็นของเขา

“หน้าด้าน! คนไล่แล้วยังจะอยู่ต่ออีก” คนป่วยยังอุตส่าห์มีแรงพูดต่อได้ มีสิ่งหนึ่งที่ขวัญจิราสัมผัสได้อย่างชัดเจน หลังจากได้ฟังคำด่าทอมาสักพักหนึ่งคือเขายังพูดไม่ชัด ดังนั้นเธอจึงไม่ถือสาเขาที่พ่นคำด่าทอออกมา คิดเสียว่าอย่างน้อยเขาจะได้ฝึกพูด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel