ตอนที่1
ตอนที่1
“ยังไม่นอนอีกเหรอนิ” เสียงทุ้มเอ่ยมาจากด้านหลัง
หญิงสาวเอี้ยวตัวหันไปตามเสียง ส่งยิ้มเจื่อนให้ร่างสูงที่ยืนพิงขอบประตูมองตรงงมาที่เธอ
“นิทวนสัญญาที่จะเซ็นพรุ่งนี้อยู่ค่ะ”
“เลขานิทำงานไม่รอบคอบหรือไง ถึงให้เจ้านายมานั่งอ่านและเตรียมสัญญาจนดึกดื่นขนาดนี้ ถ้ามีเลขาแล้วไม่ได้ช่วยแบ่งเบาภาระก็ไล่ออกเถอะ” นนทกานต์เอ่ยเสียงเข้มหมู่นี้เขาเห็นน้องสาวทำงานจนดึกดื่นทุกคืน จนอดที่จะเป็นห่วงสุขภาพไม่ได้
“โธ่ พี่นนท์ คุณภาเขาก็ทำงานดีรอบคอบ แต่การเซ็นสัญญาครั้งนี้สำคัญจริง ๆ มันชี้เป็นชี้ตายที่ชีวิตของเพิร์ลเกสเฮ้าส์เลยนะคะ” มันสำคัญจริง ๆ หากการเซ็นสัญญาครั้งนี้ล้มเลว กิจการที่คุณพ่อมอบเป็นมรดกให้เธอก่อนตายต้องเจ๊ง แค่ธุรกิจเจ๊งสำหรับนิสาแล้วไม่ได้กระเทือนชีวิตและความเป็นอยู่สักเท่าไร เธอยังมีหุ้นส่วนหนึ่งของฟาร์มไข่มุกของตระกูลมิตรเสนา แต่ที่เธอห่วงคือพนักงานที่ร่วมบุกเบิกกับคุณพ่อต่างหาก หากธุรกิจต้องปิดตัวลงแล้วพนักงานอีก 50 กว่าชีวิตจะทำอย่างไร โยกย้ายไปทำงานที่ฟาร์มไข่มุกก็เท่ากับพลักภาระให้พี่ชายของเธอ
“เราตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมที่จะขาย” นนทกานต์ถามน้องสาวอีกครั้งเพื่อความมั่นใจว่าเธอจะขายสมบัติที่พ่อทิ้งไว้ให้เธอจริงๆ เหรอ
“ถ้ายื้อออกไปอีกต้องเจ๊งแน่นอนค่ะ ยังไงก็ไม่รอด นิมองไม่เห็นทางออกอื่นเลยจริงๆ ” นิสาถอยหายใจ ธุรกิจที่บิดามอบให้ก่อนเสียชีวิตเธอทำมันพังคามือของเธอเอง บิดาของเธอคือนายหัวบวชนนท์ มิตรเสนา เจ้าของฟาร์มไข่มุก แต่ด้วยความต้องการของตลาดเปลี่ยนแปลงไปกิจการที่เคยรุ่งเรืองก็เริ่มถดถอย ไม่ได้ถึงกับแย่แต่ก็ทรง ๆ นายหัวบวชนนท์ จึงแตกธุรกิจออกมาอีกหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือเกสเฮ้าส์ริมทะเล แรกเริ่มทันก็ทำท่าจะดำเนินธุรกิจไปด้วยดี เงินหมุนเวียนพอช่วยเหลือจุนเจือพนักงานและหลายๆ ครัวเรือนที่ไม่ทิ้งบ้านเกิดไปทำงานบนแผ่นดินใหญ่ แต่หลังจากที่บิดาเสียชีวิตลง ธุรกิจที่ว่าส่งต่อมาถึงมือเธอลูกสาวคนเล็ก นิสาได้เพิร์ลเกสเฮ้าส์และหุ้นของฟาร์มไข่มุก20% ส่วนพี่ชายอย่างนนท์การณ์ได้ฟาร์มไข่มุกของครอบครัวไปดูแล พ่อไม่ได่ลำเอียง เพราะฟาร์มไข่มุกเป็นพี่ลายที่ดูแลมาตลอด เธอแค่คอยเข้าไปช่วยเหลืองานเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
