บทที่ 09 จนตรอก
@Bar & Beer
"แก้วตา…"
"…"
"แก้วตา!"
"หะ ห้ะ!?" เสียงที่เพิ่มขึ้นทำให้ฉันสะดุ้งหลุดออกจากห้วงภวังค์ของความคิดรีบหันไปหาคนที่เอ่ยเรียก จนเห็นว่าเป็นผู้จัดการร้านจึงรีบเดินเข้าไปหาทันที
"เป็นอะไรวันนี้แกดูเหม่อ ๆ นะ"
"เปล่า ว่าแต่เจ๊เรียกฉันมีอะไร?"
"จะให้ไปดูแขกโต๊ะนั้นหน่อย แต่แกมัวแต่เหม่อยัยนิดมันชิงเดินไปแทนแล้ว งั้นแกก็ดูแลแขกโซนนี้เอาแล้วกัน"
"เออเจ๊…ช่วงนี้มีงานอะไรให้ฉันทำเพิ่มอีกหรือเปล่า?"
"จะมีอะไรอีกล่ะ ทั้งล้างจาน เด็กเสิร์ฟ เด็กทำความสะอาดแกก็เหมาไปทุกงานแล้ว ไม่เหลืออะไรให้ทำแล้ว"
"ไม่มีจริง ๆ เหรอ คือพอดีช่วงนี้ฉันร้อนเงิน ช่วยฉันหน่อยได้ไหม?" พรุ่งนี้เป็นวันครบกำหนดที่ฉันต้องหาเงินอีกห้าหมื่นไปจ่ายเพิ่ม วันสองวันนี้ฉันหักโหมงานจนแทบไม่ได้นอน อะไรที่ทำแล้วได้เงินฉันทำหมดทุกอย่าง แต่มันยังได้ไม่พอเลย ขนาดขอเบิกเงินเด็กเสิร์ฟล่วงหน้า ทั้งค่าทิป ค่าขายของทุกอย่างรวม ๆ กันก็ได้แค่สามหมื่น เหลือเวลาไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ฉันจะเอายังไงต่อไป
"มีอยู่อย่างเดียวนั้นแหละ แกก็รู้ว่ามันคืออะไร"
"…" ฉันเม้มปากแน่นเมื่อผู้จัดการพูดจบ งานที่ว่าคือการเป็นเด็กเอนเตอร์เทนในร้านเหล้าซึ่งมันมีสองระดับคือจบแค่ที่ผับนี้กับไปต่อที่ห้อง แต่ก่อนฉันเคยตั้งมั่นกับตัวเองว่าไม่ว่ายังไงฉันจะไม่เอาตัวเองไปอยู่ตรงนั้นเด็ดขาด ไม่ใช่ว่าฉันจะดูถูกว่ามันไม่ดี แต่เพราะมันแค่รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย ถึงจะยืนกรานปฏิเสธแต่ถ้าคนมันจะหื่น เหตุผลอะไรมันก็ไม่ฟังทั้งนั้นแหละ
แต่ความคิดของฉันตอนนี้มันเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว งานนี้ได้เงินเยอะมากเท่าที่ฉันฟังคนอื่นเขาทำกัน แค่จบที่ผับนี้ค่าตัวรวมกับทิปก็ไม่ต่ำไปกว่าหนึ่งหมื่น ยิ่งแขกชอบมากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้เยอะ หรือฉันต้องทำเพื่อเอาตัวรอดกันนะ
"เห็นไหม คนอย่างแกไม่ทำหรอก ไป…ไปทำงานได้แล้ว" เมื่อเห็นว่าฉันเงียบไปผู้จัดการก็ปัดป่ายมือออก ขณะที่ฉันยังยืนคิดอยู่เช่นเดิมคิดหนักมากขึ้นเพราะกลัวตัวเองจะไปเจอไอเฒ่าหัวงูเข้าสักคน แต่ชีวิตฉันมันเลือกอะไรได้มากกว่านี้เหรอ…ทำก็ทำเพื่อความอยู่รอดของตัวเองและครอบครัว
"ฉันจะทำ" สุดท้ายก็ต้องกลั้นหายใจตอบออกไป มากกว่านั้นก็เคยเจอมาแล้ว กับอีแค่อดทนโดนลวนลามนิดหน่อยแลกกับเม็ดเงิน ยัยแก้วตาต้องทำให้ได้
"แกแน่ใจนะ?"
"แต่จบที่นี่เท่านั้นนะ ฉันไม่ไปต่อเด็ดขาด ฉันจะทำครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น"
"รู้แล้วหนา งั้นก็ไปเปลี่ยนชุด รีบใช้เงินใช่ไหม เดี๋ยวฉันจะเลือกชุดให้เอง"
"ขอบคุณเจ๊" ว่าจบฉันก็เดินตามผู้จัดการเพื่อไปเปลี่ยนชุดหลังร้าน มือบางเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อด้วยความตื่นเต้นที่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน
"ชุดนี้แล้วกัน รับรองแขกแย่งกันแน่" ฉันยืนมองเศษผ้าในมือของผู้จัดการตาค้าง มันไม่สมควรเรียกว่าเป็นเสื้อผ้าคนเลยนะ เสื้อเว้าหน้าเปิดหลังส่วนกางเกงก็สั้นเสมอหูแทบจะเห็นกางเกงในของฉันได้เลย
"ไม่มีชุดอื่นแล้วเหรอ นี่งานวันแรกของฉันเลยนะ" ฉันกลืนก้อนน้ำลายอึกใหญ่ แต่งตัวแบบนี้ออกไปรับรองว่าคืนนี้ไม่ได้รอดออกจากที่นี่แน่นอน
"อยากได้เงินไม่ใช่เหรอ ชุดนี้แหละ เหมาะที่สุด"
"เอาจริงเหรอ…"
"เออ…ไปเปลี่ยน เดี๋ยวฉันออกไปรอข้างนอก จะหาแขกไว้ให้"
"แต่ว่า…"
"เออหนา…เดี๋ยวจะหาคนที่ดูหื่นน้อยที่สุดแล้วกัน เข้าไปเปลี่ยนชุด" ฉันจำใจหยิบเศษผ้าพวกนั้นเข้าไปเปลี่ยนชุดตามที่ผู้จัดการร้านบอก มองตอนที่ทาบบนตัวว่าหนักแล้วแต่พอมาอยู่บนร่างกายยิ่งหนักกว่าเดิม ชุดโชว์นมโชว์ขาอ่อนแบบนี้ฉันโคตรไม่ชินเลย ปกติใส่แต่กางเกงยีนส์ขายาวเสื้อยืดตัวโคร่ง ๆ พอเปลี่ยนลุคการแต่งตัวรู้สึกโล่ง ๆ ลมเย็นอย่างบอกไม่ถูก
"แก้วตาเสร็จหรือยัง" เสียงเจ๊ผู้จัดการตะโกนเรียกจากด้านนอก ขณะที่ฉันยืนหมุนตัวอยู่หน้ากระจกทำใจด้วยความลังเลที่จะก้าวออกมาจากห้องแต่งตัว
"ออกมาได้แล้ว ฉันหาแขกให้แกได้แล้ว"
"อืม…จะออกไปแล้ว" สุดท้ายฉันก็ยอมเดินออกไปด้วยเสื้อผ้าที่ปกปิดน้อยชิ้น ยืนอยู่ตรงหน้าผู้จัดการก็บิดไปมาด้วยความไม่ชินตัว ขณะที่อีกคนก็ยืนมองพร้อมกับขมวดคิ้วเป็นปม
"ใส่ชุดนี้แต่ใส่ผ้าใบเนี่ยนะ" ผู้จัดการเอ่ย
"ฉันใส่ส้นสูงไม่เป็น"
"ไม่เป็นก็ต้องหัด เปลี่ยนเลย เอาแบบสูงๆ จะได้ขาดูสวย ๆ"
"ไม่เอาไม่ถนัด ถ้าแขกลวนลามฉันขึ้นมาฉันกระโดดถีบไม่ไหวแน่" ถึงจะยอมทำแต่อยากป้องกันตัวเองไว้บ้าง ผ้าใบนี่แหละเหมาะกับคนอย่างฉันที่สุด เดินถนัดวิ่งก็ถนัด ไอหื่นพวกนั้นตามฉันไม่ทันแน่
