ขออยู่ต่ออีกนิดนะคะ
ตอนที่ 6
ขออยู่ต่ออีกนิดนะคะ
“อย่าร้องนะคะลูก...แม่มาแล้ว”
แค่เพียงกานพลูไปอาบน้ำเจ้าหนุ่มน้อยที่คุณพ่อตั้งชื่อว่าวายุก็ร้องไห้งอแงถึงแม้ภูวิทศพยายามปลอบโยนเท่าไหร่ลูกชายก็ร้องไม่ยอมหยุด
“ลูกคงยังไม่ค่อยคุ้นกับมือคุณ วายุอยู่กับแม่ตลอดก็จะเป็นแบบนี้ล่ะค่ะ”
กานพลูไม่ได้ตั้งใจต่อว่าชายหนุ่มแต่เธอแค่จะพูดให้เขาได้รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้วายุไม่รู้สึกคุ้นเคยกับบิดาเพราะตอนนี้เด็กน้อยอายุได้ 3 เดือนแล้วแทบจะมีโอกาสอยู่กับพ่อไม่เท่าไหร่เพราะชายหนุ่มจะต้องเข้าไปทำงานที่กรุงเทพฯและก็ไม่ได้เอาลูกกับเธอไปด้วย
“ คงจะจริงอย่างที่คุณพูดผมกับลูกไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันตอนนี้ผมเคลียร์งานทุกอย่างเข้าที่แล้วก็คงมีเวลาได้เลี้ยงลูกเต็มที่เสียที”
ชายหนุ่มพูดยังไม่ทันจบก็ต้องส่งเด็กน้อยให้กับคุณแม่เมื่อตอนนี้เสียงโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นไม่ใช่ใครที่ไหนคือฟ้าลดานั้นเอง
กานพลูไม่เข้าใจเลยว่าทำไมในเมื่อเขากับคนรักเก่ากลับมาคืนดีกันแล้วทำไมถึงเลือกที่จะไม่แต่งงานกันแล้วบอกความจริงให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขาแค่ต้องการมีลูกกับเธอเท่านั้น
ความน้อยใจที่ทนเก็บมาตลอดทำให้กานพลูกลายเป็นคนที่ไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไร เธอสำนึกและรู้ตัวเองเสมอว่าวันนึงก็ต้องไปจากที่นี่ วันนั้นคงเป็นวันที่เธอเสียใจที่สุดเพราะเธอต้องจากผู้ชายที่รักทั้งสองคนนั่นก็คือสามีและลูกชาย
วายุจากที่ไม่ค่อยคุ้นชินกับพ่อเท่าไหร่ตอนนี้เด็กน้อยก็ติดพ่อเอามากๆเมื่อภูวิศจัดการงานที่บริษัทเสร็จ ท่านประธานก็ แปรเปลี่ยนเป็นชาวไร่เต็มตัวมาอยู่ดูแลลูกชายช่วงกลางดึกที่ปกติแล้วจะเป็นเพียงกานพลูที่ต้องตื่นมาดูแลลูกจนตอนนี้น้ำหนักของเธอหายไปหลายกิโลกรัมซูบผอมมากเริ่มกลับมามีน้ำมีนวลอีกครั้งเมื่อได้สามีมาคอยดูแลลูกให้
“พรุ่งนี้เราพาลูกไปสวนสัตว์กันนะ”
คุณพ่อที่เพิ่งกลับมาจากทำงานอุ้มลูกชายขึ้นมากอดแล้วหันมาพูดกับหญิงสาวที่กำลังเตรียมอาหารมื้อเย็นให้กับเขา
“ไปได้หรอคะเดี๋ยวคนอื่นจะเห็นเข้านะ”
ภูวิศหันมามองสบตาคนพูดดวงตาของเขาแสดงว่ากำลังโกรธไม่พอใจกับคำพูดของหญิงสาว
“นั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องกลัว....ไม่ใช่หน้าที่คุณที่จะมาช่วยคิด”
กานพลูไม่ชอบเวลาชายหนุ่มพูดแบบนี้เลยมันเหมือนเธอกำลังสาระแนเกินหน้าที่มันยิ่งตอกย้ำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่เพียงเครื่องจักรกลผลิตลูกเท่านั้นทั้งที่เธอพูดทุกอย่างก็เพราะเป็นห่วงเขา
ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เป็นในแบบที่หญิงสาวไม่ค่อยเข้าใจบางทีเขาก็ดูปิดบังไม่ให้คนอื่นรู้เรื่องของเธอกับลูกแต่บางทีเขาก็ทำเหมือนเธอกับลูกมีตัวตนจากที่พยายามทำใจเว้นระยะก็กลายเป็นเธอยิ่งผูกพันมากขึ้นทุกทีพอเริ่มจะรู้สึกว่ารัก เขาก็ทำร้ายด้วยคำพูดที่เจ็บแสบแต่พอเธอตัดใจได้เขาก็ทำตัวเป็นคุณพ่อและสามีที่อบอุ่นกานพลูรู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังถูกเล่นเป็นของสนุกของเขามันไม่มีค่าอะไรเลย
หลายปีต่อมา
“เร็วเหมือนกันเนาะพรุ่งนี้ก็ต้องไปส่งลูกเข้าโรงเรียนแล้ว”
ภูวิศขับรถกลับมาจากกรุงเทพฯเพื่อจะมาส่งลูกชายพรุ่งนี้เช้าในวันที่เขาต้องไปโรงเรียนเป็นวันแรก
“ฉันขออยู่ต่ออีกนิดได้ไหมคะอย่างน้อยอยากเห็นว่าลูกไปโรงเรียนแล้วมีความสุข”
กานพลูเฝ้ารออยู่นานว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่แต่เขากลับไม่ยอมพูด เธอจึงจะเป็นฝ่ายพูดเองเพราะยังไม่พร้อมจะไปจากวายุและไปจากสามีที่เธอมั่นใจว่ารักเขาไปแล้ว
“คุณเตรียมของให้ลูกเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”
ภูวิศยังคงไม่ตอบแต่เขากำลังสาละวนกับการเตรียมอุปกรณ์ในการทำงานเพราะยังมีงานค้างที่เขาเอาจากบริษัทมาเพื่อทำที่บ้านเพราะตั้งใจว่าสัปดาห์นี้จะอยู่กับลูกทั้งสัปดาห์
“เรียบร้อยแล้วค่ะ...คุณได้ยินที่ฉันขอไหมแต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะคะ”
“ผมพยายามเปลี่ยนเรื่องพูดแล้วแต่คุณก็ยังจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาและมันก็ไม่ใช่ครั้งแรก ผมถามจริงๆเถอะที่คุณพูดเรื่องนี้เพราะอยากอยู่หรือไปจากที่นี่กันแน่”
ชายหนุ่มวางมือจากงานที่ทำหันมาโมโหใส่คนตัวเล็กเหมือนว่าเธอผิดทั้งที่ความจริงข้อตกลงนี้เขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมา
“ฉันอยากอยู่หรืออยากไปมันก็คงไม่ได้มีผลอะไรแต่ที่พูดเพราะข้อตกลงมันกำลังจะสิ้นสุด ฉันแค่เป็นห่วงลูกค่ะอยากเห็นเขาไปโรงเรียนได้อย่างไม่มีปัญหา ถ้าต้องไปอยู่ที่อื่นก็ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับมาหาลูกเมื่อไหร่แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะคะถ้าคุณต้องการจะแต่งงานกับคุณฟ้าลดา ฉันจะไม่ไปยุ่งเลยจะขออยู่เงียบๆกับลูก ตรงนี้”
ไม่มีคำตอบมีเสียงแค่เสียงปิดประตูดัง ชายหนุ่มไม่อาจที่จะทนฟังหญิงสาวพูดอีกต่อไปตัวเขาเองก็รู้ว่าวันสุดท้ายกำลังจะมาถึงแต่เขายังไม่ได้เป็นคนเอ่ยปากทำไมเธอถึงเลือกที่จะพูดมันขึ้นมาโดยเฉพาะเรื่องฟ้าลดา เธอไม่ควรมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้