ตอนที่ 4 หารทำงานวันแรก
การทำงานวันแรก
รุ่งเช้า
วันนี้ก็ถึงวันที่ ทินกรจะต้องมาทำงาน เป็นแล้วสักที หลังจากที่ได้สัญญาไว้กับผู้เป็นพ่อ เท้ายาวเดินเข้ายังแผนกที่ตัวเองต้องรับผิดชอบดูแลทั้งตึกของทางโรงพยาบาล
“ทุกคนครับ...ฟังทางนี้หน่อย นี้คือลูกชายของผมเองครับ นายแพทย์ทินกร ต่อไปจะมาประจำตำแหน่งแทนผมทุกอย่างที่ตึกแห่งนี้ครับ” หมอโปรดพูดเสียงดังขึ้นมา เมื่อทินกรเดินมาถึงภายในแผนก และเอ่ยนำตัวของลูกชายให้ทุกคนรู้จัก
“สวัสดีทุกคนครับ ผมฝากเนื้อฝากตัวด้วยน่ะครับ เพราะยังไงก็ถือว่าผมเป็นเด็กดี เรียกผมว่าหมอทีมก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องเกร็ง” ทินกรเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูนุ่มนวล ต่างจากที่ลุคภายนอก
ทำเอาเหล่าพยาบาล และบุคลากรทั้งหลายที่อยู่ตรงนั้น ตรงมองมาที่ชายหนุ่มเป็นตาเดียวกัน โดยเฉพาะบรรดาสาวๆ ที่พยายามส่งยิ้มทักทายมาหา
และทุกคนก็ต่างๆ แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน จะมีคนที่คอยตามติดหมอหนุ่มเพียงแค่ พยาบาลสาว สองคน ที่คอยรายงานอยู่ตลอดเวลา
“คุณหมอทีมดูภายนอกนี้อบอุ่นมากเลยเนอะพี่ฟ้า” นุชนารถ พยาบาลสาวรุ่นร้องที่ได้รับเลือกจากทินกร ให้คอยตามเก็บรายงานกับพยาบาลรุ่นพี่อย่าง เอื้องฟ้า พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“หยุดคิดอะไร ที่มากไปกว่านั้นเลยน่ะ พี่รู้น่ะว่าเราคิดอะไรอยู่ หยุดเพ้อฝัน แล้วตั้งใจทำงานให้สมกับที่ถูกรับเลือกมาด้วย คุณหมอทีมน่ะ เขาระดับไหน อย่าใฝ่สูงมากนักล่ะ” เอื้องฟ้า พร่ำสอนพยาบาลสาวรุ่นน้องในความดูแลของเธอทันที
“จ้าพี่ฟ้า” นุชนารถรับคำ และรีบตักอาหารใส่ปากทันที
“พี่ก็ไม่ได้จะสอนเราหรอกน่ะ พี่แค่เตือนด้วยความหวังดี เพราะเรากับเขามันละระดับกัน คนอย่างเขาก็ไม่มีวันมาชายตามองคนแบบเราหรอก เผลอๆ เขาอาจมีแฟนอยู่แล้วก็ได้ โปรไฟล์ดีขนาดนั้น” เอื้องฟ้าพูดขึ้นมา
“...” นุชนารถได้แต่นั่งทานข้าวอย่างเงียบๆ เมื่อเอื้องฟ้าพูดประโยคนี้ออกมา
“รีบๆทาน เถอะ ใกล้จะหมดเวลาพักของพวกเราแล้ว” เอื้องฟ้าเอ่ยขึ้น แล้วต่างคนต่างรีบทานข้าวโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา
ตกเย็น
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ทินกร ที่เย็นนี้ตั้งใจเอาไว้แล้วว่า จะแวะเข้าไปหาแม่ที่บ้าน เพื่อต้องการที่จะขอโทษคนเป็นแม่ เพื่อที่แม่จะยอมคืนทุกอย่างของคอนโดให้เขา เขาจะไปขอคีย์การ์ดใหม่ก็ได้ แต่ทินกรเลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น และเลือกที่จะนอนพักอาศัยที่โรงพยาบาลแทน และนี้ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว แม่คงจะหายโกรธเขาลงบ้างแล้ว
“คุณนุชยังไม่กลับอีกเหรอครับ” ทินกรเอ่ยถามขึ้น เมื่อเป็นเวลาเลิกงานแล้ว แต่ยังเห็น นุชนารถพยาบาลสาว นั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าห้องทำงานของเขาอยู่
“เอ่อ...คือว่าเวลานี้คนกำลังแย่งกันขึ้นรถเมล์เยอะ นุชไม่ค่อยชอบคนเยอะเลยรออีกหน่อยค่อยกลับดีกว่าน่ะค่ะ” นุชนารถเอ่ยตอบ เพราะไม่รู้ว่าจะอ้างคำไหน
“แล้วพักอยู่แถวไหนล่ะครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปส่งครับ” ทินกรเอ่ยถาม แล้วชวนหญิงสาวกลับพร้อมกัน โดยอาสาจะเป็นฝ่ายไปส่งเอง
“คือ...ไม่ลำบากคุณหมอทีมดีกว่าค่ะ เดี๋ยวอีกสักพักนุชกลับเองดีกว่าค่ะ” นุชนารถเอ่ยตอบ แล้วกำลังจะลุกขึ้นเพื่อเก็บของ
“ไปดีกว่าครับ...ตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้ว ดึกกว่านี้จะลำบากเอาครับ” ทินกรเอ่ยชวนอีกครั้ง
“เอ่อ...”
“รีบเก็บของเถอะครับ” หมอหนุ่มพูดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเอามือล้วงเข้าที่กระเป๋ากางเกงของเขา
“คะ ค่ะ ขอบคุณคุณหมอทีมมากน่ะค่ะ นุชรบกวนแล้ว” นุชนารถรีบเก็บของตามคำสั่งของหมอหนุ่มทันที
“ก็คุณเป็นลูกมือผมนี้ ถือว่าผมเป็นเจ้านายคุณตอนนี้ ไปครับ”
“...” นุชนารถเดินตามทินกรไปอย่างเงียบๆ โดยไม่กล้าเอ่ยอะไร เพราะจุกในใจที่ได้ยินคำว่าเจ้านาย
เมื่ออยู่บนรถต่างคนต่างเงียบ เพราะไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรขึ้นมา มีแต่หมอหนุ่มที่ถามทางขึ้น เพราะตั้งใจขับมาส่งแล้ว และเมื่อส่งหญิงสาวถึงที่พัก หมอหนุ่มรีบขับรถออกไปทันที โดยไม่ได้เอ่ยบอกอะไรมากความ เพราะต้องการที่จะไปหาแม่ที่บ้าน
ณ บ้านอัครโยธินนารัตน์2
“หมอปิ่นคนสวยสวัสดีครับ ทีมคิดถึงแม่ปิ่นที่สุดเลย” ทินกรเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อน พร้อมกับสวมกอดจากทางด้านหลังเมื่อเห็นว่าแม่กำลังทำอาหารจานโปรดของเขา
“มาอ้อนแม่ปิ่นแบบนี้ อยากได้อะไรหือครับ” เสียงหวานของ ปิ่นลดา เอ่ยขึ้นถามเพราะเธอก็รู้ทันแล้วว่า ทินกรต้องการอะไร
“เปล่าครับ ทีมคิดถึงแม่ปิ่น”
“ทานข้าวด้วยกันก่อนน่ะค่อยกลับไปที่คอนโดฯน่ะ” ปิ่นลดาเอ่ยตอบกลับไป
“กลับคอโดฯ” ทินกรทวนคำ แล้วต้องเบิกตากว้างขึ้นทันที เมื่อรู้ความหมายที่แม่พูดขึ้น
“อื้ม” ปิ่นลดาพยักหน้าให้เป็นคำตอบ
“จริงเหรอครับ” ทินกรถามย้ำ ด้วยท่าทางที่ดีใจไม่น้อย
“...” ปิ่นลดาพยักหน้าให้แทนคำตอบ
“เย้...ขอบคุณครับ แม่ปิ่น รักแม่ปิ่นที่สุดเลย” ทินกรดีใจมาก รีบสวมกอดปิ่นลดา และอุ้มแม่ขึ้นหมุนด้วยความดีใจ ที่จะได้ทุกอย่างคืน
“ว้าย...ทีมทำอะไร” ปิ่นลดาร้องเสียงหลงออกมา เมื่อจู่ๆ ทินกรก็อุ้มเธอขึ้น
“เฮ้ยยย...นี้ทีมจะทำอะไร ปล่อยเมียพ่อลงเดี๋ยวนี้เลยน่ะ” หมอโปรดที่เดินลงมาจากชั้นบนของบ้าน เห็นเข้าพอดี รีบเอ่ยห้ามลูกชาย แล้วบอกให้รีบปล่อยปิ่นลดาลง
“...” ทินกรได้แต่ทำตามที่หมอโปรดบอกแล้วไม่กล้าพูดอะไร เพราะกลัวว่าจะโดนดุอีก
“ที่รัก เจ็บตรงไหนบ้าง ไหนพี่ดูหน่อย” หมอโปรดรีบเข้าไปดู พร้อมกับสำรวจตามร่างกายของภรรยา เมื่อทินกรปล่อยปิ่นลดาลง
“ปิ่นไม่เป็นอะไรค่ะพี่หมอ น้องทีมแค่หยอกเล่นปิ่นเฉยๆ” ปิ่นลดาเอ่ยบอกออกไป
“เล่นเป็นเด็กไปได้” หมอโปรดหันมาต่อว่าลูกชายเล็กน้อย
“ก็พ่อโปรดไม่มีเวลาเล่นกับแม่ปิ่นนี้ครับ ทีมเลย...” ทินกรเอ่ยตอบกลับไปอย่างล้อเลียน
“ใครบอกว่าพ่อไม่มีเวลาเล่นกับแม่เขา พ่อก็เล่นแทบทุกคืนน่ะ” หมอโปรดเอ่ยบอกลูกชายด้วยประโยคแรก และประโยคหลังหันมาพูดเบาๆกับปิ่นลดา
“พี่หมอ” ปิ่นลดาขึ้นเสียงดุใส่สามีทันที
“เชอะ...ทีมไปรอที่โต๊ะดีกว่า เบื่อคนแก่แถวนี้พลอดรักกัน” ทินกรเอ่ยบอก พร้อมกับเดินออกไปทันที