"นี่แกจะไปถีบแขกเหรอ จากที่จะได้ตังค์แกต้องชดเขาอีกบานเลยคิดดี ๆ"
"จิ๊…เปลี่ยนก็เปลี่ยน" ชีวิตฉันเลือกอะไรได้บ้างวะเนี่ย…นู้นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ เป็นไงเป็นกัน คงไม่มีอะไรซวยเท่ากับอยู่เฉย ๆ แล้วติดหนี้เกือบล้านหรอก
"ไปได้แล้ว จำคำฉันไว้ อยากได้เงินเยอะก็ต้องอ้อนเยอะ ๆ ทำตัวน่ารัก ๆ ยิ้มตลอดเวลา รับรองหน้าตาแบบแกไม่ต่ำกว่าสองหมื่น เชื่อเจ๊…เจ๊เจอมาเยอะ"
"อืมเข้าใจแล้ว ไปนะ" ฉันไม่อยากฟังคำเจ๊ให้มากความ แค่ทำตัวน่ารัก ๆ ยิ้มเยอะ ๆ ก็ไม่ใช่ตัวฉันแล้ว วันนี้ขอแค่ได้ขั้นต่ำหมื่นห้าก็ยังดี พรุ่งนี้ขายของรับงานเพิ่มก็น่าจะได้คืนเงินเขา
สู้โว้ย…แกทำได้!
ฉันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนที่จะเดินตามเด็กเสิร์ฟในร้านที่กำลังพาฉันขึ้นไปห้องวีไอพีที่ต้องการฉันตามที่เจ๊ไปเสนอมา
"ขอบใจนะ เดี๋ยวฉันจัดการต่อเอง" ฉันบอกกับเด็กเสิร์ฟแล้วเธอก็เดินออกไป เหลือไว้เพียงฉันที่ยืนทำใจหน้าห้องอยู่นานก่อนที่จะเลื่อนประตูห้องเข้าไปด้วยใจที่เต้นระรัวไม่หยุด
"สวัสดีค่ะ" ฉันยิ้มกว้างให้แขกที่นั่งอยู่ในห้องสองคน อายุราว ๆ สี่สิบปีแต่ยังคงดูดีเหมือนคนทั่วไปแล้วทั้งสองก็พร้อมใจมองมาที่ฉัน หน้าตาดูไม่ค่อยหื่นกามเท่าไหร่ ขอให้นิสัยเป็นแบบนั้นด้วยแล้วกัน
"สวยสมกับที่ผู้จัดการร้านพูดไว้จริง ๆ " คนหนึ่งพูดขึ้น
"ขอบคุณค่ะ" ฉันปั้นยิ้มฝืน ๆ ที่พยายามให้มันปกติที่สุด ขอถอนคำพูดที่เคยบอกว่าหน้าตาไม่หื่นแล้วกัน ตอนแรกก็ดูปกติอยู่หรอก แต่พอสายตามองที่ฉันเท่านั้นแหละ…ไอเฒ่าหัวงูชัด ๆ
"กูเอาคนนี้ มึงก็รออีกคนแล้วกัน" คนที่สายตาหื่นกามมากกว่าเอ่ยขึ้นกับอีกคนที่เหมือนจะปกติกว่า
"เออ ๆ กูรออีกคนก็ได้" ก่อนที่พวกมันจะตกลงกันได้คนที่เลือกฉันก็ตบที่นั่งข้างแล้วยิ้มหื่นให้ทันที
"มานั่งตรงนี้สิหนู" ขนลุกชะมัดเลย…ไม่มีเมียรออยู่ที่บ้านหรือไงกัน ถึงได้อดอยากแสดงความโรคจิตออกมาได้ขนาดนี้
"ค่ะ" แต่ก็นั้นแหละ…บอกแล้วไงว่าคนอย่างฉันเลือกอะไรไม่ได้ ฉันต้องจำใจเดินลงไปนั่งข้าง ๆ มันแล้ว 'หมับ' มือปลาหมึกก็โอบไหล่ฉันไว้ทันที
"กลิ่นตัวหนูนี่หอมมากเลยนะ"
