2
บ่วงรักคุณหมอสุดสวาท
ตอนที่ 2 ความรักของแม่
จันทรานั่งลงร้องไห้โฮออกมา ดอกรักมองมารดาอย่างไม่เข้าใจ ขยับเข้าไปกอดท่านเอาไว้ ร้องว่าหิวๆ จันทราเบือนหน้าหนี ถึงจะโมโหยังไงก็รัก เพราะคนที่เข้ามากอดประจบประแจงก็คือลูก ยังรู้ว่าเธอโกรธเลยมาง้อมากอด แต่พอเธอดุมากๆ เข้า ทำเสียงแข็งใส่ก็จะหงอ รีบหนีไปหลบอยู่มุมหนึ่งของบ้าน นั่งตัวสั่นกอดเข่าหวาดกลัว กัดเล็บไปมาก้มงุดไม่กล้าสบตา
“หิวแล้วเหรอ” พอตวาดแล้วเห็นลูกสาวกลัว นางก็เข้าไปปลอบ มือเหี่ยวๆ หยาบกร้านของนางยื่นไปลูบศีรษะของบุตรสาวเบาๆ ดอกรักสะดุ้งตัวสั่นหัวหด
“อย่ากลัวแม่เลย เดี๋ยวแม่หาอะไรให้กินนะ ดอกรักมีลูก ต้องกินให้อิ่มๆ นะ ไม่งั้นลูกจะหิว เข้าใจไหม” เพราะแทบไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ จันทราจึงต้องต้มข้าวต้มและเจียวไข่ให้บุตรสาวพอประทังความหิว
“กินสิ” ข้าวต้มและไข่เจียวร้อนๆ ถูกวางลงตรงหน้า ส่วนตัวเองก็ยอมอดเหมือนเช่นทุกครั้ง
“อาหย่อย” เสียงนั้นเอ่ยขึ้นก่อนจะตักกินอีก พลางยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้กินของอร่อย แม้จะเป็นกับข้าวง่ายๆ แต่เมื่อเวลาหิว ดอกรักก็กินง่ายอยู่ง่าย หัวเผือกหัวมันต้มก็กินได้
จันทรากลืนน้ำลายด้วยความหิว เดินไปที่โอ่งน้ำฝนตรงนอกชาน ก่อนจะตักน้ำขึ้นมาดื่มกินประทังความหิว หันกลับมาอีกครั้งก็เจอบุตรสาวที่ถือชามข้าวต้มมายื่นให้ตรงหน้าด้วยท่าทีเงอะงะ
“กิน กินสิ อาหย่อย” แม้จะสมองช้าและสติไม่ค่อยดี แต่ก็รู้ว่าต้องกินด้วยกัน จันทราเบือนหน้าหนีก่อนจะร้องไห้
“กิน กิน อาหย่อยนะ อาอย่อยจริงๆ นะ”
เธอจูงมือมารดาไปนั่งกินด้วยกัน ตักมาป้อนให้จนถึงปาก แม้จะเลอะเทอะแต่ก็ทำเอาจันทรากินข้าวไปร้องไห้ไป สงสารในชะตาชีวิตที่แสนอาภัพของลูกสาวยิ่งนัก ถ้าดอกรักสติดีป่านนี้คงได้เรียนหนังสือหรือได้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ ไปแล้ว แต่นี่กลับโดยย่ำยีเหมือนไม่ใช่คน เธอขอสาปแช่งให้คนพวกนั้นจงอย่าได้มีความสุขเลยในชาตินี้
จันทราพาลูกสาวออกไปทำงานด้วยกัน ไม่ปล่อยทิ้งเอาไว้ที่บ้านคนเดียวอีก ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้ก็จะเอาไม้หรือมีดพร้าไล่ฟัน ลูกสาวเป็นคนสวยแม้จะสติไม่ดี ใครเห็นใครก็ชอบ ทำให้ผู้ชายพวกนั้นฉวยโอกาส
“ฮือ... เจ็บ เจ็บจัง” จันทราได้ยินเสียงลูกสาวที่นอนร้องไห้อยู่ใต้ร่มไม้ระหว่างที่นางมารับจ้างดายหญ้าอยู่จึงรีบวิ่งไปดู เห็นลูกสาวกำลังดิ้นทุรนทุรายบอกว่าปวดท้อง
“เอ็งจะคลอดแล้วเหรอนังดอกรัก” จันทราเอ่ยถามด้วยท่าทีตกใจ ที่เห็นท่าทีของบุตรสาว
“เจ็บ อูย... เจ็บ!” ดอกรักร้องไห้สะอึกสะอื้นกุมหน้าท้องของตัวเองไปมาด้วยความเจ็บ
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ช่วยลูกฉันที ลูกฉันกำลังจะคลอด” จันทราตะโกนลั่น เพื่อขอความช่วยเหลือ “ใครอยู่แถวนี้ช่วยด้วย ช่วยหน่อย ช่วยพานังดอกแก้วไปหาหมอหน่อย”
หมออนามัยที่ชื่อจรินทร์กับพยาบาลนิตยา เป็นสามีภรรยากัน ขับรถผ่านมาทางนั้นพอดี เพราะกำลังจะเข้าไปอบรมคนในหมู่บ้านเรื่องไข้เลือดออก รีบจอดรถแล้วลงมาทำคลอดให้
“ใจเย็นๆ นะคะ ไม่เป็นอะไรค่ะ” นิตยารีบเอ่ยบอกจันทราให้ใจเย็นๆ
“หายใจเข้าออกแรงๆ ลึกๆ เดี๋ยวหมอจะช่วยเองนะ” หมอจรินทร์รีบบอกเด็กสาวที่กำลังร้องไห้เพราะเจ็บท้องคลอด ร่างนั้นบิดตัวไปมาด้วยท่าทีทุรนทุราย คุณหมอหนุ่มกับพยาบาลสาวรีบจัดการทำคลอดอย่างชำนาญ ไม่นานเสียงร้องไห้จ้าของทารกน้อยก็ดังขึ้น หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ดอกรักก็ให้กำเนิดทารกน้อยเพศหญิง
หมอหนุ่มกับพยาบาลสาวซึ่งเป็นคู่สามีภรรยากันพาคนเป็นแม่ไปพักฟื้นที่อนามัย โดยมีผู้เป็นยายตามติดไปช่วยดูแลอยู่ไม่ห่าง
ในชนบทแบบนี้ค่อนข้างทุรกันดาร แต่สองผัวเมียก็ไม่เคยกลัวความลำบาก คิดว่าที่นี่ขาดแคลนหมอ จึงมาเป็นหมออยู่ที่อนามัยแห่งนี้
“ยายจันทร์ได้หลานสาวนะครับ” คุณหมอหนุ่มเอ่ยบอกกับจันทรา ทำให้นางต้องชะโงกหน้าเข้าไปดูทารกน้อยที่ห่อเอาไว้ด้วยผ้าอ้อมสีขาวสะอาดตา
นึกเสียดายที่ไม่ได้หลานชาย ถ้ามีหลานชายก็คงดีจะได้ปกป้องแม่กับยายไม่ให้ใครมารังแก ได้หลานสาวแล้วมีหวังโดนรังแกอยู่ร่ำไป
“เสียดายจังเลยค่ะที่ไม่ได้หลานชาย” จันทราเปรยขึ้น
“ทำไมล่ะคะ” นิตยาเอ่ยถามจันทรา
“เป็นผู้ชายจะได้ไม่โดนรังแกยังไงล่ะคะ” จันทราพูดแล้วหน้าหมองลงไปถนัดตา
“ไม่ว่าจะหลานสาวหรือหลานชาย เราก็สอนให้รู้จักดูแลตัวเองและปกป้องตัวเองได้นะคะ ส่วนดอกรักน่ะเพราะเขาไม่เหมือนเด็กคนอื่น ทำให้ปกป้องตัวเองไม่ได้ น้าจันทร์อย่าคิดมากเลยนะคะ”
นิตยาบีบมือจันทรา ยิ้มให้กำลังใจ จันทราพยักหน้ายิ้มตอบกลับไป
“ยายจันทร์ตั้งชื่อหลานหรือยังคะ” นิตยาเอ่ยถาม พลางมองเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู
“ยังไม่ได้ตั้งชื่อเลยค่ะ” เพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับการทำคลอด ลุ้นว่าแม่กับลูกจะปลอดภัยกันไหม เลยยังไม่ได้คิดเรื่องการตั้งชื่อ
“งั้นให้หนูตั้งให้ไหมคะ พวกเราอยากมีลูกสักคน แต่แต่งงานมาหลายปีแล้วยังไม่มีลูกกันเลย ขอตั้งชื่อให้ยายหนูนี่แล้วกัน เผื่อพวกเราจะมีลูกกับเขาบ้าง”
นิตยาพูดยิ้มๆ จริงๆ การตั้งชื่อไม่เกี่ยวกับการมีลูก แต่เธอก็พูดให้จันทราผ่อนคลาย เพราะสีหน้าผิดหวังที่ได้หลานสาว ทำให้เธอกับสามีพยายามชวนจันทราคุยเรื่องอื่น เพื่อให้อีกฝ่ายดีใจกับสมาชิกใหม่ของครอบครัวเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แทนที่จะกังวลไปกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
“แล้วแต่คุณๆ เลยค่ะ” จันทราเอ่ยอนุญาต นางเองก็คิดชื่อไม่ออกเหมือนกัน
“แม่ชื่อดอกรัก ให้ลูกชื่อดอกแก้วดีไหมคะ ชื่อเพราะสมตัวเชียวค่ะ”
“ได้ค่ะ ต่อจากนี้ไป น้าจะเรียกหลานว่าดอกแก้วนะคะ” จันทราตอบรับการตั้งชื่อจากหมอหนุ่มและเมียสาวที่ทำคลอดให้แก่บุตรสาว
ในขณะที่ดอกรักคลอดลูกสาวหน้าตาน่ารัก พิกุลเมียของกล้า ซึ่งเป็นลูกชายกำนันเพิ่มก็คลอดลูกสาวเช่นเดียวกัน
กำนันเพิ่มดีใจมากที่ได้หลานสาว จึงให้ชื่อว่าพิมพ์แก้ว
สมาชิกใหม่ของครอบครัวสร้างความดีใจให้กำนันเพิ่มเป็นอันมาก มีงานเลี้ยงฉลองเจ็ดวันเจ็ดคืน กับการมีทายาทคนแรกของครอบครัว
ในขณะที่ครอบครัวของกำนันเพิ่มกำลังมีความสุข ครอบครัวของจันทราก็ใช้ชีวิตเงียบๆ อยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลออกไปจากบ้านหลังอื่นๆ มากโข
“เอ็งต้องกินเยอะๆ นะนังดอกรัก จะได้มีน้ำนมให้ลูก เราไม่มีเงินถุงเงินถัง จะได้ซื้อนมมาให้ลูก ต้องอาศัยเต้านมของเอ็งให้ลูกกินนมให้อิ่ม” จันทราเอ่ยกับบุตรสาวที่สติไม่ดี ไม่ว่ามีแรงกายแรงใจเท่าไหร่ท่านก็ออกไปรับจ้างหาเงินมาเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานจนหมด
แกงเลียงผักรวมจึงเป็นอาหารที่นางทำให้บุตรสาวกินทุกมื้อ โดยเฉพาะใส่ปลีกล้วยเยอะๆ ซึ่งก็ไม่ต้องไปหาซื้อที่ไหน เก็บมาจากริมรั้วหรือจากสวนของชาวบ้านนี่แหละ เขาเมตตาก็ให้มา ขี้เหนียวหน่อยก็ไล่ส่งอย่างรังเกียจ ปลีกล้วยทำให้น้ำนมของดอกรักมีเพียงพอสำหรับให้ลูกกิน
การอยู่ชนบทก็มีข้อดีสำหรับนาง จันทราคิดว่าหากอยู่ในเมืองจะไปเที่ยวขอของในสวนคนอื่นแบบนี้คงไม่มีใครเขาให้กัน เพราะในเมืองใหญ่ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองหมด แต่ในหมู่บ้านแบบนี้ ตะไคร้ ใบมะกรูด ผักริมรั้วก็สามารถขอกันได้เลย ไม่ต้องควักเงินซื้อ หากไม่มีเงินก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ ขอแค่มีผักหญ้าของกินประทังชีวิต