3 หรือโดนร่ายมนต์ใส่ (2)
ตลอดระยะทางที่เดินมีแต่ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งสองร่างที่เคียงกันไป กระทั่งถึงหน้าทางเข้าห้องจัดงานอนาวินก็ผายมือให้จัสมินนำหน้าเข้าไปก่อนเพราะหากเข้าไปพร้อมกันคนที่หวงลูกสาวที่แน่ใจแล้วว่ามางานนี้อย่างแน่นอนอาจจะเพ่งเล็งมายังตนเอง ไม่ใช่ว่ากลัวแค่ไม่อยากมีปัญหากับการทำธุรกิจร่วมกัน เบียร์และเครื่องดื่มส่วนใหญ่ที่โรงแรมสั่งหลักๆ ก็มีของครอบครัวนี้ไม่นับเครื่องดื่มจากต่างประเทศ มันเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อแล้ว
เดิมทีไม่คิดจะเข้ามาในนี้เพราะว่าได้สมทบเงินในนามของโรงแรมไปแล้ว ทุกครั้งที่มีการจัดงานประเภทนี้ในโรงแรมในเครือบัตรเชิญก็ถูกส่งตรงถึงมือ และก็ทุกครั้งอีกนั่นแหละที่เขาไม่เฉียดกายลงมาร่วมทำกิจกรรมต่างๆ โดยส่วนตัวชอบให้แบบไม่ต้องออกนอกหน้าแต่ถ้าเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของธุรกิจมันคืออีกเรื่อง
“จัสมินทำไมหนูถึงไปเข้าห้องน้ำนานจังล่ะ มามี๊คิดไว้ว่าอีก ห้านาทีถ้ายังไม่มาจะออกไปตามแล้ว โทรไปก็ไม่ยอมรับสายมามี๊น่าตีจริงๆเลยลูกสาวคนนี้ ดีที่ป๋าไม่ตามหาเพราะยังติดคุยอยู่ ไม่งั้นก็ไม่เป็นอันอยู่ร่วมงานแน่ๆ” พิศลดาบ่นลูกสาวที่ยืนยิ้มหวานประจบอย่างอ่อนใจ ความห่วงมลายหายไปจนสิ้นเมื่อจัสมินกลับมา
“หือ จัสมินไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์เลยค่ะมามี๊ขา สงสัยจะตั้งระบบสั่นเอาไว้ มามี๊อย่าดุสิคะ ไม่ได้ไปเล่นซนที่ไหนมาด้วยค่ะ ลูกสาวมามี๊กับป๋าโตแล้วนะคะไม่ใช่เบบี๋ตัวเล็กๆแล้วสักหน่อย และไหนมามี๊เคยบอกว่าต้องให้จัสมินท่องโลกกว้างเพียงลำพังบ้างไงคะ” มือเรียวเกาะแขนอ้อนมารดาเสียงหวาน
“ใช่จ้ะ ลูกสาวมามี๊โตเป็นสาวแล้วข้อนี้ไม่ขอเถียง แต่เรื่องซนมามี๊ว่าไม่ควรเถียงนะจ๊ะเพราะหนูน่ะซนใช่ย่อย ชอบทำให้เป็นห่วงด้วย
เป็นแบบนี้ไม่อยากปล่อยให้ท่องโลกกว้างแล้วสิ เปลี่ยนใจดีไหมนะ” น้ำเสียงอ่อนหวานกลั้วหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นท่าทางของลูกสาวที่ทำหน้าง้ำ
“ง่า เปลี่ยนใจไม่ได้นะคะ”
อนาวินที่เดินตามเข้ามาทีหลังเห็นภาพการออดอ้อนมารดาของลูกศิษย์สาววันเดียวก็อดที่จะแย้มยิ้มออกมาไม่ได้ และคืนนี้ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องยิ้มอีกกี่รอบหากยังมีคนที่ทำให้เสียสมาธิไปค่อนข้างมากคอยมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆตัว เขาไม่ใช่เสือยิ้มยากแต่ก็ไม่เคยพร่ำเพื่อมากขนาดนี้มาก่อน เมื่อปรับเปลี่ยนสีหน้าให้เป็นปกติได้เขาก็พร้อมกล่าวทักทายผู้ใหญ่ได้
“สวัสดีครับคุณอา”
“อ้าว คุณวิน สวัสดีค่ะ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”
