บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 พี่เลี้ยงคนใหม่

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาแม่บ้านอย่างนางนารีได้รับสิทธิ์จากเจ้านายหนุ่มให้สัมภาษณ์คนที่จะมาเป็นพี่เลี้ยงให้คุณหนูของนาง และทันทีที่ได้เห็นหน้าค่าตา หญิงสาวที่มาสัมภาษณ์นางนารีก็รู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก อาจจะด้วยหน้าตาที่ดูอบอุ่นใจดีของหญิงสาวก็เป็นได้ นอกจากนี้ เมื่อได้ดูข้อมูลและประวัติการทำงาน พร้อมกับการสัมภาษณ์เจ้าตัว นางนารีถึงกับยิ้มออกมาอย่างพอใจ เพราะเธอคนนี้ทำงานเป็นพี่เลี้ยงมาตั้งแต่อายุยี่สิบปี นั้นเท่ากับประสบการณ์การทำงานของหญิงสาวนานกว่าสิบปี และแน่นอนประสบการณ์การทำงานเยอะ ย่อมต้องผ่านการดูแลเด็กในหลายๆ รูปแบบมาแล้ว นั่นทำให้นางนารีค่อนข้างมั่นใจว่า ผู้หญิงคนนี้จะเอาคุณหนูแสนซนของนางอยู่ ดังนั้นความถูกชะตาบวกกับประสบการณ์การทำงานอันโชกโชนของหญิงสาว นางนารีจึงไม่ลังเลใจเลยที่จะตอบตกลงรับหญิงสาวมาเป็นพี่เลี้ยงคนใหม่ให้กับคุณหนูคู่แฝดของนาง

และเมื่อเป็นอย่างนั้น ในเช้าวันอาทิตย์ครอบครัวคันธารัตน์ก็ได้ต้อนรับพี่เลี้ยงคนใหม่ของคุณหนูรีน่าและคุณหนูนีน่าอย่างเป็นทางการ ร่างบางของพี่เลี้ยงสาวเดินตามคุณแม่บ้านที่รู้จักและได้พุดคุยกันบ้างแล้ว เมื่อวันที่เธอมาสัมภาษณ์เข้าไปภายในบ้าน ที่เมื่อวันนั้นนางได้พาเดินดูไปแล้วรอบหนึ่ง นอกจากนี้ยังเอาภาพถ่ายเด็กหญิงคู่แฝดหน้าตาน่ารัก ซึ่งเป็นเด็กที่เธอจะต้องดูแลมาให้เธอดู พร้อมทั้งเล่าถึงวีรกรรมอันแสนซนของคุณหนูทั้งสองให้ฟัง ทั้งนี้เธอยังไม่ได้เจอตัวเป็นเพราะเด็กๆ นั้นไปโรงเรียน

และหลังจากที่เดินดูจนรอบ มีสิ่งหนึ่งที่เธอยังไม่เห็น แม้ภาพถ่ายก็คือเจ้าของบ้านตัวจริง ทั้งที่เท่าที่เคยเห็นส่วนใหญ่ตามบ้านจะต้องมีรูปวางโชว์กันบริเวณห้องรับแขก บางบ้านภาพที่โชว์ขยายใหญ่เท่าตัวจริงก็มี แต่เธอก็มาทราบจากแม่บ้านภายหลังว่าเจ้าของบ้านหลังนี้เขาไม่ชอบถ่ายรูปและไม่ชอบโชว์ ดังนั้นวันนี้ก็คือครั้งแรกที่เธอจะได้พบเจ้าของบ้านและนายจ้างตัวจริงเสียงจริง

“เอ้...คุณหนูทั้งสองคนไปไหนนะ ก่อนออกไปรับคุณที่หน้าบ้านอุตส่าห์บอกไว้แล้วเชียวว่าจะแนะนำพี่เลี้ยงให้รู้จัก สงสัยจะแอบไปเล่นซนที่ไหนซักแห่งแน่ๆ” แม่บ้านร่างท้วมบ่นงึมงำ พลางกวาดสายตาหาคุณหนูทั้งสอง ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่กับการที่จะมีพี่เลี้ยง

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เอาไว้ไปพบคุณนิธิภัทรก่อน ค่อยมาทำความรู้จักกับเด็กๆ ทีหลังก็ได้ค่ะ เพราะดูท่าพวกเราคงต้องใช้เวลาในการทำความรู้จักกันนานสักหน่อย” พี่เลี้ยงสาวบอกอย่างรู้ดีว่า ลองเด็กมีปฏิกิริยาอย่างนี้คงเกิดการต่อต้านแน่ๆ แต่ไม่เป็นไรเรื่องแบบนี้เธอเจอมาเยอะ

“อย่างนั้นก็ได้ค่ะ งั้นเรารีบไปพบคุณธีกันดีกว่า เดี๋ยวคุณเขาจะรอนาน” หญิงสาวพยักหน้าพลางระบายยิ้มอ่อนหวาน ก่อนจะเดินตามร่างท้วมไปเงียบๆ และพอไปถึงนางนารีก็ทำอย่างเช่นทุกครั้งคือเคาะประตูให้คนข้างในรู้ถึงการมาถึงนิดหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ผลักประตูที่ไม่ได้ลงกลอนเหมือนกับรออยู่แล้วเข้าไปเบาๆ

“คุณธีคะ ป้าพาคุณพี่เลี้ยงมาพบตามคำสั่งแล้วค่ะ” นางพูดกับเจ้านายที่ยืนหันหน้าเข้าหาหน้าต่างและยืนหันหลังให้กับตนและพี่เลี้ยงสาว ส่วนในมือก็ถือเอกสารบางอย่าง

“ขอบคุณครับ เดี๋ยวป้าพาเธอไปนั่งรอที่โซฟาก่อนนะครับ ผมขออ่านเอกสารในมือแป๊บหนึ่ง” นิธิภัทรบอกพรางกดยิ้มมุมปาก ก่อนจะกวาดสายตาอ่านข้อมูลและประวัติของพี่เลี้ยงสาวของลูกๆ เป็นรอบที่เท่าไหร่เขาเองก็จำไม่ได้

“เชิญทางนี้เลยค่ะ...นั่งรอตรงนี้นะคะ เดี๋ยวป้าจะเอาของไปเก็บที่ห้องให้ จากนั้นก็จะได้ไปหาตัวคุณหนูทั้งสองคน ไม่รู้ไปเล่นซนที่ไหน”

“ค่ะ” นางนารียิ้มให้พี่เลี้ยงสาวนิดหนึ่ง ก่อนพาร่างท้วมของตัวเองออกจากห้องไป และทันทีที่ได้ยินเสียงปิดประตูดังขึ้น นิธิภัทรก็หัวเราะในลำคอเบาๆ จากนั้นก็ค่อยๆ หันไปเผชิญหน้ากับพี่เลี้ยงสาวพร้อมกับเอ่ยทักทาย

“สวัสดีครับ คุณประณาลี ตุลยดา” ประณาลีพี่เลี้ยงคนใหม่ลุกขึ้นยืนหวังจะทักทายนายจ้าง แต่พอเห็นใบหน้าเขาชัดๆ เธอถึงกับผงะ รู้สึกเหมือนอากาศภายในห้องไม่พอจะหายใจ พานทำให้ร่างบางเซคล้ายคนกำลังจะเป็นลม

“เฮ้ย! คุณเป็นอะไร” ร่างสูงรีบถลาเข้าไปประคองร่างบาง คนที่ทำท่าจะล้มลงบนโซฟาราวกับคนหมดแรงอย่างตกใจระคนเป็นห่วง

“เป็นไงบ้างคุณ ไม่สบายหรือเปล่า” นิธิภัทรถามคนในอ้อมแขนอีกครั้ง คราวนี้เขายกมือหนาขึ้นไปอังที่หน้าผากมนก่อนจะไล้มาแก้มนวล แต่ก็ถูกเจ้าตัวปัดออกและพยายามขืนตัวออกห่าง

“ปล่อยเถอะค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี แล้วฉันก็ไม่เป็นอะไรเสียหน่อย แค่ตกใจเท่านั้นเอง” ชายหนุ่มยกมือทั้งสองขึ้นพลางยักไหล่ ยอมปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ แต่ทว่าตัวเขานั้นยังคงนั่งเบียดหญิงสาวไม่ยอมขยับออกแม้แต่เซ็นเดียว เป็นเหตุให้ประณาลีถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ ก่อนจะเป็นฝ่ายขยับหนีซะเอง

