ตอนที่3/1
ตอนที่3/1
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ยืนมองกระจกใสบานใหญ่ เขาสั่งวิศวะกรระดับโลกมาก่อสร้างรีสอร์ตแห่งนี้ ทุกอย่างล้วนเป็นของดีสั่งทำพิเศษ รวมทั้งกระจกบานนี้เขาสั่งทำพิเศษเพื่อที่จะได้มองความงดงามเบื้องหน้าได้อย่างชัดเจนแม้แสงแดดจะสาดส่องเข้ามาจนทำให้แสบตาได้ แต่ด้วยกระจกเคลือบพิเศษทำให้เขา สามารถมองแสงระยิบระยับที่ส่องประกายจากท้องทะเลจากชั้นสูงสุดของ บุริมแกรนด์โฮเทล รีสอร์ทแอนด์สปาโดยไม่ต้องรี่ตา
ตั้งแต่โรงแรมแห่งนี้สร้างเสร็จชายหนุ่มก็ย้ายมาพักชั้นสูงสุดที่โรงแรมแห่งนี้ทันที กฤษฎาไม่ได้ริเริ่มอยากสร้างโรงแรมที่เกราะไข่มุก เป็นพี่ชายเขาที่สนใจและเป็นคนเริ่มโครงการ แต่ทันทีที่เขาเห็นรูปไซต์งานก่อสร้าง เขาก็อยากได้จึงขอซื้อต่อพี่ชายมา พี่นาทก็โอนกรรมสิทธิ์ให้เขาทันทีโดยที่ไม่ได้ถามอะไรเลย พี่นาทกว้านซื้อที่ดินกินพื้นที่เกือบทั้งเกาะมาไว้ในมือ ให้ราคาสูงกว่าราคาประเมินถึงสามเท่าใครจะไม่อยากขายล่ะ ยิ่งกฤษฎาได้เห็นเพิร์ลเกสต์เฮาส์ เกสต์เฮาส์ที่ถอดยาวตลอดแนวชายหาดของเกาะไข่มุก
ทำเลที่ดินยาวทั้งแนวเกาะวิวทะเลที่สวยที่สุด เพียงแค่เห็นในภาพเขาก็รีบควักเงินจ่ายไม่สนว่าพี่ชายจะคิดค่าขายต่อเอากำไรเท่าไร ซึ่งพี่นาทก็ขายให้เขาในราคาทุนที่ซื้อมา ยิ่งพอกฤษฎาเดินทางมาเห็นด้วยตาตัวเขายิ่งอยากได้ อยากจับจองและครอบครองเกาะแห่งนี้เพียงผู้เดียว ไม่สนใจว่าต้องใช้วิธีการเพื่อให้ได้มา ไม่สนว่าจะทำธุรกิจใครล้มหายตายจากไป ธุรกิจก็แบบนี้ล่ะ ใครดีใครได้ ใครทุนหนาสายป่านยาวย่อมได้เปรียบ ปลาเล็กกินปลาใหญ่ และตระกูลเขาก็อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร
ทุกเย็นก่อนที่ตะวันจะลับขอบฟ้า กฤษฎาจะมายืนมองตะวันตกที่ขอบทะเลมองแสงสะท้อนสีส้มนวลลออยามที่พระอาทิตย์ค่อยๆ จมหายไป
“อีกไม่นานเพิร์ลเกสต์เฮาส์ต้องเป็นของผม”
เขาไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างนิสาจะอุ้มธุรกิจที่กำลังจะเจ๊งไหว ผู้หญิงอย่างเธอจะกระเสือกกระสนไปได้สักกี่น้ำ เขาสืบประวัติเจ้าของคนก่อนมาแล้ว นายหัวบวชนนท์ หากไม่เสียชีวิตไปการครอบครองผืนดินบริเวณชายหาดนั่นคงหืดขึ้นคอพอดู แต่ท่านเสียไปเมื่อหลายปี หาดนั่นจึงมอบให้นิสาลูกสาวคนเล็ก ผู้หญิงที่ไม่เคยทำธุรกิจอะไรเลย แถมไม่ได้เรียนบริหารมาโดยตรง และดูเหมือนนายหัวคนปัจจุบันอย่างนนท์กานต์ก็ไม่เข้ามายุ่งวุ่นวาย เขาจะหลอกล่อเธอไปทางไหนก็ได้
เพิร์ลเกสต์เฮาส์บังทิวทัศน์ทะเลของบุริมแกรนด์โฮเทล รีสอร์ทแอนด์สปา เมื่อวันใดเขาได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ เขาจะทุบมันทิ้งให้สิ้นซาก
กฤษฎาปรายตามองลงต่ำ บังกะโลเก่าสีขาวอมเทา ขาดการบำรุงรักษา ยิ่งถูกลมทะเลยิ่งเสื่อมโทรมไวกว่าบ้านเรือนบนแผ่นดินใหญ่
เขาไม่ให้ราคาเจ้าของกิจการที่ไม่รู้จักพัฒนาและเปลี่ยนแผนดำเนินการธุรกิจ คนอย่างนิสาไม่ควรมาบริหารอะไร เธอบริหารธุรกิจเหมือนตำพริกละลายแม่น้ำ จ่ายเงินออกไปเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่มีกำไรกลับมาเลย เพียงแค่ต้องการเลี้ยงพนักงานเก่าแก่เอาไว้ สิ้นคิด ถ้าขายเขาดีๆ ตั้งแต่แรกคงไม่ขาดทุนสะสมมาขนาดนั้น
“นายครับ เรื่องที่ให้ไปจัดการเรียบร้อยแล้วครับ” กิตติ เลขาหนุ่มพ่วงด้วยตำแหน่งบอดี้การ์ดประจำตัวของกฤษฎา เดินเข้าแจ้งเจ้านายในสิ่งที่ถูกให้ไปจัดการเร่งด่วน
“อย่าให้ใครหน้าไหนมาเสนอราคาให้นิสา อ้อ แล้วก็ไปสั่งให้คนขึงผ้าใบสูงขึ้นอีก” กฤษฎาหมุนชี้ไปยังผ้าใบก่อสร้างที่ขึงล้อมเพิร์ลเกสต์เฮาส์เอาไว้ เขาไม่ได้คิดจะสร้างอะไร แค่ขึงกางเอาไว้บังทัศนวิสัยของเพิร์ลเกสต์เฮาส์ ไม่ต้องเป็นคนตาบอดก็ดูออกว่าสองสถานที่นี้ไม่ถูกกัน แล้วนักท่องเที่ยวที่ไหนจะมาพักในที่พักที่กำลังมีข้อพิพาทกันอยู่
กิตติเบิกตาโพลง สูงกว่านี้ก็…
“ใช่ ผมอยากให้เงาจากผ้าใบก่อสร้างสูงจนแดดไม่โดนเพิร์ลเกสต์เฮาส์” กฤษฎาชิงตอบก่อนที่เลขาจะถาม เขารู้ว่าตอนนี้กิตติคิดอย่างไรอยู่ เขาเป็นคนแบบที่กิตติคิดนั่นละ
ใช่ เขาเลือดเย็น
"ครับนาย"