บทที่ 9
กรกฎรับหนังสือพิมพ์มาจากลูกน้อง แล้วกวาดสายตามองตัวหนังสือซึ่งปรากฏอยู่บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ โดยมีภาพน่ารักสดใสของกาญต์พิชชาประกอบด้วย จากนั้นก็อ่านพาดหัวข้อข่าว รวมทั้งรายละเอียดของเนื้อหาข่าวออกมาดังๆ ให้รณกรได้ยินด้วย
“กาญต์พิชชาหรือข้าวฟ่าง นักกีฬา ฟิกเกอร์สเก็ต ดาวรุ่งของสโมรเดอะเวิลด์ ออฟ ไอซ์ สเก็ต ได้รับคัดเลือกจากสมาคมกีฬาฟิกเกอร์และสปีดสเก็ตติ้งแห่งประเทศไทย ร่วมกับเพื่อนนักกีฬาในสังกัดสโมสรอีกสองคน ให้เป็นตัวแทนของประเทศไทยไปแข่งขันสเก็ตน้ำแข็งชิงแชมป์โลก 2012 (World Figure Skating Championships 2012) ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส ระหว่าง 26 มีนาคมถึง 1 เมษายน ที่จะถึงนี้”
เมื่ออ่านเนื้อหาของข่าวแค่เพียงบางส่วนจบแล้ว กรกฎก็พับหนังสือพิมพ์ไว้ตามรอยเดิม แล้วนำไปเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของตนเอง พอเห็นสายตาของรณกรมองตามการกระทำของเขา และล่วงรู้ด้วยว่าเขาจะตัดภาพของกาญต์พิชชาจากหน้าหนังสือพิมพ์เก็บไว้ ก็รีบขึงตามองเป็นการสั่งให้อีกฝ่ายรูดซิปปากให้สนิท ก่อนจะเอ่ยบอกรณกรต่อ
“เมื่อวานท่านนายกสมาคมฯ โทรมาบอกผมเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ท่านขอบคุณทางสโมสรของเราด้วยที่ยอมส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันสเก็ตน้ำแข็งชิงแชมป์โลกในครั้งนี้ด้วย”
รณกรทอดสายตามองไปยังลานสเก็ตที่อยู่เบื้องล่างห้องทำงานของเจ้านายหนุ่ม เพื่อทอดมองกาญต์พิชชาซ้อมฟิกเกอร์สเก็ตด้วยความตั้งอกตั้งใจ พร้อมกันนั้นก็เอ่ยวิเคราะห์ออกมาตามสายตาตนเองมองเห็น
“ดูจากการซ้อมของคุณข้าวฟ่างแล้ว เธอน่าจะคว้าเหรียญใดเหรียญหนึ่งมาให้ประเทศไทยได้นะครับเจ้านาย”
“อืม...ผมก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ข้าวฟ่างนอกจากจะมุ่งมั่นคว้าชัยชนะให้ได้แล้ว เธอยังมีความตั้งใจมาก และหากเธอคว้าเหรียญใดเหรียญหนึ่งจากการแข่งขันในครั้งนี้ได้ เธอก็จะมีสิทธิ์ลุ้นไปแข่งขันใน โอลิมปิกฤดูหนาว ที่จะถึงนี้ด้วย”
สิ่งที่นักกีฬาฟิกเกอร์สเก็ตใฝ่ฝันคือการได้เข้าร่วมแข่งขันในโอลิมปิกฤดูหนาว ซึ่งมีการจัดยิ่งใหญ่ไม่แพ้กีฬาโอลิมปิก กาญต์พิชชาและนักกีฬาในสโมสรอีกหลายๆ คนก็มุ่งหวังว่าตนเองจะได้ไปเหยียบสนามกีฬาในเมืองโซชิ ประเทศรัสเซีย
“ถ้าหากคุณข้าวฟ่างได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันในโอลิมปิกฤดูหนาว เจ้านายจะเดินทางไปประเทศรัสเซียด้วยหรือเปล่าครับ”
รณกรเอ่ยถามด้วยความไม่มั่นใจ เพราะเจ้านายมีหน้าที่การงานให้รับผิดชอบอีกมากมายจนล้นมือ ซึ่งเขาไม่แน่ใจว่าถึงเวลานั้นเจ้านายหนุ่มจะเดินทางไปประเทศรัสเซีย เพื่อร่วมเชียร์กาญต์พิชชาได้หรือไม่
ผู้เป็นเจ้านายหาได้ตอบให้รณกรคลายความสงสัยไม่ เขากลับเป็นฝ่ายถามให้เลขาส่วนตัวต้องนิ่งขึงหาคำตอบไม่เจอชั่วขณะ
“ทำไมคุณถึงคิดว่าผมจะไม่ไปดูข้าวฟ่างแข่งขันในรัสเซียล่ะ”
“เอ่อ...ก็ผมเห็นเจ้านายมีงานล้นมือนี่ครับ เกรงว่าช่วงนั้นเจ้านายอาจจะเดินทางไปรัสเซียไม่ได้”
รณกรเอ่ยตอบตามความเป็นจริง ซึ่งเขาเห็นอยู่ในทุกวี่ทุกวันว่าเจ้านายนั้นมีงานให้ทำมากสักเพียงใด
“ต่อให้มีงานมากเพียงใดผมก็จะไปดูข้าวฟ่างแข่งฟิกเกอร์สเก็ตให้จงได้”
กรกฎเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และต่อท้ายด้วยการพึมพำออกมาติดแผ่วเบา ทว่ายังคงไว้ซึ่งความหนักแน่นไม่แพ้กัน
“ในชีวิตของผมไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่ากับข้าวฟ่างหรอกรณกร”
เอ่ยบอกความในใจไปแล้ว เจ้าของสโมสรสเก็ตน้ำแข็งชื่อดัง ก็เดินไปทอดสายตาจ้องมองกาญต์พิชชาซ้อมสเก็ตต่อ โดยไม่ลืมเอ่ยถามเลขาฯ ส่วนตัวถึงเรื่องที่ตนเองได้สั่งไปก่อนหน้านี้หลายวันแล้ว
“ว่าแต่คุณเถอะ ก่อนจะมาพูดมากอยู่แถวๆ นี้ได้จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินกับที่พักในเมืองนีซเรียบร้อยหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วครับเจ้านาย ตั๋วเครื่องบินสองที่นั่งสำหรับเจ้านายและผม รวมทั้งห้องพักด้วย ผมจัดการจองไว้เรียบร้อยแล้วครับ”
รณกรเอ่ยรายงานให้เจ้านายทราบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างดังสร้างความพอใจให้กับผู้เป็นเจ้านายเป็นอย่างมาก
เมื่อกาญต์พิชชาได้รับคัดเลือกให้ไปแข่งขันสเก็ตน้ำแข็งชิงแชมป์โลก 2012 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส กรกฎก็ไม่พลาดเรื่องการเดินทางไปเชียร์หญิงสาวถึงขอบสนาม
“ดีมาก” กรกฎเอ่ยชมสั้นๆ ก่อนจะออกปากไล่เลขาฯ ส่วนตัว เพราะต้องการอยู่ดูกาญต์พิชชาซ้อมสเก็ตต่อ “จะไปทำอะไรก็ไปเถอะ เราอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ”
“ครับเจ้านาย”
รณกรรับคำ รู้ว่าเจ้านายต้องการอยู่ดูกาญต์พิชชาซ้อมสเก็ตต่อ จึงไม่กล้าอยู่รบกวนเจ้านาย เขาเดินออกจากห้องทำงานโดยไม่ลืมปิดประตูตามหลังอย่างแผ่วเบา
กรกฎไม่ได้สนใจว่ารณกรเดินออกไปตอนไหน เพราะ ณ เวลานี้ดวงตาทั้งสองคู่และหัวใจทั้งดวงของเขาให้ความสำคัญอยู่กับกาญต์พิชชาผู้เป็นยอดดวงใจเท่านั้น
“ข้าวฟ่าง คุณจะรู้บ้างไหมว่าผมรักคุณมาก”
เจ้าของนัยน์ตาคมกริบพึมพำถามคนที่ซ้อมสเก็ตอยู่บนลานด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทั้งๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางได้ยินแน่นอน
และด้วยรู้ว่ากาญต์พิชชาไม่มีทางมาได้ยินแน่นอน กรกฎจึงเอ่ยพูดในประโยคต่อมา
“ผมรักคุณ ต้องการคุณ และผมจะรอคุณตลอดไป ข้าวฟ่าง...ยอดดวงใจของผม”
กรกฎยังคงยืนดูกาญต์พิชชาซ้อมสเก็ตต่อ พร้อมกับนึกถึงการกระทำของตนเองในอดีต ซึ่งทำตัวไม่ต่างจากโคแก่แอบกินหญ้าอ่อน
เมื่อสิบเอ็ดปีที่ผ่านมา ไม่ว่ากาญต์พิชชาจะลงแข่งขันในรายการใด ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันในระดับภูมิภาค ระดับประเทศ หรือระดับโลกเฉกเช่นที่จะถึงนี้ เขาจะทิ้งงานทั้งหมดไว้เบื้องหลัง เพื่อตามไปให้กำลังใจกาญต์พิชชาในทุกครั้ง และเมื่อกาญต์พิชชาได้รับชัยชนะกลับมา เขาก็ทำได้แค่เพียงการมอบการ์ดและดอกไม้เพื่อเป็นการแสดงความยินดีกับหญิงสาว ทั้งๆ ที่จริงแล้วเขาอยากทำมากกว่านั้น แต่ก็ไม่อาจทำได้แม้แต่ครั้งเดียว
และทุกครั้งที่กาญต์พิชชาได้รับชัยชนะ หรือในทุกครั้งที่พลาดเหรียญรางวัล เขาจะขับรถตรงไปซื้อดอกไม้สวยและแพงที่สุดในร้านดอกไม้ และเขียนการ์ดเพื่อมอบให้กับกาญต์พิชชา ทว่าการมอบการ์ด มอบดอกไม้เพื่อแสดงความยินดีกับกาญต์พิชชา เขาก็ไม่ได้มอบให้กับหญิงสาวด้วยมือของเขาเอง ผู้ที่รับหน้าที่ไม่ต่างจากบุรุษไปรษณีย์นำการ์ดและดอกไม้ไปส่งให้กับกาญต์พิชชาคือรณกร และเขาก็ได้รับคำขอบคุณกลับคืนมาจากกาญต์พิชชาในทุกๆ ครั้ง
รณกรเคยพร่ำถามอยู่หลายสิบครั้งว่า ทำไมเขาไม่นำการ์ดหรือดอกไม้ไปมอบให้กับกาญต์พิชชาด้วยตนเอง แต่เขาก็ไม่เคยตอบรณกรแม้แต่ครั้งเดียว เพราะคำตอบนั้นอยู่ในใจมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ ซึ่งหากให้เขาเข้าใกล้กาญต์พิชชา เขาคงทำกับหญิงสาวเฉกเช่นเมื่อสิบเอ็ดปีที่ผ่านมาอย่างแน่แท้