“ผมไม่คิดว่าจะได้เจอคุณอีกครั้ง ที่นี่” นิธิภัทรพูดพลางเปิดยิ้มตาพราว ครั้งแรกที่เขาได้เห็นรูปถ่ายและข้อมูลของพี่เลี้ยงของลูกสาวจากป้านารี เขาถึงกับนิ่งอึ้ง ไม่คิดว่าโลกเรามันจะกลมอย่างที่เขาว่ากันจริงๆ และหลังจากนิ่งอึ้งความรู้สึกต่อมามันคือความรู้สึกดีใจ ดีใจอย่างบอกไม่ถูก

“เราเคยเจอกันมาก่อนด้วยเหรอคะ ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกว่าคุ้นหน้าคุณเลย สงสัยคุณนิธิภัทรคงจะจำคนผิดมั้งคะ” ประณาลีพูดพลางเบือนหน้าหนีไปทางอื่น พยายามไม่สนใจคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ขณะเดียวกันนั้นก็ยกแขนขึ้นกอดตัวเองเพราะรู้สึกหนาวๆ หวิวๆ ยังไงชอบกล

“จำผิดอย่างนั้นเหรอ ผมนอนกับคุณเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว และนับตั้งแต่วันนั้นมา ผมก็ยังไม่ได้นอนกับผู้หญิงคนไหนเลย ไม่มีทางที่ผมจะจำคุณไม่ได้หรอก และยิ่งคุณเป็นผู้หญิงที่ปฏิเสธความรับผิดชอบจากผู้ชายอย่างผม ผมก็ยิ่งจำได้แม่น และแม่นทุกอย่าง แม้แต่กลิ่นก็ยังจำได้” ชายหนุ่มโน้มกายเข้าไปใกล้ๆ พร้อมกับใช้ปลายจมูกเฉียดแก้มนวลให้พอได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ประณาลีที่ยังไม่ทันตั้งตัวถึงกับสะดุ้ง ยกมือขึ้นผลักร่างใหญ่ให้ออกห่างอย่างตกใจ จากนั้นก็รีบลุกขึ้นวิ่งหนีไปยืนหลบอยู่หลังโซฟาอีกตัว ด้วยหัวใจที่เต้นแรง

“ฉันมาที่นี่เพื่อเป็นพี่เลี้ยงให้ลูกๆ ของคุณ กรุณาอย่าพูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง และขอร้องอย่ามาทำรุ่มร่ามกับฉันอีก” นิธิภัทธรนั่งนิ่งพลางปรายตามองผู้หญิงที่เมื่อไม่นานมานี้ปฏิเสธและวิ่งหนีความรับผิดชอบจากเขา แล้วพยักหน้าน้อยๆ เหมือนเข้าใจกับสิ่งที่เธอต้องการ

“โอเค งั้นเรามาคุยเรื่องงานกันก่อนดีกว่านะ...นั่งสิครับหรือว่าจะยืนคุยผมจะได้ไปยืนเป็นเพื่อน” ว่าแล้วก็ขยับตัวจะลุก เห็นดังนั้นประณาลีจึงรีบเดินอ้อมมานั่งลงบนโซฟาตัวที่เธอยืนหลบอยู่ทันที นิธิภัทรเห็นท่าทีลุกลนนั้น ก็ได้แต่ได้หัวเราะหึๆ ในลำคออย่างชอบใจ

“ผมคงไม่ต้องพูดอะไรมาก จากประสบการณ์การเป็นพี่เลี้ยงอันโชกโชนของคุณ ผมหวังว่าคุณจะดูแลและเข้ากับลูกๆ ของผมได้ดีนะครับ”

“ค่ะไม่ต้องเป็นห่วง” ประณาลีตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและสีหน้าจริงจัง

“ส่วนเรื่องหน้าที่ของคุณ ผมก็คงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าต้องทำอะไรบ้าง”

“ค่ะ” นิธิภัทรเลิกคิ้วมองสีหน้านิ่งเรียบของหญิงสาวตรงหน้านิดหนึ่ง ก่อนหรี่ตาแล้วกดยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

“แล้วถ้าผมให้คุณทำเกินหน้าที่เล็กๆ น้อยๆ จะได้หรือเปล่า”

“ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรง ฉันก็ยินดีค่ะ” เธอตอบอย่างไม่คิดมาก แต่คนถามกลับฉีกยิ้มกว้าง นัยน์ตาเป็นประกายขึ้นทันที แต่มันก็แค่แวบเดียวเท่านั้น เพราะทันทีที่หญิงสาวหันมาจ้องอย่างสงสัยในท่าที เขาก็รีบปรับสีหน้าให้ดูเป็นปกติ แล้วแสร้งคุยเรื่องงานต่อ

