บทที่ 4
เผียะ!!!
ปาลิตาโกรธจัดกับการดูถูกของผู้ชายคนนี้ มือเล็กตวัดตบลงไปเต็มแรงบนใบหน้าหล่อเหลา เค้นเสียงด่าลอดไรฟัน
“สารเลว!”
และใช่ว่าจะมีแค่ปาลิตาเท่านั้นที่โกรธเป็น มาร์คัสก็โกรธจัดไม่แพ้กัน เกิดมาเพิ่งเคยถูกผู้หญิงตบหน้าเป็นครั้งแรก และมีหรือเจ้าพ่อแห่งซี คลาร์ก กรุ๊ปจะปล่อยให้ถูกตบหน้าฟรีๆ!
“กล้ามากนะป้าไข่! คุณกล้ามากที่บังอาจมาตบหน้าผม และคุณจะต้องได้รับการตอบแทนแบบนี้”
ปาลิตาไม่ทันได้ตั้งตัว อีกทั้งไม่คิดว่าจะถูกลงโทษด้วยวิธีนี้ จึงนิ่งงัน หาทางช่วยตัวเองไม่ได้ เมื่อถูกมาร์คัส
กระแทกริมฝีปากลงมาบดขยี้บนเรียวปากอิ่มแดงระเรื่ออย่างเร่าร้อนดุดัน ตามอารมณ์โกรธที่มีเธอเป็นตัวจุดประกายให้ปะทุเดือดขึ้นมา
“ปล่อยฉัน...”
ปาลิตาครางเสียงอู้อี้ เรียวปากอิ่มยังถูกปิดผนึกไว้แน่น เท่านั้นยังไม่พอ มือเล็กที่พยายามผลักไส หาอิสระให้กับตัวเอง ยังถูกมือใหญ่ร้อนรุ่มจับยึดไว้ ไม่ให้เธอดิ้นหนีไปไหนได้
“ป้าไข่...อย่าบอกนะว่านี่เป็นจูบแรกของคุณ”
มาร์คัสกระซิบถามด้วยความแปลกใจ ไม่นึกว่าหญิงสาวซึ่งดูจากภายนอกแล้ว แลดูโฉบเฉี่ยวเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง กลับจูบไม่เป็นสับปะรดเอาซะเลย
“ปล่อย...”
คราวนี้ปาลิตาตะโกนออกคำสั่ง โดยไม่รู้เลยว่าตนเองกำลังหลงกลของผู้ที่ช่ำชองในเรื่องรักอย่างมาร์คัส พอหญิงสาวเผยอปากออกกว้าง มาร์คัสก็สอดลิ้นร้อนๆ เข้าไปชอนไชควานหาความหวานฉ่ำได้ตามอำเภอใจ
“อืม...ถึงจะจูบไม่เป็นเลย แต่บอกตามตรงว่าปากของคุณ หวานซะยิ่งกว่าปากของผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผมเคยจูบมา”
มาร์คัสยั่วให้ปาลิตาโกรธจัดอีกครั้ง หลังจากผละริมฝีปากออกอย่างแสนเสียดาย หากไม่ติดว่ากำลังมีปัญหาเรื่องของเอมมี่รอให้สะสางอยู่ เขาคงได้ใช้วิธีโบราณ ฉุด หญิงสาวในอ้อมแขนมาทำเมียแล้ว เพราะกล้ายอมรับเต็มปากเต็มคำว่าตอนนี้เขากำลังถูกใจ ป้าไข่ ของเอมมี่เป็นอย่างมาก
“เลวที่สุด ลูร์คัส ฉันดีใจที่น้องสาวของฉัน ชิงตายไปก่อนที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายเลวๆ อย่างคุณ”
ขณะเค้นเสียงด่า ปาลิตาก็ยกมือเช็ดไปบนเรียวปากแดงระเรื่อ หวังจะลบรอยจูบให้จางหายไปจากเรียวปากของเธอ
