ตอนที่ 8 วันแห่งความทรงจำที่ดี
วันแห่งความทรงจำที่ดี
พิพิมรีบคว้าเอาแฟ้มไปอย่างเร่งรีบ แล้วเดินตามทินกรออกไปทันที ทั้งกึ่งวิ่งกึ่งเดิน เพื่อให้ทันกับหมอหนุ่ม ที่ก้าวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงหน้าลิฟต์แล้ว ต่างกับเธอที่ทั้งก้าวเท้าสับๆ แทบไม่ทัน
“...” หญิงสาวได้แต่หอบเหนื่อย เมื่อเข้ามาภายในลิฟต์ และมีอาการเท้าสั่นเพียงเล็กน้อย เพราะรีบตามทินกรมากไปหน่อย
มือหน้าของหมอหนุ่มยื่นออกไปคว้า เอาแฟ้มที่พิพิมกอดไว้แนบอกกลับมาเป็นฝ่ายถือเสียเอง เพราะเห็นหญิงสาวมัวแต่ยืนหอบอยู่
ติ๊ง!
เมื่อลิฟต์เลื่อนขึ้นมาถึงยังชั้นเป้าหมาย พิพิมได้แต่ยืนนิ่งและไม่ยอมก้าวขาออกจากลิฟต์ ตามร่างสูงไป เพราะตอนนี้ขาเกิดเป็นตะคริวขึ้นมาเสียดื้อๆ จึงได้แต่ยืนนิ่งๆ เพื่อเก็บอาการเอาไว้ และไม่กล้าที่จะขยับเพราะกลัวจะล้มเอา
ทางด้านหมอหนุ่ม เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ยอมก้าวออกมาจากลิฟต์ จึงได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ แล้วเดินกลับเข้าไปที่ลิฟต์คืน และไม่พูดอะไรอุ้มหญิงสาวขึ้นมาในท่าเจ้าสาวทันที เขาก็พอจะทราบอยู่บ้างว่าหญิงสาวเป็นอะไร หากให้เดาถ้ารองเท้าไม่กัด ก็คงจะเหน็บชาที่ขา
“หึ...ยังเป็นเหมือนเดิมเลยน่ะ นิสัยไม่เคยเปลี่ยน” หมอหนุ่มเค้นหัวเราะออกมา พร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ ในความเอ็นดูหญิงสาว ที่ยังคงมีนิสัยเหมือนเดิม ที่เป็นอะไรแล้วไม่ยอมบอก ชอบเก็บเงียบเอาไว้อยู่คนเดียวตลอด
“พิพิม! น้องเป็นอะไรทีม...” หมอโปรดเปิดประตูออกมาจากห้อง และกำลังจะเดินตรงไปยังลิฟต์ เพื่อที่จะกลับบ้าน ก็เจอเข้ากับลูกชายที่อุ้มหญิงสาว ออกมาจากลิฟต์พอดี
“น่าจะเหน็บชา...หรือไม่ก็รองเท้ากัดน่ะครับพ่อ” ทินกรเอ่ยตอบพ่อออกไปตามที่เขาคิดไว้ เพราะหญิงสาว ไม่ยอมปริปากพูด
“อ่อ...ถ้าอย่างนั้นก็หายาทาให้น้องด้วยล่ะ พ่อกลับบ้านก่อนแล้ว ถ้าดึกมากก็อย่าลืมแวะไปส่งน้องด้วย” หมอโปรดบอกลูกชายไป แล้วสั่งไว้ทันทีให้ไปส่งหญิงสาว เพราะพิพิมคือลูกสาวของเพื่อนเขา ก็เหมือนกับลูกเขาคนหนึ่งเลย
“ครับ...” ทินกรพยักหน้ารับทันที
“ลุงโปรดค่ะ” พิพิมเอ่ยเรียกหมอโปรดไว้ก่อน เพราะเธอมีเรื่องอยากขอร้องเอาไว้ก่อน
“หนูพิมว่าไงลูก” เสียงนุ่มของหมอโปรดถามขึ้นมาอย่างเอ็นดู
“คุณลุงช่วยเก็บเรื่องที่พิมกลับมา และมาฝึกงานที่นี่ไว้เป็นความลับก่อนได้ไหมค่ะ อย่าพึ่งบอกพ่อจ๋ากับแม่จ๋าเลย” พิพิมเอ่ยบอกชายสูงวัยตรงนั้นออกไป แล้วหันไปมองหน้าคนร่างสูงที่อุ้มเธออยู่
“...คือ พิมยังไม่พร้อมค่ะ ไว้พิมพร้อมเมื่อไหร่ พิมจะบอกทุกอย่างเองน่ะค่ะ” แล้วเอ่ยบอกด้วยใบหน้าที่ออดอ้อน
“...” หมอโปรดไม่ได้เอ่ยตอบอะไร ได้แต่มองลูกชายที่อุ้มหญิงสาวอยู่ตอนนี้ก็คงจะหนักไม่ใช่น้อย เพราะพิพิมอวบขึ้นกว่าเดิมมาก ได้แต่พยักหน้าให้แก่หญิงสาวพร้อมกับส่งยิ้มมาให้อย่างรับรู้ แล้วเดินเข้าไปในลิฟต์ทันที
เมื่อพ่อเดินเข้าลิฟต์ไปแล้ว ร่างสูงจึงหมุนตัว แล้วพาหญิงสาว เดินไปยังห้องของเขาทันที โดยไม่ได้พูดอะไรออกมาให้มากความ
“มือว่างช่วยเปิดประตูให้หน่อย” เสียงนุ่มเอ่ยพูดขึ้นมาเมื่ออุ้มหญิงสาวมาถึงที่หน้าห้อง
“รหัสอะไรค่ะ” หญิงสาวเอ่ยถาม แล้วหันไปมองหน้าเอาคำตอบกับทินกร
“หนึ่งสี่ศูนย์สองสองศูนย์หนึ่งเก้า” เสียงนุ่มเอ่ยบอก
“...” หญิงสาวกดรหัสตามที่ร่างสูงบอกด้วยมือที่สั่นๆ และใบหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นเศร้าขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
ทินกรเมื่อเห็นว่าหญิงสาวมีอาการเปลี่ยนไป และหัวใจของหญิงสาวที่เริ่มเต้นผิดจังหวะอยู่ตอนนี้ เพราะเขารับรู้ได้
เมื่อเข้ามาภายในห้องทินกรไม่ได้วางหญิงสาวลงบนโชฟา ที่ด้านนอกเลย แต่กลับอุ้มหญิงสาวเข้าไปยังก้องนอนส่วนตัวแทน
หญิงสาวตาลุกวาวขึ้นมาทันที เมื่อหมอหนุ่มพาเธอเข้ามายังห้องนอน แถมยังไม่ยอมปล่อยเธอลงอีกจากตักของตัวเอง เมื่อวางเธอลงก็ยังให้เธอนั่งอยู่บนตัก แถมมืออีกข้างยังคงกอดเอวเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ยังปวดตรงไหนไหม...” เสียงนุ่มเอ่ยถามหญิงสาวบนตักขึ้น เมื่อนั่งลงบนที่นอนกว้าง
“...” พิพิมได้แต่ส่ายหน้าออกไป
ร่างสูงเอื้อมือออกไปยังเท้าของหญิงสาว หมายจะจับที่เท้าของเธอ
“จะ...จะทำอะไร” หญิงสาวรีบขยับเท้าหนี แล้วถามขึ้น
“จะถอดรองเท้าให้...หรือจะอยู่แบบนี้เหรอ นี่มันห้องนอนน่ะ” ทินกรพูดขึ้นมา โดยไม่สนใจหญิงสาวที่กำลังห้ามเลย
“ปล่อย...ได้แล้วค่ะ” พิพิมเอ่ยบอกเมื่อเห็นว่าร่างสูงถอดรองเท้าออกให้เธอเสร็จแล้ว
“...” ร่างสูงนิ่งเงียบ แถมไม่ยอมปล่อยแขนที่กอดหญิงสาวเอาไว้ออกอีก
“แฟ้มก็ได้แล้ว...ปล่อยเถอะค่ะพิมจะกลับบ้าน” พิพิมเอ่ยบอกอีกที พร้อมกับเริ่มดิ้นขึ้นมา
“เดี๋ยวพี่ไปส่งเองน่ะ...” เสียงนุ่มเอ่ยบอก เพราะตอนนี้เขาพยายามเก็บอาการที่จะไม่วู่วามทำอะไรกับหญิงสาวตรงหน้า เพียงแต่แค่อยากอยู่ใกล้ชิดกับเธอ เพื่อที่จะทบทวนอ่ะไรบางอย่างกับตัวเอง
“พิมกลับเองได้ค่ะ...” พิพิมพูดออกมาโดยไม่ได้มองหน้าของชายหนุ่ม
“ทำไมถึงตัดขาด...ไม่ติดต่อกับใครเลยตั้ง 5 ปี รวมถึงพี่ด้วย หนีไปอยู่ไหนมา” ทินกรหันมาถามหญิงสาวด้วยคำถามที่ค้างคาใจเอาไว้
“พิม...มีเหตุผลของพิมที่ยังบอกใครตอนนี้ไม่ได้ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบด้วยใบหน้าที่เศร้าหม่อง
“บอกพี่หน่อยไม่ได้เหรอ เผื่อพี่จะได้มีโอกาสได้แก้ไข จริงอยู่ที่อดีตเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ แต่เราสามารถทำปัจจุบันให้ดีขึ้นได้น่ะ ให้โอกาสพี่ที่เคยทำผิดพลาดกับพิมไปได้ไหม ให้พี่ได้มีโอกาสแก้ไข และรับผิดชอบในตอนนี้ ได้ไหมครับ” เสียงนุ่มเอ่ยประโยคนี้ออกมาอย่างยาวเหยียด
“พะ พี่ยังจำวันนั้นได้ด้วยเหรอ...” หญิงสาวเบิกตากว้างทันที เมื่อเห็นว่าทินกรพูดถึงวันเก่าๆ
“จำได้สิครับ...วันแห่งความทรงจำที่ดีของเราแบบนั้น พี่ไม่มีวันลืมครั้งแรกของเราแน่นอน” ทินกรเอ่ยบอก ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มผุดขึ้นมาเมื่อนึกถึงเหตุในวันวาน
“นี้...แสดงว่าวันนั้นพี่ไม่ได้เมาหรอกเหรอ” หญิงสาวถามขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ตกใจ พร้อมกับคิดตามที่ทินกรพูด
“เมาครับ...แต่จำทุกอย่างได้เป็นอย่างดีว่าตัวเองทำอะไรกับพิมลงไป จำได้ทุกท่าเลย...” ร่างสูงเอ่ยบอก พร้อมกับกระซิบบอกข้างหูของหญิงสาวเบาๆ ที่ประโยคหลัง
“พี่ทีม...”