"ขอบคุณค่ะ" ถ้าไม่ติดว่าต้องรีบใช้เงินนะฉันไม่ทนนั่งอยู่ตรงนี้แน่ ทั้งใบหน้าที่เริ่มเข้ามาใกล้ มือปลาหมึกที่ลูบไล้แขนของฉันจนขนลุกซู่ไปหมด อยากหนีออกจากตรงนี้ให้ได้เสียตอนนี้
"เอ่อ…เดี๋ยวฉันไปชงเหล้าให้ดีกว่านะคะ" ฉันพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดออกพันธกานต์ แต่อีกคนก็ไม่ยอมยิ่งกอดฉันแน่นขึ้นกว่าเดิม
"ไม่ต้องหรอก ก็มีเด็กชงให้อยู่แล้วไง หนูมาสนุกกับเสี่ยดีกว่า" อยากจะบ้าตาย ฉันต้องทนอยู่แบบนี้จนจบสินะ
"เสี่ยดื่มหน่อยนะคะ นี่ค่ะ…หนูป้อน" ฉันพยายามบ่ายเบี่ยงแล้วค่อย ๆ ดิ้นเพื่อพยายามให้หลุดจากมือ แต่มันก็ช่วยได้เพียงนิดเพราะไอแก่นี่เกาะหนึบเหลือเกิน ซึ่งแน่นอนว่าฉันต้องทนอยู่แบบนั้นจนจบงานแล้วตาลุงนี่จะกลับ ท่องเอาไว้ว่าทำเพื่อเงิน ๆ แกจะมาตายตรงนี้ไม่ได้ ฉันแสร้งยิ้มกว้างแล้วปรนนิบัติให้อย่างดี ว่าไปไอเสี่ยนี่ก็ทิปหนักเหมือนกัน พอฉันประเคนอะไรให้นิดหน่อยก็ยื่นให้ตลอด ซึ่งเข้าทางยัยแก้วตาเลยแหละ ได้ครั้งหนึ่งฉันเอาใหญ่เลย ทำนู้นทำนี่เปลืองตัวด้วยการเสียแขนให้มันลูบไล้นิดหน่อย แต่มันไม่มากกว่าไปนั้นหรอกเพราะฉันจะดิ้นออกอยู่ตลอดเวลา
ฉันไม่แตะแอลกอฮอล์สักนิดแม้ไอเสี่ยจะคะยั้นคะยอให้ดื่มมากแค่ไหน ฉันกลัวไม่มีสติแล้วถูกทำอะไรไปง่าย ๆ อีกอย่างคนพวกนี้ไว้ใจไม่ได้หรอก
ค่ำคืนแห่งความวินาศสันตะโรดำเนินไปเรื่อย ๆ ฉันอยู่ด้วยความอดทนและอดกลั้นตลอดเวลาจนสุดท้ายก็ถึงเวลาที่ฉันรอคอย
"ถ้าหนูแก้วตาไปต่อ เสี่ยมีทิปให้หนักกว่านี้นะ" แววตาหื่นกามมองฉันอย่างเชิญชวน ให้เป็นล้านฉันก็ไม่ไปหรอก แค่นี้ก็เปลืองตัวจะแย่แล้ว
"แก้วตาเพิ่งจะเริ่มทำงานเองค่ะ ยังไม่มีประสบการณ์เลย ไว้โอกาสหน้านะคะ"
"หนูสัญญากับเสี่ยแล้วน้า~"
"ค่า…หนูสัญญา"
"งั้นเสี่ยไปก่อนแล้วกัน"
"สวัสดีค่ะเสี่ย" ฉันก้มลงกราบแนบอกไอเสี่ยนั้น ได้ทีก็เอาใหญ่เลยแหละ อดยอมรับไม่ได้ว่าเม็ดเงินสามารถเปลี่ยนคนได้จริง ๆ
แต่ริมฝีปากของฉันเบะคว่ำทันทีที่หลบสายตาคน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็ปั้นยิ้มเหมือนเดิม นั้นจึงเรียกแต้มให้ไอเสี่ยนั้นเพิ่มทิปให้ฉันอีก
"คราวหน้าต้องมาหาเสี่ยอีกนะ"
"ค่า~" ให้มันจบที่คราวนี้ก็พอ งวดต่อไปฉันหวังว่าจะไม่จนตรอกมาใช้วิธีนี้อีกรอบ
ขอร้องล่ะ…