บทที่ 1
“ท่านชีคให้องครักษ์เอาการ์ดแต่งงานไปให้พ่อกับแม่ ที่เมืองเคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้จ้ะ”
“เอาไปให้ถึงเคปทาวน์”
ภูมินิทยิ่งกว่าตกตะลึง ก่อนจะพึมพำออกมาราวกับไม่เชื่อไม่สักเท่าไร
“เป็นไปได้ยังไงกัน เอาการ์ดแต่งงานไปให้ไกลคนละซีกโลกเลยนะครับ”
โดมินิทหัวเราะร่วนกับคำพูดของลูกชาย “เชื่อเถอะ เจ้าบลู ชีคดาจิมทำได้ทุกอย่าง และหากต้องการสิ่งใดแล้วก็จะต้องทำให้ได้ด้วย แค่สืบเสาะหาข้อมูลว่าพ่อกับแม่ไปเที่ยวประเทศไหน พักโรงแรมใด เป็นเรื่องง่ายสำหรับท่านชีคมาก”
“บลูน่าจะได้เห็นตอนที่พ่อกับแม่ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะถูกเคาะประตู
ห้อง พอเปิดประตูออกมาก็แทบหงายหลัง เมื่อเห็นองครักษ์ของท่านชีคสองคนฉีกยิ้มกว้างให้ พร้อมกับยื่นการ์ดแต่งงานให้ด้วย”
“และทันทีที่เห็นชื่อของเจ้าสาว พ่อกับแม่ก็รีบกลับประเทศไทยเป็นการเร่งด่วนอย่างที่บลูเห็นนี่แหละ”
โดมินิทเอ่ยต่อท้ายภรรยา พลางหยิบการ์ดแต่งงานมาเปิดดู พร้อมกับแสร้งเอ่ยลอยๆ ว่า
“พ่อบลูอยากเห็นว่าที่เจ้าบ่าวของเจ้าหญิงอลิยาซะจริงๆ และอยากรู้ว่าใครกัน ที่สามารถกุมหัวใจของเจ้าหญิงอลิยาได้ กระทั่งเจ้าหญิงตอบตกลงแต่งงานด้วย”
“เจ้าหญิงอลิยาแต่งงานไม่ได้”
ภูมินิทตอบเสียงแข็งด้วยความลืมตัว ดวงตาคมกริบจ้องมองการ์ดแต่งงานในมือของบิดาเขม็ง อยากจับมาเผาทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดไป
“ทำไมเจ้าหญิงอลิยาจะแต่งงานไม่ได้ บลูก็เห็นชื่อเจ้าบ่าวของเจ้าหญิงแล้วนี่ พิมพ์เด่นหราคู่กับชื่อของเจ้าหญิงเลย”
ผู้เป็นมารดาชี้นิ้วไปบนชื่อของเจ้าบ่าว ตอกย้ำให้ภูมินิทต้องปวดหัวใจเล่น
ภูมินิทพยายามไม่เหลือบสายตามองชื่อของเจ้าบ่าว ที่ทำให้เขาต้องแสลงหัวใจ ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงแข็ง ทว่า...หาใช่เพราะโกรธบิดามารดาไม่! แต่เขากำลังโกรธเจ้าหญิงผู้เลอโฉมต่างหากเล่า
“เจ้าหญิงจะแต่งงานกับใครไม่ได้ นอกจากแต่งกับบลูคนเดียว”
“ทำไมบลูคิดแบบนั้นละ”
โดมินิทเลิกคิ้วเอ่ยถาม รู้ว่าลูกชายกำลังถูกอาการหึงหวงเล่นงานอย่างเต็มที่
และภูมินิทก็ให้คำตอบกับบุพการีทั้งสองว่า “ก็เจ้าหญิงอลิยาเป็นคู่หมั้นของบลูแล้ว เจ้าหญิงจะรักใคร ชอบใคร หรือแต่งงานกับใครไม่ได้”
“บลูหมั้นเจ้าหญิงอลิยาตั้งแต่เมื่อไรกัน ทำไมพ่อกับแม่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
ปรีชยาพรเอ่ยถามลูกชายด้วยความสงสัย พลางหันไปมองหน้าสามี ซึ่งอีกฝ่ายก็ส่ายหน้าปฏิเสธ บอกให้รู้ว่าไม่รู้เรื่องเช่นเดียวกัน ท่านทั้งสองรู้แค่เพียงว่าลูกชายรักเจ้าหญิงอลิยาและรักมานานแล้ว
“บลูหมั้นกับเจ้าหญิงเมื่อยี่สิบปีก่อนครับ”
ภูมินิทเอ่ยตอบให้ท่านทั้งสองต้องเบิกตาโต ร้องเสียงหลงแทบจะพร้อมๆ กัน
“ฮ้า! เมื่อยี่สิบปีก่อน”
ในขณะผู้เป็นมารดาร้องเสียงหลง โดมินิทกลับสัพยอกลูกชายกลั้วเสียงหัวเราะร่วน
“นั่นเมื่อตอนสิบขวบ แก่แดดชะมัด เจ้าบลู”
“บลูหมั้นเจ้าหญิงด้วยวิธีไหน พูดปากเปล่า หรือให้สิ่งของ หรือให้ตุ๊กตากับเจ้าหญิง”
ปรีชยาพรเต็มไปด้วยความสงสัย อีกทั้งคิดว่าในขณะลูกชายอายุเพียงสิบขวบ คงเอาตุ๊กตาสวยๆ ไปให้กับเจ้าหญิงอลิยาซึ่งอยู่ในวัยเดียวกัน เพื่อเป็นของหมั้นแทนใจ
ภูมินิทส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วเอ่ยตอบว่า “บลูเอาแหวนทับทิมที่ท่านชีคดาจิมให้ ไปหมั้นเจ้าหญิงอลิยาครับ”
“ฮ้า!!!”
โดมินิทร้องเสียงดังกว่ารอบแรก พลางเอ่ยถามซ้ำว่าตนไม่ได้ฟังผิดเพี้ยนไป
“บลูเอาแหวนทับทิมมูลค่าเกือบสิบล้าน ที่ท่านชีคดาจิมให้เป็นของขวัญกับบลู ไปหมั้นเจ้าหญิงตัวน้อยหรือลูก”
“ครับ” ภูมินิทคลี่ยิ้มกริ่ม เมื่อนึกถึงการกระทำในวัยเด็กของตน “ก็ท่าน
ชีคบอกกับบลูเองว่า ให้เก็บแหวนไว้หมั้นเจ้าสาวในอนาคต บลูก็ทำตามคำสั่งของท่านชีคอย่างเคร่งครัด พอพ่อบลูกับแม่หมูพาบลูไป
เยี่ยมท่านชีค บลูเห็นเจ้าหญิงอลิยาก็ครั้งแรก ก็เลยมอบแหวนให้กับเจ้าหญิงครับ”
“บลูพูดอะไรกับเจ้าหญิงน้อย ตอนที่มอบแหวนให้กับเจ้าหญิง”
ผู้เป็นมารดาเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้นกับความรักในวัยเด็กของลูกชาย
ภูมินิทอมยิ้มติดเก้อเขิน ก่อนจะปฏิเสธว่า “ไม่บอกดีกว่าครับ บลูอายครับ”
“โธ่ๆ แม่อุตส่าห์รอฟัง” ปรีชยาพรบ่นอุบด้วยความเสียดาย ส่วนโดมินิทได้แต่หัวเราะร่วนด้วยความขบขำ และเอ่ยแซวลูกชายตัวแสบตลอดเวลา
“มีความรักตั้งแต่วัยกระเตาะเลยนะเจ้าบลู”
“ถึงจะเป็นรักวัยกระเตาะ แต่ก็รักจริงหวังแต่งนะครับ พ่อบลู” ภูมินิทย้อนกลับพร้อมด้วยรอยยิ้มกว้าง
“เออ...มัวแต่โม้อยู่นั่นแหละ รักจริง หวังแต่ง แต่ตอนนี้เจ้าหญิงอลิยาจะแต่งงานกับคนอื่นแล้ว ไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือยังไงเจ้าบลู”
“ผมจะไปทวงเจ้าสาวของผมคืนครับ”
“ว่าที่เจ้าบ่าวของเจ้าหญิงเป็นถึงท่านชีคเลยนะลูก”
ปรีชยาพรเอ่ยเตือนไม่ให้ลูกชายลืมในเรื่องนี้ แน่นอนว่าอีกฝ่ายเป็นถึงท่านชีค ย่อมมีอำนาจล้นมือ พร้อมทำร้ายภูมินิทได้ในทุกนาที
“ต่อให้เป็นถึงท่านชีค บลูก็ไม่กลัวครับ”
ภูมินิทตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ดวงตาสีน้ำเงินที่ทอดแบบมาจากผู้เป็นบิดา ฉายแววเด็ดเดี่ยวให้เห็น เขาพร้อมสำหรับการปะทะฉะดะ เพื่อให้ได้ของรักกลับคืนมา
“แล้วจะรอช้าอยู่ทำไม รีบไปทวงของรักกลับคืนเดี๋ยวนี้เลย เจ้าลูกชายพ่อ”
โดมินิทยุส่ง และภูมินิทก็พยักหน้ารับคำในทันที
“แน่นอนครับว่าบลูจะไปเดี๋ยวนี้ บลูฝากพ่อบลูดูแลงานในบริษัทแทนด้วยนะครับ”
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวระหว่างนี้พ่อบลูจะดูแลเรื่องงานให้เอง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก และจะให้เลขาฯ จองตั๋วเครื่องบินให้ด้วย ถ้าไม่มีไฟลท์บิน เดี๋ยวพ่อบลูจัดการเช่าเหมาลำให้เลย”
“ขอบคุณครับ ถ้ายังงั้นบลูขอตัวก่อนนะครับ”
ภูมินิทเข้าไปกอดมารดาพร้อมกับหอมแก้มของท่านฟอดใหญ่ จากนั้นก็ผละไปสวมกอดบิดาบ้าง โดยไม่ลืมกำหมัดชนกับท่านด้วย
และก่อนจะเดินเร็วๆ ออกจากห้องทำงาน ก็ต้องหัวเราะร่วนกับคำอวยพรของมารดา
“ไม่มีเจ้าหญิงอลิยากลับมาด้วย ไม่ต้องมาให้แม่หมูเห็นหน้านะ เจ้าบลูจูเนียร์”