มาร์คัสทำเสียงฮึดฮัดอยู่ในลำคอ ขณะจ้องมองการกระทำของปาลิตา จากนั้นก็เอื้อมไปจับมือเล็กมายึดไว้ พร้อมกับออกคำสั่งแกมตำหนิไปในตัว
“หยุดถูปากตัวเองได้แล้ว ป้าไข่ รู้ไหมว่าปากของคุณช้ำหมดแล้ว”
“มันเรื่องของฉัน คุณมายุ่งอะไรด้วย”
ปาลิตาตวาดกลับ ไม่ชอบเอาซะเลยที่อีกฝ่ายเรียกเธอว่า ป้าไข่ ด้วยน้ำเสียงติดกลั้วหัวเราะทุกครั้ง
มาร์คัสยื่นหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้างามแดงซ่าน ซึ่งเป็นเพราะทั้งความโกรธและความอาย ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงกระเส่ายั่วให้ปาลิตาโมโหหนักกว่าเดิม
“ปากสวยๆ ของป้าไข่ ต้องแดงช้ำ เพราะถูกผมจูบเท่านั้น”
ปาลิตายกขึ้นทำท่าจะสะบัดตบลงไปบนใบหน้าคมเข้มอีกครั้ง แต่มือเล็กก็ต้องชะงักอยู่กลางอากาศกับคำขู่ฟ่อของมาร์คัส
“ลองตบผมอีกทีสิ ป้าไข่ คราวนี้ผมจะไม่ทำแค่จูบแล้ว”
“หยุดปั่นหัวฉันได้แล้ว ลูร์คัส ฉันต้องการคุยกับคุณเรื่องของเอมมี่”
ปาลิตาเคยชินกับการออกคำสั่งกับลูกน้องใต้อาณัติ และมาร์คัสก็ไม่เคยชินกับการทำตามคำสั่งของใครสักเท่าไร พอปาลิตาออกคำสั่งเสียงห้วน ชายหนุ่มก็ปฏิเสธในทันที
“ผมไม่มีอารมณ์จะคุยในตอนนี้”
“ไม่ได้! คุณต้องคุยกับฉันให้รู้เรื่อง” ปาลิตาออกคำสั่งอีกครั้ง ขึงดวงตาจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง
“คุณทิ้งเอมมี่มานานเกินพอแล้ว ต่อไปนี้คุณจะต้องรับผิดชอบเอมมี่ ต้องรับเธอเป็นลูกของคุณ และให้เอมมี่ใช้นามสกุลของคุณอย่างถูกต้องด้วย”
“ผมอยากให้คุณใช้นามสกุลของผมมากกว่า”
มาร์คัสยั่วยวน นึกชอบใจทุกครั้งที่เห็นปาลิตาขึงตาใส่ จ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเขา สร้างสีสันทำให้เขาสนุกเป็นอย่างมากกับการได้ปะทะคารมกับเธอ
“ฉันมีคนที่พร้อมจะให้ใช้นามสกุลอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องลำบากมาใช้นามสกุลห่วยๆ ของคุณ”
ได้ยินเช่นนี้ มาร์คัสถึงกับหน้าตึง จู่ๆ อาการแปลกๆ ก็เกิดขึ้นในหัวใจ คว้ามือเล็กกระชากเข้าหาตนเอง แล้วเค้นถามเสียงแข็ง
“คุณจะใช้นามสกุลของใคร ป้าไข่”
“หยุดเรียกฉันว่าป้าไข่ได้แล้ว ฉันไม่ชอบ และก็ไม่ต้องมายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉัน สิ่งที่คุณควรให้ความสนใจคือเอมมี่ต่างหาก”
“ก็ได้ ถ้าคุณต้องการให้ผมรับผิดชอบเอมมี่ คุณมีหลักฐานอะไรมายืนยันว่าผมเป็นพ่อของเด็ก ในเมื่อตัวผมเองยังจำไม่ได้เลยว่าไปยุ่งกับน้องสาวของคุณตั้งแต่เมื่อไรกัน”
มาร์คัสเอ่ยท้า อยากรู้เหมือนกันว่าปาลิตาจะเอาหลักฐานอะไรมาอ้างว่าเขาเป็นพ่อของเอมมี่
“อยากเห็นหลักฐานใช่ไหมคะ ได้ค่ะ ฉันจะเอาให้คุณดู”
ปาลิตายิ้มเยาะ เชื่อว่าอีกสักครู่ ผู้ชายคนนี้จะพูดไม่ออก เมื่อเห็นหลักฐานที่เธอและเอมมี่มีอยู่ในมือ หญิงสาวหันไปมองหลานสาว พร้อมกับบอกว่า
“เอมมี่จ้ะ เอาภาพถ่ายที่เอมมี่เก็บไว้ให้แด๊ดดี้ดูสิค่ะ”
“ได้ค่ะ ป้าไข่”
เอมมี่รับคำ ปลดกระเป๋าเป้ใบเล็กที่ตนเองสะพายติดตัวมาด้วยออกมารูปซิบ แล้วหยิบภาพถ่ายปึกหนึ่งส่งให้กับมาร์คัส
“นี่ค่ะแด๊ดดี้ รูปของแด๊ดดี้ ของมามี้ และรูปของเอมมี่ค่ะ”
มาร์คัสรับภาพถ่ายในมือของหนูน้อยเอมมี่มาถือไว้ และแค่เพียงเห็นภาพแรก ซึ่งเป็นภาพถ่ายที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ก็ถึงกับทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในทันที
“ลูร์คัส...”
ริมฝีปากสีเข้มพึมพำเรียกชื่อคนในภาพเสียงแผ่วเบา แต่กระนั้นปาลิตาก็ยังคงได้ยินเสียง และอดไม่ได้ที่จะเหน็บแนมอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ
“แหม...ยังดีนะคะที่คุณจำรูปภาพของตัวเองได้”
มาร์คัสไม่ตอบ เขาเงยหน้ามองปาลิตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหลุบดวงตาดูรูปภาพในมือไปเรื่อยๆ และขณะทอดสายตามองภาพถ่ายเหล่านี้ ก็ลอบกัดฟันแน่น กักเก็บความรู้สึกบางอย่างไว้ในใจ
“คนนี้คือน้องสาวของคุณ แม่ของเอมมี่”
มาร์คัสเอ่ยถาม ขณะจิ้มนิ้วไปยังภาพๆ หนึ่ง ซึ่งเป็นภาพของหญิงสาวแสนสวย หน้าตาละม้ายคล้ายกับคนที่ยืนกัดฟันดังกรอดๆ อยู่ตรงหน้าเขา
ปาลิตาเต็มไปด้วยความเจ็บใจ เมื่อผู้ชายคนนี้จำน้องสาวของเธอไม่ได้ จำไม่ได้แม้กระทั่งคนที่เขาเคยบอกว่ารักและพร้อมจะใช้ชีวิตอยู่ด้วย
“ใช่ค่ะ ปารุดา น้องสาวของฉัน หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือเมียของคุณ”
มาร์คัสถอนหายใจลึก ไม่สนใจคำเหน็บแนมของปาลิตา เขาดูรูปภาพไปเรื่อยๆ จนครบทุกภาพ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น แล้วเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงติดเศร้าๆ
“ผมขอเก็บภาพพวกนี้ไว้ได้ไหม”
ปาลิตาเหลือบสายตามองรูปภาพที่ชายหนุ่มแยกออกเป็นสองกอง กองหนึ่งมีภาพของเขาและภาพของปารุดาซึ่งเป็นภาพที่ถ่ายคู่กันด้วย ส่วนอีกกองเป็นภาพของน้องสาวเธอและภาพของเอมมี่เท่านั้น ซึ่งเธอเห็นเขาจับแค่ภาพถ่ายของตัวเอง จากนั้นก็เอ่ยตอบเสียงแข็งว่า
“ฉันยกภาพถ่ายทั้งหมดให้คุณ เพราะฉันอัดภาพถ่ายเหล่านี้ไว้หลายชุดแล้ว”
“ไม่ ผมต้องการแค่ภาพของลู...ของผมเท่านั้น”
มาร์คัสชะงักคำพูดไปชั่วขณะ น้ำเสียงนั้นติดเศร้าสร้อย ตอนที่หลุดชื่อออกมาแค่เพียงประโยคแรก ทว่าปาลิตาไม่ได้สังเกตแม้แต่นิดเดียว
“บอกแล้วยังไงล่ะคะ ว่าฉันยกภาพให้คุณทั้งหมด และคราวนี้คุณจะง้างปาก ยืดอกรับได้หรือยังว่าคุณเป็นพ่อของเอมมี่ หรือถ้าหลักฐานเหล่านี้ไม่หนักแน่นพอ คุณจะตรวจดีเอ็นเอก็ได้”
“ไม่จำเป็น” มาร์คัสปฏิเสธ ก่อนจะถามความต้องการของปาลิตา “คุณจะให้ผมรับผิดชอบเอมมี่ยังไง ยกมรดกครึ่งหนึ่งของผมให้กับเอมมี่ยังงั้นหรือ”
“ไม่จำเป็นค่ะ” ปาลิตายืมคำพูดของมาร์คัสมาใช้บ้าง “ฉันมีเงินมากพอโดยไม่จำเป็นต้องให้หลานสาวของฉันมาแย่งมรดกไปจากคุณ แต่สิ่งที่ฉันต้องการคือให้คุณรับเอมมี่เป็นลูก และดูแลเธอในขณะที่เธอมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน...”
น้ำเสียงในตอนท้ายสั่นเครืออย่างหักห้ามเอาไว้ไม่อยู่ จากนั้นเจ้าตัวก็หันไปกอดหลานสาวไว้แน่น ซึ่งทั้งน้ำเสียงที่เอ่ยพูดสั่นเทา ทั้งกริยาที่ป้า หลาน ตกอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน ทำเอามาร์คัสรู้สึกสะเทือนใจอยู่ไม่น้อย
“ที่คุณพูดมาเมื่อสักครู่หมายความว่ายังไง ป้าไข่” มาร์คัสเอ่ยถามให้คลายความสงสัย แต่เขาก็ไม่ได้รับคำตอบจากปาลิตา
“คุณอย่ารู้เลยค่ะ ถ้าคุณเป็นลูกผู้ชายมากพอ และสงสารเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณเอง คุณควรตอบตกลงแทนที่จะซักไซ้ฉันไปมากกว่านี้”
“ก็ได้ ผมจะจดทะเบียนรับรองเอมมี่เป็นลูกของผม”
มาร์คัสรับคำในที่สุด สร้างความพึงพอใจให้กับปาลิตาเป็นอย่างมาก ส่วนเอมมี่ก็ยิ้มกว้างหุบไม่ลง เมื่อคนที่หนูน้อยเรียกว่าแด๊ดดี้ยอมรับเธอเป็นลูกแล้ว
“แค่จดทะเบียนรับรองยังไม่พอ คุณต้องให้เอมมี่อยู่กับคุณ และดูแลเอมมี่ระหว่างฉันกลับไปแอล เอ”
ปาลิตาออกคำสั่ง ซึ่งเป็นคำสั่งที่มาร์คัสสาบานว่าจะไม่ตกลงรับคำอย่างแน่นอน ก็เมื่อถูกใจป้าไข่หนักหนา เรื่องอะไรเขาจะปล่อยให้เธอต้องไปอยู่ไกลจากตัวเขาด้วย
“อันนี้ผมไม่ตกลง” มาร์คัสปฎิเสธเสียงห้วน
และปาลิตาก็ขึ้นเสียงในทันที “เอะ! เงื่อนไขง่ายๆ เพียงแค่นี้ทำไมถึงทำไม่ได้ เอมมี่โตแล้ว สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ทุกอย่าง คุณแค่เพียงดูแลเธอในบางเรื่องเท่านั้น แค่นี้คุณทำไม่ได้เลยหรือยังไงกัน”
“ถ้าหากคุณยอมอยู่ที่นี่กับผม เอ้ย! อยู่กับเอมมี่ ผมก็รับปากว่าจะดูแลเอมมี่เป็นอย่างดี และจะพาเอมมี่ไปอยู่ในคอนโดของผมด้วย”
มาร์คัสเสนอเงื่อนไข ขณะเดียวกันก็นึกขบขำตัวเอง ที่แทบแก้ตัวในประโยคแรกไม่ทัน หลังจากเผลอไผลหลุดคำพูดออกไป
“ฉันอยู่ในเมืองไทยได้ไม่นาน ฉันมีงานที่ต้องทำในแอล เอ”
ปาลิตาเป็นฝ่ายปฏิเสธบ้าง ใช่ว่าเธออยากทิ้งหลานสาวไว้กับพ่อที่ไม่เคยรับผิดชอบลูก แต่เพราะมีงานสำคัญให้ต้องทำ เธอจึงไม่สามารถอยู่กับเอมมี่ได้
เมื่อปาลิตาปฏิเสธ มาร์คัสก็ยักไหล่ใส่ราวกับไม่แยแส แล้วเอ่ยตอบให้ปาลิตาต้องกัดฟันกรอดๆ เพราะความโมโหที่ถูกเขายอกย้อนเข้าให้
“แล้วแต่คุณ เงื่อนไขง่ายๆ เพียงแค่นี้ ถ้าคุณทำไม่ได้ ผมก็ไม่ตกลงเช่นเดียวกัน ถ้าจะให้เอมมี่อยู่กับผม ก็ต้องมีคุณอยู่ด้วย เข้าใจไหม ป้าไข่!”
“ไม่!...” ปาลิตาไม่ทันได้ปฏิเสธไปมากกว่านี้ ก็ถูกหลานสาวเขย่าต้นแขนเนียน พร้อมกับเอ่ยขอร้องทั้งสีหน้าและแววตา
“ป้าไข่คะ อยู่กับเอมมี่นะคะ เอมมี่อยากอยู่กับแด๊ดดี้ และมีป้าไข่อยู่ด้วยค่ะ”
หนูน้อยเอมมี่เอ่ยขอร้อง ดวงตากลมโตทำตาปริบๆ แถมยังเบะหน้าพร้อมจะร้องไห้ในทันที หากได้ยินคำปฏิเสธจากผู้เป็นป้า
มาร์คัสเห็นอาการลังเลในตัวปาลิตา ก็รีบเอ่ยตอกย้ำ ฉลาดพูดให้ปาลิตารู้สึกผิดหากต้องทิ้งหลานสาวไป
“ไม่สงสารเอมมี่หรือป้าไข่ น้องสาวของคุณก็ไม่อยู่แล้ว คุณจะทิ้งหลานสาวของคุณได้ลงคอเลยหรือ”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ลูร์คัส”
ปาลิตาตะคอกใส่ โมโหที่ชายผู้นี้เอานิสัยของนักธุรกิจมาคุยเจรจากับเธอ ส่งให้เธอต้องคิดหนักกับการตัดสินใจในครั้งนี้
มาร์คัสยิ้มเยาะอยู่ตรงมุมปาก เลิกคิ้วใส่ปาลิตา นับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจ รอเวลาที่ปาลิตาจะตอบตกลง และไม่ต้องรอนาน เขาก็คลี่ยิ้มกว้างด้วยความถูกใจกับคำตอบที่ได้ยิน
“ก็ได้ค่ะ ฉันจะอยู่ที่นี่กับเอมมี่”
“และอยู่กับผมด้วย” มาร์คัสเอ่ยต่อท้าย
ปาลิตาถลึงตาใส่คนตรงหน้า เน้นคำพูดทีละคำอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เฉพาะ...กับ...เอมมี่...เท่านั้น”
มาร์คัสหัวเราะร่วน เห็นท่าทีที่ปาลิตาทำใส่ตนเองแล้ว ร่ำๆ อยากจะรวบร่างเล็กมาสวมกอดและกระหน่ำจุมพิตให้หนำใจ
“เป็นอันว่าตกลงตามนี้ ป้าไข่และเอมมี่ไปอยู่กับผมที่คอนโด”
“ทำไมต้องเป็นคอนโด คุณไม่มีบ้านหรือคะ”
ปาลิตาถามขึ้นมาในทันที ไม่อยากเชื่อว่าอภิมหาเศรษฐีอย่างผู้ชายคนนี้จะไม่มีบ้านอยู่ มาอาศัยอยู่ในคอนโดเล็กๆ แทน
มาร์คัสหลุบสายตาลง เพื่อปิดบังอะไรบางอย่างไว้ ก่อนจะเอ่ยให้เหตุผลว่า “ผมชอบอยู่คอนโด ขับรถแค่สิบนาทีถึงที่ทำงานแล้ว ไม่ต้องเสียเวลาเป็นชั่วโมงๆ กับรถที่ติดมหากาฬในกรุงเทพฯ”
ปาลิตานิ่งเงียบไปชั่วขณะ ไม่อยากไปอยู่ในคอนโด ซึ่งมีพื้นที่แคบๆ ทำให้เธอเลี่ยงการปะทะหน้ากับชายผู้นี้ได้ยาก
เมื่อปาลิตาเอาแต่นิ่งเงียบ มาร์คัสก็ถามซ้ำอีกครั้ง “ว่ายังไงป้าไข่ ตกลงจะไปอยู่คอนโดกับผม หรือจะพาเอมมี่กลับแอล เอ”
ไม่มีทางเลือกอื่นให้แล้วนี่ ปาลิตาจึงจำต้องรับคำในที่สุด “ก็ได้ค่ะ ไปอยู่คอนโดของคุณก็ได้”
“รับคำง่ายๆ แบบนี้สิ ถึงจะอยู่ร่วมกันได้ง่ายหน่อย”
มาร์คัสเอ่ยกลั้วหัวเราะ จากนั้นก็หันไปเรียกหนูน้อยเอมมี่ให้เข้ามาใกล้ตนเอง
“เอมมี่...มาหา...เอ่อ...แด๊ดดี้สิครับ”
มาร์คัสยังไม่สามารถมอบฐานะความเป็นพ่อให้กับเด็กน้อยคนนี้ได้อย่างเต็มที่ คำว่า แด๊ดดี้ ที่หลุดออกมาจึงไม่เต็มเสียงนัก ทว่า...เมื่อเอมมี่เดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้ ก็อ้าแขนออกกว้างให้เอมมี่โผเข้าสู่อ้อมแขนของตนเอง
เอมมี่เห็นมาร์คัสอ้าแขนออกกว้างเช่นนั้น ก็รีบโผเข้าไปสวมกอดร่างใหญ่ไว้แนบแน่น พร้อมกับเอ่ยบอกด้วยความรัก ที่มีต่อคนที่เธอคิดว่าเป็นพ่อของเธอจริงๆ
“เอมมี่รักแด๊ดดี้ที่สุดในโลกเลยค่ะ”
มาร์คัสถอนหายใจยาว อยากให้ใครบางคนได้อยู่รับรู้ และได้ยินคำพูดเหล่านี้จากเอมมี่เหลือเกิน แต่เมื่อลูร์คัสไม่อยู่แล้ว เขาคงต้องทำหน้าที่ความเป็นพ่อให้กับเอมมี่ แทนคนที่เป็นน้องชายฝาแฝด!