“เอ่อ แล้วก็เรื่องวันหยุดที่ทางบริษัทของคุณกำหนดให้มีก็คือ วันหยุดประจำสัปดาห์ สัปดาห์ละหนึ่งวัน และวันหยุดนักขัตฤกษ์อีกแปดวัน ผมจะบอกว่าผมขอจ้างคุณล่วงเวลาในวันหยุดพวกนี้ทั้งหมด คุณจะโอเคไหม และถ้าคุณอยากจะหยุดก็แจ้งผมได้ ไม่มีปัญหาอะไร เพราะยังไงก็ยังมีป้านาอีกคน”

“ได้ค่ะไม่มีปัญหา”

“โอเคเรื่องงานผมก็มีจะคุยเพียงเท่านี้ ต่อไปก็เรื่องของเรา”

“ไม่มีเรื่องของเราค่ะ ถ้าคุณนิธิภัทรไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวไปพบเด็กๆ นะคะ” ไม่คิดจะรอคำอนุญาตจากเจ้าของห้อง เอ่ยจบหญิงสาวก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินหนี แต่มีหรือคนอย่างนิธิภัทรจะยอมเขารีบลุกขึ้นไปคว้าร่างบางมากอดไว้ พร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา แทนที่คนในอ้อมแขน

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะคุณนิธิภัทร” ประณาลีบอกเสียงเข้มพร้อมกับดิ้นประท้วงสุดแรงเกิด แต่ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งรัดแน่น ไม่เท่านั้นยังก้มลงฝังปลายจมูกโด่งเข้าที่ซอกคอหอมกรุ่น และนั่นทำเอาหญิงสาวนั่งนิ่งตัวแข็งเป็นหิน

“ไม่เอาเรียกนิธิภัทรฟังดูห่างเหิ้นห่างเหิน เรียกใหม่ เอาเป็นนิโคไลหรือธีดีล่ะ พ่อแม่ น้องชาย และลูกๆ ของผมชอบเรียกผมว่านิโคไล เอาเป็นว่าผมอนุญาตให้คุณเรียกชื่อนี้อีกคนก็ได้ ไหนลองเรียกผมว่านิโคไลซิ”

“ค่ะคุณธี” สิ้นเสียงเรียกแบบประชดประชันของปณะณาลี นิธิภัทรก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เขาเชื่อแล้วล่ะว่าผู้หญิงคนนี้ดื้อจริงๆ บอกอีกอย่างทำไปอีกอย่าง

“คุณนี่น้า ชอบขัดใจผมอยู่เรื่อย”

“คราวนี้คุณปล่อยฉันได้หรือยัง ฉันต้องไปทำความรู้จักกับเด็กๆ นะคะ”

“ยัง ต้องคุยเรื่องของเราก่อน”

“เรื่องของเราอะไร ฉันบอกแล้วไงคะว่าฉันไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน ไม่เคยพบ ไม่เคยเจอ ไม่เคยอะไรทั้งนั้น ปล่อยค่ะ” เธอยังปากแข็งไม่เลิก แต่เขาก็มีวิธี

“สงสัยต้องทวนความจำ” สิ้นเสียงนุ่มทุ้ม นิธิภัทรก็ฉกวูบบดจูบเข้าที่ริมฝีปากบาง เริ่มต้นทบทวนความทรงจำของค่ำคืนอันเร่าร้อนให้กับคนความจำไม่ดี แม้ตอนแรกประณาลีจะขัดขืน แต่พอถูกชายหนุ่มจูบเอาๆ จูบอ่อนหวานอ่อนโยนค่อยๆ เปลี่ยนเป็นจูบที่ดูดดื่มเร่าร้อน วันเวลาเหมือนจะหมุนย้อนกลับไปอีกครั้ง แต่คงจะปล่อยให้ล่วงล้ำไปถึงขั้นนั้นไม่ได้ นิธิภัทรจึงห้ามใจตัวเองยอมผละออกจากหญิงสาวอย่างอ้อยอิ่ง

“คราวนี้จำได้หรือยังล่ะ” ชายหนุ่มถามเสียงพร่า ก่อนจะก้มลงจุ๊บริมฝีปากแดงเจ่อนั้นหนักๆ ซ้ำอีกครั้ง แล้วผละออกมายิ้มใส่นัยน์ตาคมสวยราวกับเด็กหนุ่มแสนซน ซึ่งก็ทำให้ประณาลีที่สติแตกกระเจิงเพราะฤทธิ์จูบเริ่มกลับเข้าที่เข้าทาง รู้สึกแก้มร้อนผ่าวขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็สามารถควบคุมอารมณ์ได้ดี

“ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฉันไม่อยากจะจำอะไรทั้งนั้น ฉันอยากทำงานอย่างสบายใจ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับลูกค้า ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงบริษัทฉันคงแย่” ประณาลีบอกเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ใบหน้านั้นกลับแดงก่ำ ซึ่งมันก็ทำให้นิธิภัทรรู้สึกว่าหญิงสาวเหมือนมีความขัดแย้งในตัวเองอยู่

“ลี ผมขอเรียกคุณอย่างนี้นะ” เจ้าของชื่อช้อนตาขึ้นมองเขานิดหนึ่ง แล้วพยักหน้าอนุญาต

“ผมขอยุติเรื่องของเราเอาไว้ชั่วคราว”

“ถาวรค่ะ” หญิงสาวสวนขึ้น แต่นิธิภัทรก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจ พูดไปเรื่องอื่นเอาดื้อๆ

“ผมว่าผมพาคุณไปรู้จักเด็กๆ ดีกว่านะ” ชายหนุ่มยอมปล่อยให้หญิงสาวเป็นอิสระ แต่ก่อนปล่อยเขาก็ไม่ลืมที่จะขโมยหอมแก้มแดงปลั่งนั้นฟอดใหญ่

“ถ้าคุณยังขืนรุ่มรามกับฉันอีก ฉันจะยกเลิกการเป็นพี่เลี้ยงของลูกคุณ แล้วจะให้ทางบริษัทส่งคนอื่นมาแทน” เธอขู่พร้อมกับยกมือขึ้นถูแก้มข้างที่โดนขโมยหอมจนแดงจัดราวกับรังเกียจ ทั้งที่จริงแล้วไม่ได้รู้สึกอะไรอย่างนั้นเลย เธอก็แค่รู้สึกอายและพ่ายแพ้ให้กับผู้ชายคนนี้อย่างที่ไม่เคยเป็นกับผู้ชายคนไหนมาก่อน

“คุณลองยกเลิกดูสิ ผมจะเล่นงานบริษัทต้นสังกัดและตัวคุณให้หนัก เอาให้ไม่ได้ผุดได้เกิดเลยคอยดู” บอกก่อนจะแสยะยิ้มแล้วเดินนำออกไปก่อน และรอยยิ้มนั้นก็เล่นเอาประณาลีถึงกับขนลุกเกรียว และเชื่อว่าด้วยฐานะอย่างเขาคงไม่ได้ทำแค่ขู่แน่

“คนบ้าอำนาจ” ประณาลีสบถเสียงขึ้นจมูก นี่เธอแพ้เขาอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย เธอคิดก่อนเดินปั้นปึงตามหลังนายจ้าง ที่เป็นมากกว่านายจ้างธรรมดาออกไปอย่างหัวเสีย

ประณาลีนั่งพิจารณาหาความแตกต่างระหว่างเด็กผู้หญิงน่ารักน่าชังสองคน ที่เหมือนกันเปี๊ยบตั้งแต่หน้าตายันการแต่งตัว แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังหาไม่เจอ

“รีน่า นีน่า นี่พี่ลีจะมาเป็นพี่เลี้ยงของพวกหนูตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หวัดดีพี่เขาสิลูก” นิธิภัทรที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างลูกๆ ทั้งสองเอ่ยแนะนำขึ้น

“สวัสดีค่ะหนูชื่อรีน่าค่ะ” แฝดผู้พี่แนะนำตัวพร้อมกับยกมือไหว้ จากนั้นก็ตามมาด้วยแฝดผู้น้อง

“สวัสดีค่ะ ส่วนหนูชื่อนีน่าค่ะ”

“น่ารักจังเลย อายุกี่ขวบแล้วคะ” หญิงสาวถามเพื่อสร้างไมตรี ทั้งที่รู้ข้อมูลพื้นฐานของเด็กๆ ทั้งสองจากนางนารีมาจนหมดแล้ว จะเหลือก็แต่การสังเกตความต่างของทั้งคู่นี่แหละมั้งที่เธอยังไม่รู้

“หกขวบค่ะ” เด็กทั้งสองตอบเหมือนหุ่นยนต์ ที่ถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้ ถามก็ตอบ ไม่ถามก็นั่งตัวเกร็ง และเธอรู้สึกว่าดูเหมือนเด็กๆ จะดูเรียบร้อยผิดกับที่ได้ฟังวีรกรรมอันแสนซนจากปากของนางนารี มันต้องมีอะไรผิดพลาดสักอย่างแน่ๆ หญิงสาวคิดก่อนจะถามเด็กๆ ต่อ

“แล้วคนไหนเป็นพี่คนไหนเป็นน้องเอ่ย”

“รีน่าเป็นพี่ส่วนนีน่าเป็นน้อง” คุณพ่อรูปหล่อแย่งลูกๆ ตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง ทำเอาพี่เลี้ยงสาวชักสีหน้าออกอาการเซ็งสุดๆ ขืนอยู่อย่างนี้ไม่มีทางที่เธอจะตีสนิทเด็กๆ ได้สำเร็จหรอก คิดได้ดังนั้นประณาลีจึงหันไปพูดกับเขาตรงๆ ว่า

“คุณธีคะ ขอฉันคุยกับเด็กๆ ตามลำพังได้ไหมคะ”

“ทำไมล่ะ เผื่อมีอะไรสงสัยผมจะได้ช่วยตอบไง” ชายหนุ่มทำหน้ามุ่ย และออกอาการงอแงจะไม่ยอมหนีไปไหน ประณาลีถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตกลงเธอจะมาเป็นพี่เลี้ยงของลูกหรือพี่เลี้ยงเด็กโข่งของพ่อกันแน่เนี่ย

“คุณธีคะ ถ้าสงสัยอะไร ฉันจะถามเด็กๆ เองค่ะ หรือถ้าเด็กๆ ตอบไม่ได้เดี๋ยวฉันจะไปถามคุณทีหลังนะคะ” ประณาลีขอร้องแกมอ้อนนิดๆ และก็ได้ผล

“ก็ได้ๆ...รีน่านีน่าอยู่กับพี่ลีเขาดีๆ นะ เดี๋ยวพ่อต้องขึ้นไปเคลียร์งานก่อน ห้ามดื้อห้ามซนเข้าใจไหม” นิธิภัทรหันมากำชับลูกเสียงเข้มราวกับสั่งงานลูกน้อง ซึ่งพี่เลี้ยงสาวเห็นแล้วพอรู้เลยว่าอาการเกร็งของเด็กๆ เกิดจากผู้เป็นพ่อนี่เอง

“ค่ะ” เด็กๆ รับคำพร้อมกับก้มหน้านิ่ง จนกระทั่งร่างสูงของผู้เป็นพ่อเดินลับสายตาหายเข้าไปในห้องทำงาน นั่นแหละตัวตนที่แท้จริงของเด็กแสนซนจึงถูกเปิดเผยด้วยการที่ทั้งสองพร้อมใจกันล้วงเอาบรรดาสัตว์เลื้อยคลานปลอมต่างๆ ที่ซุกซ่อนเอาไว้ในกระเป๋ากระโปรงออกมาโยนใส่เธอนับสิบตัว แม้จะไม่ได้กลัวแต่ด้วยความตกใจจึงเผลอกรีดออกมา

“กรี๊ดดด!”

“ฮ่าๆๆๆ สมน้ำหน้า” เด็กทั้งสองหัวเราะอย่างชอบใจก่อนจะชวนกันวิ่งหนีออกไปทางหลังบ้าน และในขณะเดียวกันนั้นเอง นางนารีที่คุยอยู่กับสามีอยู่ที่สวนหน้าบ้านได้ยินเสียงร้องของพี่เลี้ยงสาวก็รีบวิ่งเข้ามาดูอย่างตกใจ พร้อมกับถามไถ่อย่างเป็นห่วง

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”

“ไม่เป็นไรค่ะป้า ลีแค่เจอฤทธิ์ความซนของเด็กๆ โดยไม่ทันตั้งตัวเท่านั้นเอง เดี๋ยวลีขอไปคุยกับทั้งสองคนก่อนนะคะ” นางนารีทำสีหน้าเป็นกังวล ประณาลีจึงต้องหันมาปลอบคนแก่

“ไม่ต้องห่วงนะคะ ลีไม่ทำรุนแรงกับคุณหนูของป้าเด็ดขาด ลีมีวิธีของลี และลีเชื่อว่าอีกไม่นานลีจะเข้ากับเด็กๆ ทั้งสองคนได้ เพราะดูจากพฤติกรรมแล้ว แค่นี้ถือว่าเด็กๆ ค่ะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel