บท
ตั้งค่า

บทที่ 10 น่าสมเพชสิ้นดี

"นี่เงิน…ห้าหมื่นตามสัญญา" ฉันยื่นเงินให้คนตรงหน้าตามสัญญาที่เรานัดกันไว้ งวดนี้ฉันรอดมาได้อย่างหวุดหวิดสามารถจ่ายห้าหมื่นได้เต็มจำนวนเพราะได้ไอเสี่ยทิปหนักนั้นช่วยไว้

"เก่งหนิ…" ชายชุดดำยืนนับเงินแล้วเงยหน้ามามองฉันพร้อมกับยกยิ้มมุมปาก

"ฉันไปได้แล้วใช่ไหม งวดหน้าสิ้นเดือนหนึ่งแสนบาทฉันจะหามาให้" ว่าจบก็รีบหมุนตัวหมายจะเดินออกไปจากที่นี่ แต่แล้วชายชุดดำที่ยืนคุมหลังอีกสองกลับยกมือกันไว้ ฉันจึงรีบหันกลับไปมองคนคนเดิมทันที

"อะไร เงินก็ได้ไปแล้วไง?" ฉันเอ่ยด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ ไอบ้านี่กำลังจะเล่นลิ้นกับฉันอยู่งั้นเหรอ…

"แม่กับน้องเธอไม่บอกอะไรเลยหรือไง"

"บอกอะไร"

"หึ ก็เงินอีกเจ็ดแสนที่ติดไว้น่ะ ถูกจ่ายไปหมดแล้ว"

"อะไรนะ!?" จ่ายงั้นเหรอ…เป็นไปไม่ได้ เงินขนาดนั้นแม่เลี้ยงกับไอต้นกล้าจะไปเอาจากไหน และฉันก็รู้อีกด้วยว่าสองคนนั้นไม่มีทางที่จะมารับผิดชอบเรื่องนี้แน่นอน

"จ่ายไปหมดแล้ว พร้อมกับได้เงินสดอีกสองแสน…แลกกับตัวของเธอที่ต้องมาชดใช้หนี้ให้เจ้านายฉัน" ฉันอ้าปากค้างอย่างพูดอะไรไม่ออก หมายความว่าฉันถูกขายให้เจ้านายพวกบ้านี่แลกกับค่าตัวหนึ่งล้านอย่างนั้นเหรอ…

ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองมาถึงจุดนี้ได้ยังไงกัน…น้ำตาฉันคลอเบ้ามองคนตรงหน้าภาพไม่ชัดเจน คนที่ฉันกำลังดิ้นรนเพื่อช่วยเหลือทุกอย่างเขาทำแบบนี้ก็ฉันจริง ๆ เหรอ มูลค่าของฉันสูงถึงหนึ่งล้านเลยอย่างนั้นเหรอ…

โคตรน่าสมเพชตัวเองเลย

"พรุ่งนี้จะมีคนไปรับเธอที่บ้าน อย่าคิดหนีเพราะมันไม่มีทางรอด" ว่าจบพวกมันสามคนก็เดินจากไป ฉันยืนตัวแข็งทื่อกับประโยคที่มันบอกแค่ไม่กี่ประโยค แต่เล่นเอาฉันถึงกับพูดอะไรไม่ออก และน้ำตาที่ไม่เคยคิดว่าจะปล่อยออกมาสุดท้ายก็หยดลงอย่างห้ามไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ฉันได้รับจากการทดแทนบุญคุณคนคนหนึ่งอย่างนั้นเหรอ ชีวิตฉันมาถึงจุดที่ต้องเป็นเด็กชดใช้หนี้ทั้งที่ฉันไม่ใช้คนก่อปัญหา ฉันต้องเป็นแบบนั้นใช่ไหม…

ฉันแบกเรือนร่างที่ล่องลอยเดินออกไปจากที่นี่ เท้าเรียวเดินออกมาอย่างไร้จุดหมายเดินไปเรื่อย ๆ ด้วยน้ำตาที่ไหลพรากออกมา ถึงเวลาจะค่ำหนทางจะอันตรายแค่ไหนแต่ฉันมั่นใจว่าฉันคงไม่โดนใครเขาฉุดหรอก สภาพที่น่าสมเพชแบบนี้คนไร้บ้านยังดูดีกว่าฉันเลย การเดินที่ไร้หนทางสุดท้ายก็พาฉันมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของตัวเอง

ฉันเงยหน้ามองบ้านหลังเก่า ๆ ที่ไม่เคยมีความสุขตั้งแต่ที่เกิดมาด้วยน้ำตาที่อาบท่วม ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในบ้านช้า ๆ ข้าวของทุกอย่างยังอยู่ครบเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือคนสองคนที่ทำให้ฉันกลายเป็นเด็กขายตัวที่ไร้ศักดิ์ศรี

คุณค่าของฉันถูกพวกเขาขายไปเพียงเพราะแลกกับเม็ดเงินที่คนทุกคนก็ต่างอยากได้ ฉันไล่มองทั่วบ้านด้วยน้ำตา ชีวิตฉันที่เคยรู้สึกว่ามันต่ำตมมาตลอดสุดท้ายวันนี้ก็มาถึงจุดที่มันอยู่ต่ำที่สุดในชีวิต

"ฮึก…ทำไมคนพวกนั้นถึงใจร้ายกับหนูจังเลยคะพ่อ" ฉันยกกรอบรูปที่มีใบหน้าของผู้ชายวัยกลางคนแล้วทรุดลงอย่างหมดแรง ความรู้สึกฉันตอนนี้แตกสลายแทบไม่เหลือชิ้นดี ทำไมกัน…ทั้งที่ฉันพยายามมาตลอดแต่นี่คือสิ่งที่พระเจ้าตอบแทนฉันงั้นเหรอ…

"ทำไมพ่อถึงปล่อยหนูไว้คนเดียว ทำไมพ่อไม่เอาหนูไปอยู่ด้วย…ฮึก"

"หนูคิดถึงพ่อจัง…"

ครั้งแรกที่ฉันร้องไห้หนักแบบนี้ก็ตอนที่เสียพ่อไป ฉันเหมือนเสียการทรงตัวเมื่อที่พึ่งเพียงคนเดียวของฉันกลับหนีขึ้นสวรรค์ แล้วทิ้งภาระทุกอย่างตกมาที่ฉัน และครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่สองที่ฉันร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด ถ้าฉันรู้ว่าคนพวกนี้จะทำกับฉันแบบนี้ ฉันคงเลือกที่จะเห็นแก่ตัว อกตัญญูแล้วทิ้งทุกอย่างไปตั้งแต่แรกแล้ว

เช้าวันต่อมา

"แก้วตา…ทำไมสภาพเป็นแบบนี้!?" ป้าณีรีบเดินเข้ามาหาฉันที่กำลังเข็นผลไม้ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว เป็นเพราะทำงานหนักหลายวันติดต่อกันแถมยังร้องไห้และไม่ได้นอนมาทั้งคืนเลยรู้สึกมึน ๆ หัวนิดหน่อย แต่ความเจ็บพวกนี้มันเล็กน้อยมากถ้าเทียบก็สิ่งที่ฉันเจอมา เศร้าได้นะ…แต่ก็ต้องทำมาหากินอยู่ดี ชีวิตต้องดำเนินไปด้วยเงินหนิ ถ้าไม่มีเงินแล้วจะเอาอะไรกิน

"หนูไม่เป็นไร ป้าไปขายของเถอะ" ฉันยิ้มบาง ๆ ให้ป้าณี ก่อนที่จะเข็นผลไม้ไปจัดเรียงหน้าร้านตามปกติ

"ป้าเอาขนมจีนมาให้ กินหน่อย…"

"ฉันยังไม่หิวเลยป้า เก็บไว้เถอะ"

"แต่แกหน้าซีดมากเลยนะ กินหน่อยจะได้กินยา"

"ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่หิว" ฉันนั่งขายของด้วยร่างกายที่ฝืนเต็มทน อากาศก็ร้อนจัดเหลือเกิน ร้อนกว่าปกติ สงสัยชีวิตฉันคงยังไม่ถึงจุดต่ำสุด ต้องมาให้ครบทุกช่องทางสินะพระเจ้าถึงจะพอใจ

"ฮาโหลจ้าน้องแก้วตา~" เสียงหวานที่ดังมาแต่ไกลทำให้ฉันเบือนหน้าไปมอง และเป็นไอกัลป์ที่เดินมากับลูกน้องฉันเลยก้มลงไปหยิบเงินแล้วส่งให้มัน

"มึงเป็นอะไรเนี่ย ทำไมหน้าซีดอย่างนั้นวะ" ไอกัลป์เอ่ยถาม ขณะที่ฉันส่ายหัวไม่ยอมพูดอะไร

"เฮ้ย…ไม่สบายหรือเปล่า ให้กูพาไปหาหมอไหม?"

"ไม่ต้อง กูไม่ได้เป็นอะไร"

"ไม่ได้เป็นอะไรได้ไง หน้าซีดเป็นไก่ต้ม ไปกูพาไป"

"กูไม่ไป"

"ไอแก้วมึงอย่าดื้อสิวะ คนเขาเป็นห่วง เดี๋ยวกูให้ไอจ่อยขายแทนให้ก็ได้"

"กูบอกว่ากูไม่เป็นอะไรไง มึงจะไปไหนก็ไป อย่ามายุ่งกับกู!" ฉันขึ้นเสียงใส่ไอกัลป์จนมันชะงัก แต่เพราะร่างกายที่ปวดหัวทำให้ฉันหงุดหงิดจนขึ้นเสียงใส่ทั้งที่รู้ว่ามันกำลังหวังดี

"โทษที กูไม่ได้เป็นอะไร มึงไปเก็บค่าเช่าต่อเถอะ" ฉันรีบพูดขอโทษออกไปเมื่อรู้สึกว่าตัวเองพูดแรงเกินไป ส่วนไอกัลป์มันก็ไม่ตอบอะไรมองฉันนิ่ง ๆ แล้วเดินออกไปเลย

ตอนนี้ฉันไม่มีพื้นที่สมองให้คิดอะไรทั้งนั้น แค่ที่ลูกน้องไอบ้านั้นบอกว่าจะมารับฉันไปชดใช้หนี้ก็ปวดหัวมากพอแล้ว

"ป้าฉันฝากร้านหน่อยนะ ขอไปห้องน้ำก่อน"

"เดินดี ๆ ล่ะแก ไม่ไหวก็บอกเดี๋ยวฉันช่วย"

"ฉันไหวไม่ต้องเป็นห่วง" ว่าแล้วฉันก็เดินออกจากแผงเพื่อลัดไปเข้าห้องน้ำ ขอเข้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนเผื่ออาการที่เป็นอยู่มันจะดีขึ้นบ้าง

กึก!

แต่แล้วเท้าเรียวก็ต้องชะงักเมื่อเดินออกจากห้องน้ำก็ต้องเจอกับชายชุดดำพวกเดิมที่มาตามเก็บหนี้พนันบอลของไอต้นกล้า พวกมันยืนเรียงกับครบสามคนแล้วมองมาที่ฉันนิ่ง ๆ

"ถึงเวลาที่เธอต้องไปแล้ว" หัวหน้ามันพูดขึ้น

"…" ขณะที่ฉันพยายามกวาดสายตามองรอบ ๆ เพื่อหาทางหนีและคนที่จะช่วยฉันได้ แต่ห้องน้ำตลาดมันก็เปลี่ยวคนเหลือเกิน ไม่มีใครผ่านไปผ่านมาแถวนี้เลยสักคน

"ไปกันดี ๆ ฉันไม่อยากใช้กำลัง" เหมือนพวกมันจะรู้ทันความคิดของฉัน หนึ่งคนผายมือให้ขณะที่อีกคนเลิกเสื้อขึ้นให้เห็นกระบอกปืนที่เหน็บเอว

สุดท้ายฉันต้องเดินตามพวกมันไปแต่โดยดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel