3
บ่วงรักคุณหมอสุดสวาท
ตอนที่ 3 ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป
“ไม่อาหย่อย” คุณแม่คนใหม่ที่สติไม่ค่อยดีเบือนหน้าหนีแกงเลียงผักรวมที่มารดาทำให้กินทุกวัน
“กินเถอะ มันดีต่อเอ็งกับลูกนะ” ผู้หญิงที่เพิ่งคลอดใหม่ๆ ต้องกินผักเยอะๆ โดยเฉพาะปลีกล้วยจะได้มีน้ำนม จันทราพอรู้จึงให้ลูกสาวกินทุกวันจะได้มีน้ำนม
“ไม่อาหย่อย ไม่กิน ไม่กิน” คนพูดปัดชามแกงเลียงจนหกเต็มพื้น ทำเอาจันทราทั้งโกรธทั้งเสียใจ นางอุตส่าห์เดินเก็บผักมาทำอาหารที่มีประโยชน์ให้บุตรนสาวกิน
“เอ็งนี่มันยังไง ไม่กินแล้วจะมีน้ำนมที่ไหนเลี้ยงลูกกันฮะ” จันทราขึ้นเสียง ทำท่าจะทุบตี ง้างมือค้างเมื่อเห็นท่าทีหวาดกลัวตัวสั่นลนลานของบุตรสาว
“กลัวแล้ว กลัวแล้ว กิน... กิน... กินก็ได้” ดอกรักรีบเก็บผักแกงเลียงบนพื้นมากินด้วยท่าทีลนลานเพราะกลัวมารดา
“อย่าทำแบบนั้นสิดอกรักมันสกปรก ในหม้อยังมี กินของในหม้อนะ กินของในหม้อกัน แม่ไม่ดุแล้วไม่ดุแล้ว โอ๋ ๆ ๆ” จันทรารีบดึงมือบุตรสาวขึ้นมาจากพื้นเมื่ออีกฝ่ายกำลังเก็บผักแกงเลียงจากพื้นขึ้นมากิน
“จริงนะ ไม่ดุ ไม่ตีนะ” เด็กสาวเอ่ยถาม ยังกลัวโดนตี ปากก็เลอะไปด้วยแกงเลียง
“จริงสิ กินแกงเลียงในหม้อนะ ยังมีอยู่” จันทรารีบไปตักแกงเลียงมาให้ลูกอีกครั้ง คนที่บอกว่าเบื่อไม่อยากกินก็กินอย่างเอร็ดอร่อย เพราะเริ่มหิวแล้วนั่นเอง
หมอจรินทร์กับนิตยามาเยี่ยมดอกแก้วกับลูก เอานมผงและอาหารเสริมมาให้ เพราะคิดว่าหากดอกรักไม่มีน้ำนมให้ลูก ก็จะได้มีนมชงให้กิน
“ขอบคุณคุณหมอกับคุณนิตมากนะคะ แต่ยายหนูกินนมผงแล้วท้องเสีย ผื่นขึ้นทุกทีเลยค่ะ ให้กินนมจากเต้านังดอกรักมันจะดีกว่าค่ะ”
“สงสัยจะแพ้ค่ะพี่หมอ” นิตยาหันไปคุยกับสามี แม้นมผงที่เอามาจะเป็นนมที่ดีที่สุด แต่เด็กบางคนก็อาจจะแพ้ได้
“งั้นให้ดอกรักกินอาหารบำรุงกันดีกว่าค่ะน้าจันทร์ จะได้มีน้ำนมให้ลูก”
“ขอบคุณคุณหมอกับคุณนิตมากๆ เลยนะคะ คอยช่วยเหลือน้ากับครอบครัวมาโดยตลอด”
“มีอะไรก็บอกเราสองคนได้นะ” หมอหนุ่มกับเมียสาวพูดอย่างยินดี จันทรารู้สึกว่าพระมาโปรด แต่ถึงสองสามีภรรยาจะคอยช่วยเหลือ แต่นางก็ทำงานทุกอย่างไม่งอมืองอเท้า คอยแต่รับความช่วยเหลือจากคนอื่น ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป คนเราต้องหัดยืนด้วยลำแข้งให้ได้ นางคิดเช่นนี้เสมอ เพราะไม่เคยคิดที่จะเอาเปรียบใคร
จันทราทำงานทุกอย่างด้วยความขยันขันแข็ง มือที่เหี่ยวย่นกลำแดดกลำฝนหยาบกร้านแตกร้าวจากการทำงานหนัก ร่างกายที่แก่ชรามากแล้ว บางครั้งก็ปวดเมื่อยไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัว
โชคดีที่หมอจรินทร์ทำหมันให้ดอกรักเรียบร้อยแล้ว ไม่เช่นนั้นท่านอาจจะต้องเลี้ยงหลานอีกหลายคนก็ได้ เพราะยังมีผู้ชายหมั่นแวะเวียนกันมาล่อลวงขืนใจบุตรสาวของนางอยู่ร่ำไป แจ้งตำรวจแล้ว แจ้งกำนันผู้ใหญ่บ้านแล้วก็ทำอะไรไม่ได้
ดอกรักเห็นขนมก็หลงตามไป พวกมันรู้ว่าดอกรักสติไม่ดีก็เอาขนมมาหลอกล่อ จะให้นางคอยตามดูแลตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ทำไม่ได้ คนเราต้องมีเวลาที่ตัวเองเผลอ คนจ้องกับคนระวังมันไม่เหมือนกัน คนระวังยังไงก็ต้องมีพลาดพลั้งกันบ้าง
“กิน กิน หย่อย หย่อย” ดอกรักใช้มือหยิบข้าวเหนียวกับเนื้อทอดเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่จันทราไกลเปลไปมา กล่อมเจ้าหลานตัวน้อยให้นอนหลับ ดอกแก้วคลอดง่าย เลี้ยงจ่าย หิวก็ร้อง อิ่มก็นอน ไม่ค่อยงอแงเหมือนเด็กคนอื่นๆ
ไม่นานเด็กน้อยดอกแก้วก็ร้องไห้จ้าเพราะว่าหิวนม จันทรารีบอุ้มหลานตัวจ้อยไปให้ลูกสาวในทันที
“ดอกรักเอ๊ย ลูกหิวนม อุ้มแล้วก็กอดเอาไว้แบบนี้นะ” จันทราทำให้ดู อุ้มดอกแก้วไปให้ผู้เป็นแม่ ดอกรักมีท่าทีเงอะงะ แต่หมอจรินทร์มาเยี่ยมและแนะนำวิธีการดูแลเด็กให้ท่านได้ฟัง พยายามฝึกให้ดอกรักอุ้มลูก ให้นมลูก จนดอกรักเริ่มเคยชินกับการให้นมลูก ไม่เหมือนครั้งแรกๆ ที่ดอกรักไม่เอาลูกเลย ผลักไสไม่ยอมจับยอมอุ้ม แต่พอหลังๆ ก็เริ่มกอด เริ่มหอม เริ่มเล่นกับลูก โดยมีจันทราคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ
หมอจรินทร์ดีกับครอบครัวของนางมาก ช่วยเหลือทั้งข้าวสารอาหารแห้งและเงินทองเอาไว้เลี้ยงทารก
หมอหนุ่มกับภรรยาสาวพยายามช่วยเหลือทุกวิถีทาง จันทราจึงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
เด็กน้อยดอกแก้วเจริญวัยขึ้นมาเป็นเด็กน้อยที่น่ารัก เฉลียวฉลาด ช่วยทำงานบ้านให้ยายทุกอย่าง รับรู้ว่ามารดาสติไม่ดี ส่วนบิดานั้นจันทราโกหกหลานว่าตายไปแล้ว จะให้บอกเด็กตาดำๆ ไปว่าแม่โดนข่มขืนแล้วท้องก็คงไม่ดีเป็นแน่
“ทำอะไรอยู่จ๊ะดอกแก้ว” จันทราเอ่ยถามหลานสาว หลังจากที่หลานสาวทำงานบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ตอนดอกกแก้วคลอดออกมา จันทรานึกเป็นห่วงเพราะเป็นหญิง กลัวจะมีใครรังแก แต่ไม่ใช่อย่างที่นางคิด เป็นหญิงแล้วไง เป็นหญิงก็ไม่ยอมให้ใครมารังแกได้เหมือนกันเพราะว่าดอกแก้วไม่ยอมคน ฉลาด เอาตัวรอดเก่ง ไม่เคยยอมให้ใครรังแกได้ง่ายๆ
“กำลังจะทำการบ้านจ้ะยาย ปีนี้หนูจะสอบให้ได้ที่หนึ่งอีกนะจ๊ะยาย”
“ดีจ้ะๆ หลานยายต้องสอบได้ที่หนึ่งแน่นอน หลานยายเก่งที่สุด” เพราะว่าหลานสาวเรียนเก่ง ได้ทุนการศึกษาทุกปี ทำให้ท่านวาดหวังว่าในอนาคตหลานสาวจะต้องมีงานดีๆ ทำ และสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ท่านนั้นไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน จะตายวันตายพรุ่งยังไม่รู้ ขอแค่ลูกกับหลานไม่ลำบาก ท่านก็นอนตายตาหลับแล้ว
“ปีนี้หลานยายสิบขวบแล้ว อีกไม่นานก็จบปอ.หก ยายจะพยายามหาเงินมาส่งเสียหนูให้หนูได้เรียนหนังสือสูงๆ” แม้หลานสาวจะได้ทุนการศึกษา แต่ค่าใช้จ่ายในบ้านก็ยังมีอยู่ ท่านก็พยายามรับจ้างทำงานสารพัดเอาเงินมาฝากใส่บัญชีเอาไว้ให้ดอกแก้ว เวลาต้องการใช้เงินขึ้นมาก็จะได้นำมาใช้จ่าย
ทุนการศึกษาส่วนใหญ่ได้เป็นเงินรายปี ไม่ได้ให้มากมายอะไร แต่ดีหน่อยว่ารัฐบาลยังพอช่วยสนับสนุนค่าเล่าเรียนต่างๆ ทำให้หลานสาวของนางมีโอกาสได้เรียนมาถึงขนาดนี้
ดอกแก้วขยันเรียน ขยันอ่านหนังสือ ตั้งใจฟังที่ครูสอนในห้อง เธอกลับมาจากโรงเรียนก็ทำงานบ้านทุกอย่าง กวาดบ้าน ถูบ้าน ล้างจาน ทำกับข้าว ซักผ้า รีดผ้า ฝ่าฟืน ตักน้ำใส่ตุ่ม เพราะยายต้องออกไปรับจ้างทำงานข้างนอก ดายหญ้าบ้าง ทำสวนบ้าง ทำงานสารพัด เด็กน้อยเห็นว่ายายเหนื่อยแล้วก็อยากแบ่งเบาภาระ
“ทำอะไรน่ะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เด็กๆ ในหมู่บ้านกำลังเอาหินปาใส่มารดาของเธออยู่ ท่านก็ร้องว่าเจ็บๆ ดอกแก้วเลยเข้าไปผลักร่างของทุกคนจนล้ม ก่อนจะปกป้องมารดาเอาไว้
“นังดอกแก้วมีแม่เป็นนังบ้า นังดอกแก้วมีแม่สำส่อน แม่มันเป็นโสเภณี” ดอกแก้วถูกล้อเลียนแบบนี้บ่อยๆ อาจเพราะเด็กพวกนี้จำมาจากผู้ใหญ่อีกทีหนึ่ง
“แม่มึงสิบ้า!” ดอกแก้วเอาหินปาใส่เด็กๆ ในหมู่บ้าน ในนั้นรวมพิมพ์แก้วหลานสาวกำนันเพิ่มด้วย
“โอ๊ย!” พิมพ์แก้วร้องเสียงดัง ยกมือขึ้นกุมหัวตัวเอง แต่รู้สึกว่ามีอะไรเหนียวๆ ติดมือมาด้วย พอหงายมือออกดู ปรากฏว่าเป็นเลือด
“ละ... เลือด” พิมพ์แก้วร้องออกมาด้วยใบหน้าซีดเผือด
“สมน้ำหน้า แกทำแม่ฉันเลือดไหลก่อน เห็นไหม”
“แกทำฉันเลือดไหล ฉันจะไปฟ้องพ่อกับแม่”
“เชิญขี่ม้าสามศอกไปฟ้องเลย ฉันไม่กลัวแกหรอก” เข้าตาจนดอกแก้วก็ไม่กลัวอะไรเหมือนกัน อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
ความที่พิมพ์แก้วเป็นเด็กพอเห็นเลือด จึงร้องไห้ออกมา พิมพ์แก้ววิ่งไปฟ้องพ่อแม่และปู่หาว่าดอกแก้วปาหินใส่จนเลือดไหล
“แม่จันทราจะว่ายังไง หลานสาวของเธอทำหลานสาวของฉันเลือดตกยางออกเห็นไหม" กำนันเพิ่มเอ่ยถาม ไม่ชอบใจยิ่งนักที่เห็นว่าหลานสาวถูกทำร้ายจนเลือดตกยางออกขนาดนี้