“คุณอาสบายดีนะครับ”
“สบายดีค่ะ ฝากความคิดถึงไปให้คุณพ่อคุณแม่ด้วยนะจ๊ะ”
“มามี๊รู้จักกับอาจารย์อนาวินด้วยเหรอคะ” คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอดที่จะถามออกมาไม่ได้เพราะหากอยากรู้อะไรต้องรู้เลย ส่วนคนตัวสูงที่ยืนอยู่ด้วยก็ยิ้มอย่างเดียว จ้องมากๆก็ต้องเบี่ยงมามองมารดาแทน
“รู้จักสิจ๊ะ คุณวินเขาเป็นเจ้าของที่นี่และอีกหลายๆที่เลยจ้ะ ว่าแต่คุณวินกลายไปเป็นอาจารย์ตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย อาไม่ทราบข่าวมาก่อนเลยค่ะ” ภาพของชายหนุ่มคนนี้คือนักธุรกิจไฟแรงที่ไม่เคยมีข่าวเสียหายให้ได้ระแคะระคายหู อดชื่นชมในข้อนี้ไม่ได้เพราะโดยส่วนมากคนที่หล่อและรวยจะมีเรื่องนี้อยู่เนืองๆ
“ที่บอกว่ามาทำงานหลักที่นี่เป็นเพราะอย่างนี้นี่เอง” หัวกลมๆ พยักหน้าขึ้นลง แล้วจะบอกดีๆไม่ได้รึยังไงทำไมต้องทำให้เป็นเหมือนจิตวิทยาอย่างหนึ่งด้วย
อนาวินยืนคุยกับมารดาของลูกศิษย์ได้สักพักก็ขอแยกตัวไปคุยกับนักธุรกิจที่รู้จักคนอื่นๆต่อ ว่าจะไม่แล้วแต่เมื่อเข้ามาเจอซึ่งๆ หน้าก็ต้องย่อมพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้านต่างๆเพื่อนำไปปรับใช้ สาวๆ ก็วนเวียนมาขอชนแก้วด้วยแทบจะตลอดและทุกครั้งเขาจะปฏิเสธไปอย่างนุ่มนวลแต่เด็ดขาดหากมีอะไรอื่นแอบแฝงเพราะไม่อยากให้มีปัญหาตามมาในภายหลัง
“คุณวินนี่เสน่ห์แรงจนผมอิจฉาเลยนะครับ”
“อย่าอิจฉาผมเลยครับคุณขจร” อนาวินพูดติดตลก ไม่ยืดอกรับคำชมนั้น แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยทำตัวให้คนสนใจหรือต้องตกเป็นหัวข้อข่าวพาดหน้าหนังสือพิมพ์หรือนิตยสารซุบซิบทั้งหลายในเรื่องชู้สาว และไม่ใช่ว่าผันตัวเองกลายมาเป็นฤาษีจำศีลอยู่ในถ้ำไม่หาความสุขให้กับชีวิตหนุ่มโสด มันไม่ใช่อย่างนั้น
“ลูกสาวของคุณมาร์ตินน่ารัก สวย และเพียบพร้อมไปหมดทุกอย่าง แต่น่าเสียดายที่คุณพ่อเขาหวงมาก แค่มองยังทำตาขวางใส่
ถ้าเข้าไปทักทายคงโดนด่ากระเจิง ได้ข่าวว่ามีคนจีบเยอะแต่โดนสกัดเอาไว้ทุกราย”
“เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเลยครับ น้องจัสมินน่ารักน่าทะนุถนอม และผมเองก็โดนคุณพ่อจอมหวงเพ่งเล็งมาเหมือนกันที่แอบชำเลืองมองลูกสาวคนสวยของเขา”
หัวข้อสนทนาที่ถูกปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วทำให้สายตาของอนาวินมองไปยังเป้าหมายหลักที่ตอนนี้นั่งอยู่กับครอบครัวและ
ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่นิ่งเอาเสียเลย คนที่ไม่สนุกกับงานสักเท่าไหร่อย่างจัสมินก็คอยแอบมองอาจารย์หนุ่มพร้อมค่อนขอดในใจไปด้วยที่เสน่ห์แรงมีสาวสวยเวียนขอชนแก้วไม่ขาด แม้ห้องจัดเลี้ยงจะกว้างขวางมากแต่สายตาก็คอยเห็นแต่เจ้าของโรงแรมและบ่อยครั้งที่แอบเผลอจ้องนานเกินไปแล้วเขาจับได้จึงเสทำทีเป็นเชิดหน้าทั้งที่ในใจนั้นอายแสนอาย
“มามี๊ขา ป๋าขา คือว่าจัสมินหิว ขอไปหาอะไรทานก่อนนะคะ” ท้องเริ่มร้องประท้วงขึ้นมาว่าต้องการอาหารเป็นการด่วนทำให้ความสนใจสิ่งรอบตัวเริ่มหดหายไปด้วย เพราะตั้งแต่เข้างานมายังไม่ได้กินอะไรนอกจากน้ำและน้ำ
“หนูไปคนเดียวได้ใช่ไหมคะจัสมิน” มาร์ตินที่สนใจการประมูลบนเวทีถามลูกสาวเสียงนุ่ม
“ได้ค่ะ มามี๊กับป๋าอยากทานอะไรไหมคะ”
“ไม่ล่ะจ้ะ มามี๊กับป๋าทานไปบ้างแล้วลูก”
อาหารค็อกเทลที่ตั้งเรียงรายอยู่ตรงหน้าทำเอาคนหิวน้ำลายสอของคาวของหวานเลือกไม่ถูกเลยว่าจะกินอันไหนก่อนหรือหลังดี
ใจอยากจะจิ้มใส่ปากมันพร้อมๆกัน นั่นก็อยาก นี่ก็อยาก โน่นก็อยาก งั้นกินทุกอย่างเท่าที่กระเพาะน้อยๆจะรับได้เลยดีกว่า ไม่มีค่อยใครอยู่ตรงนี้เท่าไหร่ด้วยไม่ต้องห่วงสวย
อาหารค็อกเทลคืออย่างแรกที่เอาเข้าปาก รสชาติที่ซึมซับนั้นแสนถูกใจจนตาเป็นประกาย ชิ้นต่อๆ ไปจึงตามมา ปากจิ้มลิ้มเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย โน่นคำ นี่คำไม่ได้หยุดตั้งแต่เริ่มชิมในคำแรก ความสุขในตอนนี้คือการกินและกิน ดีที่คนส่วนใหญ่หันไปสนใจบนเวทีตรงนี้จึงเป็นของเธอเรียกว่าผู้เดียวก็ย่อมได้
“ช้าๆ เดี๋ยวก็ติดคอจนได้”
“แค่ก” ยังไม่ทันขาดคำก็สำลัก หน้าตาเหยเก กินเพลินๆ ดันมีคนมาทักเลยเป็นแบบนี้ แล้วมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เล่นทำเอาตกใจเกือบทำขนมในมือหล่น
“นั่นไงล่ะ ช้าๆก็ได้ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาแย่งกินจนหมดหรอก” อนาวินบ่นแล้วเดินไปหยิบแก้วน้ำมาให้ดื่มและกลับมาช่วยลูบหลัง
บอบบางที่เจ้าตัวยังคงไออยู่
“หนูไม่ได้ตะกละนะคะ แค่หิวเท่านั้นเอง แล้วหนูก็ไม่ได้กลัวว่าใครจะมาแย่งกินด้วย” รีบแก้ไขความเข้าใจผิดที่เขาอาจจะคิดอย่าง ร้อนรนเพราะไม่อยากถูกมองแบบนั้น “แล้วเอ่อคือว่าท่าทางการกินเมื่อกี้นี้ของหนูมันคงไม่ได้น่าเกลียดใช่ไหมคะ” ถามอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงสักเท่าไหร่
อนาวินอมยิ้มให้กับคำบอกเล่าและคำถาม “หิวก็ทานต่อเถอะ ไม่ต้องกังวลมันไม่ได้น่าเกลียดอย่าคิดมาก แค่เคี้ยวช้าๆ ไม่ต้องรีบอย่างเมื่อกี้นี้ก็พอ ถ้าติดคอขึ้นมามันไม่คุ้มรู้ไหมครับสาวน้อย” ยกมือขึ้นโยกศีรษะทุยสวยเบาๆอย่างเอ็นดู และยิ่งเห็นสายตากลมโตมองแป๋วแหววจ้องอยู่ก็เลิกคิ้วมองกลับยิ้มๆแต่เจ้าตัวส่ายหน้าปฏิเสธว่าไม่มีอะไรเขาเลยไม่เซ้าซี้ต่อ
จัสมินเคี้ยวอาหารช้าลงตามคำแนะนำกึ่งดุนั้น แม้แรกๆ จะค่อนข้างประหม่าเมื่อมีคนมาจ้องเวลากินแต่พอสักพักก็เริ่มชินและอร่อยไปกับมันอีกครั้ง มารู้ตัวอีกทีคนที่คล้ายจะยืนเป็นเพื่อนก็ได้หายตัวออกไปจากงานแล้ว