ตอนที่ 1 ผู้หญิงแสนเชยที่ไม่ถูกชะตา (1)
1
ผู้หญิงแสนเชยที่ไม่ถูกชะตา
ธนภูมิที่ยืนดูกลุ่มผู้สูงวัยที่กำลังยืนคุยกันพลางเล่นกอล์ฟอย่างออกรสชาติด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เขาไม่ได้เต็มใจมา แต่โดนคนเป็นพ่อลากมาเป็นเพื่อน โดยที่เขาต้องยกเลิกนัดกับสาว ๆ ถึงสองคนไปอย่างน่าเสียดาย คิดแล้วชายหนุ่มก็ถอนหายใจยาว ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากคนเป็นพ่อ
“ไทนี่” ไม่ต้องให้เรียกซ้ำ ธนภูมิก็เดินเข้าไปหาทุกคนด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร เขาจะทำลายบรรยายอันน่าสนุกของพวกท่านไม่ได้ แม้จะไม่ได้พิสมัยมันเท่ากับการขี่มอเตอร์ไซค์และสาว ๆ ก็ตาม
“โชว์ฝีมือหน่อยสิเจ้าหลานชาย”
“สู้พวกคุณลุงไม่ได้หรอกครับ” ธนภูมิบอกอย่างถ่อมตัว แต่ก็ยอมแสดงฝีมือให้ผู้สูงวัยทุกคนดู แล้วก็ได้รับคำชมอย่างล้มหลาม เพราะถึงจะไม่ได้นิยมชมชอบการเล่นกอล์ฟเท่ากับขับรถ แต่ด้วยความที่ต้องตามคนเป็นพ่อออกรอบบ่อย ๆ ทำให้เขาพอเล่นได้
“เยี่ยม ๆ”
“ฝีมือดีนี่เจ้าหลานชาย เผลอ ๆ ดีกว่าพ่อเราเสียอีกนะเนี่ย”
“ขอบคุณครับ” ธนภูมิปรายตามองคนเป็นพ่อยิ้ม ๆ แล้วเลิกคิ้ว ยักไหล่อย่างผู้ชนะ ก่อนทุกคนจะหัวเราะให้กับการหยอกล้อกันของสองพ่อลูก
“ผมขอตัวไปรับโทรศัพท์แป๊บหนึ่งนะครับ”
“สาว ๆ โทรตามแล้วมั้ง”
ธนภูมิยิ้มแล้วโชว์หน้าจอให้คนเป็นพ่อดูแล้วบอกทุกคนเสียงกลั้วหัวเราะ “สาวพ่อนะครับ ไม่ใช่สาวผม” เขามองคนคนเป็นพ่อพลางเลิกคิ้ว แล้วมองมาที่โทรศัพท์ในมือเป็นการถามว่าท่านจะรับเองไหม พอได้รับการปฏิเสธเขาจึงเดินเลี่ยงออกมา
“ครับแม่” แม้จะไม่ได้อยู่ต่อหน้า แต่ธนภูมิก็ทักทายด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงขี้เล่นอย่างที่ชอบทำประจำ แต่เมื่อได้ยินข่าวที่คนเป็นแม่บอก รอยยิ้มนั้นก็ค่อย ๆ จางหาย กลับกลายมาเป็นความตกใจ ก่อนจะกลับมาเป็นสีหน้าโล่งใจ “เดี๋ยวผมกับพ่อจะรีบตามไปนะครับ”
เมื่อวางสายจากคนเป็นแม่ ธนภูมิก็เข้าไปสะกิดพ่อที่กำลังสนุกกับเพื่อนให้แยกออกมา “แม่โทรมาบอกว่าคุณรามรถคว่ำ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลให้พวกเราตามไป”
“เฮ๊ย! แล้วเป็นอะไรมากไหม”
“แม่บอกว่า ก็พอสมควรแต่ปลอดภัยแล้ว”
“งั้นเราไปกันเถอะ”
เมื่อสองพ่อลูกคุยกันเสร็จจึงเดินเข้าไปบอกลาทุกคนเล็กน้อย แล้วขอตัวกลับทันที “เราต้องซื้อของเยี่ยมไข้ไหมครับเนี่ย” ธนภูมิถามขึ้นหลังจากขับรถออกมาได้พักใหญ่ และอีกไม่กี่ร้อยเมตรก็จะถึงห้างดัง ถ้าจะแวะก็คือต้องแวะตรงนั้นเลย
“แวะเลย แกลงไปซื้อนะพ่อจะรออยู่ในรถ”
“ครับ” ธนภูมิรับคำ เมื่อถึงห้างดังเขาขับรถไปจอด ลงจากรถไปครู่หนึ่งก็กลับมาพร้อมกระเช้าเยี่ยมไข้ เขาวางมันไว้เบาะหลังแล้วรีบขึ้นรถขับตรงบึ่งไปที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังทันที
เมื่อไปถึง สองพ่อลูกไม่ต้องเสียเวลาถามรายละเอียดอย่างเรื่องห้องพักผู้ป่วยของรามิลให้เสียเวลา เพราะนางประณาลีที่โทรมาแจ้งข่าวบอกให้ทราบแล้วเสร็จสรรพ ธนภูมิมองหมายเลขห้องและชื่อผู้ป่วยเพื่อยืนยันว่าตัวเองไม่ได้จะเข้าห้องผิด ก่อนจะเคาะประตู แต่ไม่มีการตอบรับ เขาจึงแง้มแล้วเปิดมันเดินเข้าไปในห้องที่ไม่มีใครเลย
“ไปไหนกันหมดเนี่ย หรือเราจะเข้าห้องผิด”
“นั่นของแม่เรา” นายนิธิภัทรพยักพเยิดไปยังกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะ ธนภูมิพยักหน้าเอากระเช้าไปวางแล้วเดินชะเง้อไปที่ระเบียง แล้วหันมาหาคนเป็นพ่อพร้อมกับชี้นิ้วให้ท่านดูว่าทั้งแม่และพี่สาวอยู่ด้านนอก
“มาแอบคุยอะไรกันอยู่ตรงนี้ครับ” ธนภูมิเปิดประตูและยื่นเฉพาะศีรษะออกไปถามแม่และพี่สาวอย่างล้อเลียน ก่อนเขาจะขมวดคิ้ว เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของทั้งคู่ “มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าครับ หรือคุณรามเจ็บหนัก” ชายหนุ่มถามต่อพร้อมกับเปิดประตูให้คนทั้งคู่ได้เดินเข้ามาด้านในห้อง
“คุณรามไม่เป็นอะไรมากหรอก มีแผลใหญ่ ๆ ที่แขนและต้นขาแต่ก็ไม่น่าห่วงอะไร ตอนนี้เขานอนพักอยู่ในห้องแน่ะ” นิพาดาบอกน้องชายและแอบปรายตามองคนเป็นพ่อ ก่อนจะหลบสายตาเมื่อท่านมองมาอย่างสงสัย