บทที่ 1 เมลดา
บทที่ 1 เมลดา
โดย : Queenie P.
กริ๊งงงงงงง เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นห้อง ทำลายความฝันยามหลับใหล สาวน้อยใบหน้างามหมดจด ตกใจผวาตื่น ตาเบิกโพลง หายใจหอบถี่ ราวกับขาดอากาศหายใจ
“เป็นอะไร ฝันร้ายเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน
“พี่ภาค เมฝันร้าย ฝันเห็นใครก็ไม่รู้เมเห็นหน้าไม่ชัด และฝันว่าตัวเองกำลังจมน้ำ ใกล้จะตายอยู่แล้ว โชคดีนะเนี่ยนาฬิกาปลุกช่วยชีวิตเอาไว้” หญิงสาวหันไปหยิบนาฬิกาตรงหัวเตียงมาจูบเป็นการขอบคุณ ที่มันได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้
“กินเยอะน่ะสิ ถึงได้ฝัน ลุกได้แล้วอย่ามัวโอ้เอ้ เดี๋ยวตกเครื่องกันพอดี”
“ค่ะ คุณพ่ออออออ” เธอทำเสียงลากยาวใส่พี่ชาย ก่อนจะย้ายตัวหายเข้าห้องน้ำไป
เกือบสองปีที่เมลดากับภากรย้ายมาอยู่ที่อเมริกา คนนึงเพื่อการศึกษา ส่วนอีกคนเพื่อรักษาตัว ตอนนี้ชายหนุ่มผู้มีฝันร้ายจากช่วงเวลาที่ผ่านมา กลับมาสดใสแข็งแรงที่สำคัญใบหน้าที่เคยมีรอยบากเป็นทางยาว ตอนนี้ไม่เหลือแม้แต่รอยสิวหลงเหลืออยู่ เขากลับมาเป็นชายหนุ่มหล่อ คมเข้มไม่ต่างจากแต่ก่อน เอ๊ะ หรือจะหล่อขึ้นกว่าแต่ก่อน…
ประเทศไทย
สนามบินสุวรรณภูมิ
กว่า 25 ชั่วโมงที่ทั้งคู่ใช้เวลาเดินทางกลับสู่แผ่นดินแม่ ผู้คนที่นี่แน่นขนัดตา เบื้องหน้าของทั้งคู่ คือ สมาชิกในครอบครัว ภากรผู้พี่เดินนำมาก่อนสักพักใหญ่ๆ ตามด้วยร่างของน้องสาว เธอปล่อยผมสยายเป็นลอนสีน้ำตาล ขับผิวขาวผ่องของเธอได้อย่างดี เครื่องหน้าถูกปกปิดด้วยแว่นตากันแดด สวมชุดแบรนด์หรูตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอไม่ใช่สาวน้อย เด็กสาววัยมหาลัยคนเดิมอีกต่อไปแล้ว ทันทีที่เท้าเธอก้าวผ่านทางออก แสงแฟลชนับร้อยสาดใส่เธอรัวอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้นัดหมาย
สาวสวยมาดเฉี่ยวทักทายครอบครัวพอเป็นพิธี ก่อนที่ทุกคนจะรีบสาวเท้าเดินฝ่าฝูงสื่อมวลชนออกไปขึ้นรถตู้ที่สแตนด์บายจอดรอยู่ด้านหน้า
ไม่เกิน 30 นาทีหลายสื่อเริ่มโพสต์พาดหัวข่าว ทายาทของตระกูล วงศ์เสวต บุตรชายคนโตพร้อมด้วยลูกสาวคนเล็กของคุณพาสกร เจ้าพ่ออสังหาอันดับต้นๆของเมืองไทยเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยแล้วเมื่อช่วงบ่ายนี้
โดยจุดสนใจของสื่อคือ เมลดา หรือเมนี่ ของเราที่ก่อนหน้าเธอได้โพสต์ลงอินสตาแกรมส่วนตัวว่าจะปักหลักกลับมารับงานในประเทศไทย หลังจากที่ไปโกอินเตอร์จนโด่งดัง ผลงานสร้างชื่อคงไม่พ้นการเดินแบบบนรันเวย์ระดับโลกให้แบรนด์ต่างๆมากมาย โดยเธอเดินทางกลับมาพร้อมพี่ชายเท่านั้น ไร้เงานายแบบหนุ่มลูกครึ่งคนสนิท ที่ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ตัวติดกันแทบตลอดเวลา
ที่บ้านวงศ์เสวต
รถตู้หรูคันงามแล่นเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้าน การจากบ้านไปนาน ทำให้สาวน้อยภายใต้แว่นกันแดดสีดำรู้สึกอบอุ่นใจ และปลอดภัยกว่าที่ไหนๆ ข่าวคาวมากมายที่ประดังประเดเข้ามาพร้อมกับชื่อเสียงที่พุ่งทะยานของเมลดา ทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยล้ากับชีวิตเหลือเกิน
“ตาภาค ยัยเม หลานย่ากลับมาแล้ว” เสียงอ่อนโยน คุ้นเคยของผู้เป็นย่าดังลอยทันทีที่ร่างของหลานๆปรากฏ
“สวัสดีครับ ดีค่ะ คุณย่า” ทั้งคู่ยกมือไหว้ผู้เป็นย่า และโผเข้ากอดท่าน
“ทำไมไปกันนานนักล่ะ ย่าคิดว่าย่าจะได้ตายก่อนแล้วนะเนี่ย”
“เมอยู่เพราะต้องเรียนนะคะ พี่ภาคน่ะสิ ควรจะกลับมาตั้งนานแล้ว อยู่เฝ้าเมเป็นคุณพ่ออยู่นั่นแหละ” สาวน้อยหน้ามุ่ยเมื่อคิดถึงสิ่งที่พี่ชายทำกับเธอ
“ดูพูดเข้า ดีแล้วที่พี่แกอยู่คอยเฝ้า หึ” โฉมลดาค่อนขอดลูกสาวตัวดี
“เข้าบ้านเถอะค่ะ เมอยากเจอยัยดากับหน้าหลานแล้ว”
ภายในบ้าน
ดารินโผเข้ากอดพี่ชายพี่สาวทันทีที่ทั้งคู่ก้าวเข้าบ้านมา โดยมีภาคินนั่งรออยู่ใกล้ๆ ชายหนุ่มส่งยิ้มทักทายให้แฝดผู้พี่ ดีใจที่ได้เห็นเขากลับมา ภาระมากมายที่หนักอึ้งจะได้คืนให้เขากลับไปจัดการสักที
เมลดาโผเข้าอุ้มเจ้าก้อนเนื้อ ตัวจิ๋วทันที พร้อมกระหน่ำหอมไปหลายฟอด
“ อคิน น่ารักจังเลย ทำไมตั้งชื่อนี้ล่ะ ต่อไปเวลาเรียกจะหันมาทั้งพ่อทั้งลูกเลยหรือเปล่า” สาวสวยท้วงขึ้น
“ดาก็ว่าแปลกค่ะ แต่พี่คินน่ะสิอยากให้ชื่อนี้” สาวตัวเล็กพูดพลางหันไปเหล่สามี
“ อคิน หลานนนนน เอ่อ แล้วนี่จะให้เรียกอาหรือป้าล่ะ แต่ป้าก็ดูแก่เกินไปอ่ะ ไม่เอาดีกว่า”
“ถ้าเธอจะให้เรียกอา งั้นก็ต้องยอมรับได้แล้วว่าฉันเป็นพี่ชายเธอ” ภาคินกล่าวขึ้นลอยหน้าลอยตา
“ชิ…เรียกพี่เมดีกว่าเนอะลูก” เธอทำจิ๊ปากใส่ภาคินแล้วหันมาพูดคุยกับหลายชายตัวน้อยต่อ
“พ่อว่าทั้งเมและภาคขึ้นไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยลงมาคุยเล่นกันต่อ”
“ใช่ยัยเม ขึ้นไปกับแม่ แม่มีไรจะถามเราเยอะเลย” พูดจบโฉมลดาก็ลากเมลดาหายขึ้นชั้น 2 ไป
บนห้อง
“แม่คะ แม่ขอคอนโดคุณพ่อให้เมหน่อยสิคะ” ลูกสาวคนสวยทำท่าอ้อนผู้เป็นแม่ พร้อมทำตาปริบๆ
“คุณพ่อไม่มีทางยอมให้แกออกไปอยู่ข้างนอกหรอก เลิกฝัน”
“แม่ก็ช่วยพูดให้เมหน่อยนะคะ แล้วเมสัญญาว่าเมจะเชื่อฟังแม่ทุกอย่างเลย”
“ให้มันจริงนะ ที่จะเชื่อแม่ทุกอย่าง” โฉมลดาถามแบบมีแผนการ
“สัญญาค่ะ แม่จะลากเมไปอวดพวกเพื่อนๆแม่ที่ไหน เมก็จะไปค่ะ” เมลดาพยายามต่อรองสุดฤทธิ์ และมันดูได้ผลโฉมลดาดูคล้อยตามคำพูดของเธอ
หลายวันต่อมาที่ผับหรูแห่งหนึ่ง
เสียงดนตรีบีทหนักๆกระหึ่มจนฟังคนพูดไม่ได้ศัพท์ นักท่องราตรีมากหน้าหลายตามารวมตัวกันที่นี่ วัยรุ่นหนุ่มสาวต่างโยกย้ายไปตามจังหวะของดนตรี
โซนวีไอพี
ชายหนุ่มลูกครึ่งร่างสูง หุ่นแน่น หน้าตาหล่อจัด นั่งมองสอดส่องสายตาหาใครบางคน ในมือถือแก้วเหล้า ภายในโต๊ะยังมีหนุ่มสาวหุ่นดีอีก 2-3 คนนั่งร่วมวงอยู่ด้วย
“เม ทางนี้” หนุ่มร่างสูงโปร่ง ลุกยืนกวักมือเรียกเมื่อเห็นร่างงามของเพื่อนสาว
“โทษที ที่ช้าว่ะ กว่าจะชิ่งที่บ้านมาได้” สาวสวยหันไปขอโทษขอโพยเพื่อนๆ และอธิบาย พร้อมแย่งแก้วเหล้าในมือของหนุ่มหล่อมากระดกเข้าปากอย่างไม่ถือสา
วันนี้เมลดามาในชุดเดรสสั้นสีดำ ชายกระโปรงร่นสูงขึ้นอวดเรียวขายาว ผิวขาวเนียนละเอียด ช่วงบนเป็นเกาะอกเว้าลึกเผยเห็นเนินอกอวบอิ่มจนล้นถนัดตา ทุกการเคลื่นไหวของสาวเจ้า เป็นที่สนใจของทุกคนในที่นี้เป็นอย่างมาก ราวกับว่าเธอถูกหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ ล็อกเป้าเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว
“เบาๆ เดี๋ยวก็เมาเร็วหรอก จะเอาไรมั้ยเดี๋ยวสั่งให้”
“เอาเหมือนพีทนี่แหละ แรงดี”
หลังจากนั่งดื่มอยู่นาน จนเริ่มกรึ่มๆ สาวสวยก็เริ่มอยู่ไม่สุข เธอลุกขึ้นยืนโยกย้าย ส่ายสะโพกยั่วยวนเด่นอยู่กลางฟลอร์ มีหนุ่มมากหน้าหลายตาพยายามเข้ามาตีสนิท จะแต๊ะอั๋งแบบเนียนๆ แต่ไม่มีใครเข้าใกล้เธอได้ เพราะมีหนุ่มหล่อลูกครึ่งคอยยืนขวาง กันท่าอยู่ ทั้งคู่อยู่ในอาการเมาได้ที่ เมลดาโอบคอเขาไว้ไม่ห่างขณะย้ายสะโพกกลมกลึงนั่นไปมา ภาพคลอเคลียของทั้งคู่ไม่ต่างกับคู่รัก คนตัวเล็กกว่าโน้มคอชายหนุ่มให้ก้มต่ำลงมา ปากบางแทบจะชิดแก้มของเขา ก่อนจะกระซิบบางอย่างไปที่ข้างหู
“ไปห้องน้ำแป๊บนะ ปวดฉี่”
“ให้ไปด้วยมั้ย”
“ไม่ต้อง เฝ้าโต๊ะไป”
“อื้มมม” เขาพูดพลาง แต่ไม่ละสายตาห่างด้วยความเป็นห่วง
หลังจากผละออกจากหนุ่มลูกครึ่ง สาวสวยก็พยายามพาร่างตรงดิ่งไปห้องน้ำทันที หลังจากทำธุระเสร็จการจะประคองร่างตัวเองกลับไปที่โต๊ะนั้นช่างเป็นเรื่องยากเย็นเสียจริง
“โอ้ยยยย” เธอถูกชนด้วยคนร่างหนาสูง ก่อนที่จะถลาหงายล้มลงก็ถูกคนตัวโตคว้าไว้ได้ทัน เธอดึงเขาเข้ามากอดคล้ายจะเกาะเขาเป็นหลักยึดอย่างลืมตัว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบเขาโดยที่หน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงคืบ
“เอ่อ…ขอโทษค่ะ” สาวสวยมองหนุ่มหล่อตรงหน้าอย่างไม่เคอะเขิน สายตาเป็นประกายเย้ายวนด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ก่อนจะรีบหรี่ตากระพริบถี่ๆ
“ทำไมหน้าคุ้นจัง” ไม่พูดเปล่า มือบางเลื่อนไปลูบแก้มคมสันอย่างสนใจ
“หึ หึ สวัสดีครับ ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งนะครับ คุณหนูเมลดา” เข้าก้มหน้าต่ำลงมาทักทายสาวสวย จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของคนทั้งคู่ที่รดใส่กันอยู่ ก่อนจะเลื่อนมือหนาของตัวเองไปดึงมือของเธอที่กำลังลูบแก้มของเขาลงมา
เมลาดาขมวดคิ้วเป็นปมยุ่ง เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายรู้จักเธอ แต่ก็นึกไม่ออกว่าเขาเป็นใคร บางทีเขาอาจจะเป็นพวกแฟนคลับก็เป็นไปได้ ทั้งคู่จ้องกันอยู่นานอย่างลืมตัวโดยยังมีมือของฝ่ายชายที่โอบเกี่ยวเอวกิ่วของร่างบางไว้อย่างแนบแน่น
เมื่อหน้าอกที่เบียดกันอยู่นั้นรับรู้ได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจอีกฝ่าย ที่มันเริ่มสั่นรัวแรงขึ้น ก็เรียกสติของคนทั้งคู่กลับมา ก่อนจะรีบผละออกจากกันอย่างเคอะเขิน
“เอ่อ ขอโทษค่ะ ฉันชนคุณเมื่อสักครู่นี่ ว่าแต่คุณรู้จักฉันหรือคะ” สาวสวยถามกลับออกไปอย่างสงสัย ขณะที่อีกฝ่ายยังมองเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ก่อนที่มันจะเปลี่ยนไปหลังจากมีการขัดจังหวะของใครบางคน
“เม…มีอะไรหรือเปล่า พีทเห็นว่าเมหายมานาน” หนุ่มลูกครึ่งมองหนุ่มหล่อตรงหน้าอย่างระแวงและไม่สบอารมณ์มากนัก
“อ๋อ เปล่าหรอก เมเดินชนเค้าน่ะ เราไปกันเถอะ”
“ขอตัวก่อนนะคะ และก็ขอโทษอีกครั้งนะคะ” เธอหันมาขอโทษชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนรีบลากเพื่อนรักเดินออกไป
เวลาผ่านล่วงเลยไปหลายชั่วโมง เหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าถูกรินเติมและกรอกเข้าปากวนเวียนอยู่แบบนั้น
“พีท เมจะกลับแล้วนะ” เสียงอ้อแอ้พูดขึ้น เพราะถ้ากลับช้ากว่านี้ เธอเกรงว่าจะเมาพับไปซะก่อน
“เอางั้นเหรอ ได้ เดี๋ยวเราไปส่ง” หนุ่มหล่อก็เสียงอ้อแอ้ ไม่แพ้กัน
“หยุดเลย พีทอยู่กับเพื่อนๆพีทต่อเถอะ เมกลับได้”
“จะกลับไง เมเมาแบบนี้ ไม่ล่ะ พีทจะไปส่ง”
“เมมีคนขับรถจอดรออยู่ ไม่ต้องห่วงนะ ไปล่ะ แล้วไว้เจอกัน” สาวร่างบางที่ตอนนี้หน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ รีบโบกไม้โบกมือห้ามเพื่อน ก่อนจะหมุนตัวพยายามพาสังขาลออกมาจากผับ
ที่จริงแล้วเมลดาขับรถมาเอง และเธอก็ไม่ได้วางแผนว่าจะปล่อยตัวเองเมาขนาดนี้ เมื่อขึ้นมานั่งในรถสปอร์ตหรูของตัวเอง เธอพยายามเรียกสติตัวเองกลับมาโดยการตบหน้าตัวเองซ้ำๆ แต่นั่นไม่ได้ผล เธอรู้สึกหนักศีรษะอย่างแรง ตาแทบจะลืมไม่ขึ้น ขมับสองข้างรู้สึกเต้นตุบๆ จนปวดหัว