4
“มิน มินรีบโทร. เรียกรถพยาบาลเร็ว” เมนิลาเรียกน้องสาวที่อยู่บนบ้าน มินรญาวิ่งมาดูเหตุการณ์อย่างตกใจ ก่อนจะโทร. เรียกรถพยาบาลให้มารับร่างอันไร้สติของมารดาโดยเร็ว โดยมีจารวีหรือพี่แจ๋ว สาวใช้คนเดียวของบ้านรีบวิ่งมาดูอย่างตกใจไม่ต่างกัน
ใจของสองพี่น้องสั่นรัวเมื่อส่งมารดาเข้าห้องฉุกเฉินไปเรียบร้อยแล้ว
“ทำไมแม่ถึงได้เป็นแบบนี้คะพี่เม” มินรญาเอ่ยถามเสียงสั่น ใจคอไม่ดีเอาเสียเลย
“พี่ก็ไม่รู้ พี่ตื่นขึ้นมาแม่ก็นอนหมดสติจมกองเลือดอยู่ตรงพื้นแล้ว”
“มินใจคอไม่ดีเลยพี่เม” มินรญาเขย่าแขนของพี่สาวไปมาอย่างขวัญเสีย แม่คือแก้วตาดวงตาของลูก ๆ อย่างพวกเธอ หากไม่มีแม่ป่านนี้พวกเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไร
“แม่จะต้องไม่เป็นอะไร มินใจเย็น ๆ ก่อนนะ” แม้เธอจะเครียดแล้วก็กลัวไม่ต่างจากน้องสาว แต่ในเวลานี้เธอต้องเป็นที่พึ่งทางใจให้แก่น้อง จะร้องไห้ฟูมฟายไม่ได้เด็ดขาด
คุณหมอออกมาจากห้องฉุกเฉินและแจ้งว่ามารดาเส้นโลหิตในสมองแตก นั่นทำให้สองพี่น้องตกใจเป็นอันมาก
“พี่เม คุณแม่จะเป็นอะไรไหมคะ” มินรญามีสีหน้าเป็นกังวล และพอรู้ว่ามารดาจะไม่เหมือนเดิมอีก เมนิลาก็แทบช็อก
เธอทุ่มเงินไปกับการรักษามารดาจนหมด เลือกโรงพยาบาลที่ดีที่สุด ยาที่ดีที่สุด การรักษาที่ดีที่สุด คุณหมอต้องรีบผ่าตัดและเมนิลาก็ไม่รั้งรอที่จะให้คุณหมอช่วยชีวิตมารดาเอาไว้
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก เมื่อเจ้าหนี้มาทวงหนี้เพื่อจะยึดบ้านของเธอ
“ฉันไปเป็นหนี้คุณตอนไหน” เมนิลาเอ่ยถามอย่างงุนงง
“พ่อของเธอเอาบ้านมาจำนอง ตอนนี้ถึงเวลาต้องยึดแล้ว เพราะพ่อของเธอไม่ยอมใช้หนี้ ดอกเบี้ยก็ไม่จ่าย ต้นก็ไม่จ่าย ฉันไม่ได้ทำมูลนิธิหรือการกุศลนะ ถึงจะให้ใครเอาเงินไปใช้ฟรี ๆ”
“ขอเวลาฉันสักนิดได้ไหมคะ ฉันเพิ่งรู้ว่าพ่อเอาบ้านไปจำนอง ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ฉันใช้หนี้พวกคุณไปแล้วค่ะ” เธออ่านสัญญาแล้วช็อก ดีที่น้องสาวไปเรียนหนังสือ ไม่ต้องมารับรู้เรื่องไม่ดีแบบนี้ ถ้ารู้เรื่องนี้เข้าคงตกใจไม่ต่างจากเธอ มารดานอนป่วยเป็นอัมพาตอยู่บนเตียงก็ว่าหนักแล้ว ถ้ามารู้ว่าบ้านจะโดนยึดและจะไม่มีที่ซุกหัวนอนคงทุกข์ใจไปมากกว่านี้
“ฉันให้เวลาเธอก็ได้ แต่เมื่อไหร่ระบุเวลามาด้วย” เจ้าหนี้หน้าเลือดขอคำมั่นสัญญา เวลาวารีไม่เคยรอใคร เขาปล่อยเงินกู้ก็ต้องได้ดอกผลเป็นค่าตอบแทน ไม่อย่างนั้นลูกหนี้รายอื่นก็คงขอเวลาด้วยกันทั้งนั้น เขาก็ขาดทุนสิ
“ขอเวลาสักสามเดือนได้ไหมคะ ฉันจะรีบทยอยจ่ายให้คุณ” เธอคำนวณจากรายได้คงพอทำให้เธอมีเงินไปใช้หนี้สักครึ่งหนึ่ง หนี้สองล้านบาทกับบ้านหลังที่เธออยู่มันไม่คุ้มกันเลย เพราะบ้านหลังนี้เธอหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง ค่าบ้านราคามากกว่าสองล้านเสียด้วยซ้ำ อาจจะสองล้านห้าแสนบาทถึงสามล้านบาท หากไม่รีบขาย
“สามเดือนนานไป ให้เวลาหนึ่งอาทิตย์ ถ้าเธอยังขืนต่อรองอีก ฉันจะเอาเงินจากเธอวันนี้แหละ เธอมีไหมล่ะ”
“อาทิตย์เดียวฉันหาเงินไม่ทันหรอกค่ะ”
“ไม่ทันก็เรื่องของเธอสิ นั่นมันปัญหาของเธอ”
เจ้าหนี้จากไปแล้ว ในขณะที่เมนิลายังยืนนิ่งไม่ไหวติง เหมือนหุ่นปั้น
“พี่เม พี่เม พี่เมคะ”
“จ๊ะ” เมนิลาสะดุ้งหันไปมองหน้าน้องสาวที่เรียกเธอด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“พี่เมเป็นอะไรคะ เรียกตั้งนานไม่ได้ยิน กังวลเรื่องคุณแม่เหรอคะ”
“จ้ะ” เมนิลาตอบสั้น แต่รู้ว่าตัวเองโกหกคำโต
“แม่อยู่ใกล้มือหมอคงไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แถมพี่เมยังจ้างพยาบาลพิเศษดูแลแม่อีก” มินรญาปลอบใจพี่สาว แต่นั่นก็เท่ากับปลอบใจตัวเองด้วย
เพราะต้องทำงาน เมนิลาคิดว่าหากเธอยังขืนเฝ้ามารดาด้วยตัวเองจะไม่มีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลท่าน และไม่มีเงินให้น้องสาวไปเรียน สถานะทางการเงินของเธอกำลังติดลบ แต่เธอไม่ได้บอกให้น้องสาวได้รับรู้ เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายเป็นกังวล
“จ้ะ”
“พี่เมมีอะไรให้มินช่วยก็บอกนะจ๊ะ” มินรญากอดพี่สาวเอาไว้ สิ่งไหนที่เธอพอจะช่วยพี่สาวได้ เธอก็อยากจะช่วยให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยพี่สาวของเธอก็ทำงานเหนื่อยหาเลี้ยงทุกคนในครอบครัว สิ่งไหนที่จะเบาแรงพี่สาวไปได้ เธอก็ควรที่จะทำมันในทันที
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ แค่มินขยันเรียน แค่นั้นก็พอแล้ว งานในบ้านก็ให้พี่แจ๋วทำไป ส่วนการดูแลคุณแม่ก็ให้พยาบาลพิเศษช่วยดูแล แล้ววันไหนเราว่างตรงกันก็ไปเยี่ยมคุณแม่พร้อมกัน”
“มินสงสารคุณแม่จังเลยค่ะ คุณแม่ไม่น่าป่วยหนักแบบนี้เลย ท่านคงจะทรมานน่าดู” มินรญาพูดเสียงเศร้า
“คุณแม่ของพวกเราเป็นคนเข้มแข็ง ท่านจะต้องผ่านทุกอย่างไปได้พร้อม ๆ กันกับเรา พี่เชื่อแบบนั้น”
“พี่เมอย่าทำงานหนักมากนะคะ มินเป็นห่วงค่ะ”
“จ้ะ กลับมาเหนื่อยๆ อาบน้ำแล้วก็ทานของว่างนะ พี่ให้พี่แจ๋วเตรียมของว่างเอาไว้ให้เราแล้ว”
“คุณพ่อมาค่ะพี่เม” มินรญาตรงเข้าไปกอดรัดบิดาด้วยความคิดถึง ในขณะที่เมนิลาหน้าตึง แต่ไม่ได้อาละวาดโวยวายให้น้องสาวได้รับรู้