“ถ้านิไม่อยากขาย พี่จะซื้อเอาไว้ดีไหม” นนท์การ์ณเสนอทางเลือกให้น้องสาว
นิสาส่ายหัว “ถึงนิจะโง่เรื่องการทำธุรกิจ แต่นิก็รู้ว่าที่พี่นนท์ดูแลอยู่ก็ตึงมือแล้ว” หากเธอขายเพิร์ลเกสเฮ้าส์ให้พี่ชายมาอุ้มธุรกิจที่เธอทำพัง จากที่เธอจะพังคนเดียวแต่เพิร์ลเกสเฮ้าส์จะลากฟาร์มไข่มุกมิตรเสนาลงเหวด้วย
“ปีแรก ๆ มันก็มีแต่กำไร เพราะไอ้พวกนายทุนนั่นมากว้านซื้อที่ของชาวบ้านสร้างรีสอร์ต ทำให้ไม่ค่อยมีคนมาพักเกสเฮ้าส์ของนิ” นนท์การ์ณถอยหายใจแรกเริ่มเขาก็ไม่สนับสนุนให้ทำหรอกเกสเฮ้าส์ แต่เพราะบิดาต้องการกำไรเพิ่มขึ้น เนื่องจากฟาร์มไข่มุกกำไรน้อยลง
“อย่าไปโทษใครเลยค่ะพี่นนท์ ชาวบ้านเห็นว่าราคาขายมันดีเขาก็ต้องขาย เพื่อปากท้อง เพื่อส่งลูกหลานไปเรียนที่แผ่นดินใหญ่ เป็นนิต่างหากที่บริหารไม่ดี ถ้านิเชื่อพ่อยอมเรียนบริหารไม่ใช่วาดรูป นิคงพอจะประคองสมบัติที่พ่อมอบให้นิได้”
“นิ พอๆ ไม่คุยเรื่องเครียด แค่นี้นิก็เครียดมากพอแล้ว ไปนอนพักผ่อนพรุ่งนี้จะได้มีแรงต่อราคาให้ได้กำไร”
“ฮ่าๆ พี่นนท์พูดเหมือนนิจะไปขายปลาหมึกที่เพิ่งตกมาจากทะเลต้องขายให้ได้กำไร แค่พรุ่งนี้ทางนู้นรับสัญญาที่นิเสนอไปนิก็ดีใจแล้ว อย่างน้อยๆ มันยังพอต่ อลมหายใจพนักงานของนิได้”
“พี่เชื่อว่าสัญญาที่นิเขียนยุติธรรม และทางนั้นต้องยอมรับข้อเสนอขอนิแน่นอน น้องสาวพี่เก่งอยู่แล้ว” นนท์การ์ณยอมรับการตัดสินใจของนิสา สมบัตินอกกายเขาไม่ได้เสียดายเลย ขายๆ ไปก็ดี 5-6 ปีแล้ว ที่รอยยิ้มของนิสาเปลี่ยนไปแม้เธอจะอ่อนโยนและยิ้มแย้มตลอดเวลา แต่น้องสาวเขาไม่เคยยิ้มออกมาจากดวงตาคู่สวยนั่นเลยสักครั้ง ยิ้มแต่ไม่เต็มดวงตายิ้มที่พอมองเข้าไปในนั้นมันเศร้าๆ เขาไม่เคยถามว่าน้องมีเรื่องราวอะไรในใจ เพราะอยากให้เธอเป็นฝ่ายมาระบายกับเขาเอง แต่รอแล้วรอเล่าเธอก็ไม่เคยพูดมันออกมาเลย จนทุกวันนี้รอยยิ้มนั้นไม่เศร้าอีกต่อไป ก็ดีแล้ว
“พี่นนท์ไปพักผ่อนเถอะค่ะ นิอ่านจบรอบนี้ก็ว่าจะนอนแล้วค่ะ”
“ฝันดี” ริมฝีปากหนาจุมพิตลงบนหน้าผากมนอย่างแสนรัก
“ฝันดีค่ะพี่นนท์”
หลังจากเสียมารดาไปตั้งแต่เธอยังเด็ก นิสาก็โตมาท่ามกลางผู้ชาย บิดา พี่ชายและคนงานในฟาร์มไข่มุก
พอบิดามาทำเพิร์ลเกสเฮ้าส์ ก็เริ่มมีพนักงานผู้หญิงมากขึ้น นิสาจำได้ว่าตอนที่เรียนจบแล้วกลับมายังเกาะไข่มุก เห็นเกสเฮ้าส์เรียงรายตามแนวยาวของเกาะ บังกะโลสีขาวน้ำทะเลสีฟ้าสดใสแสงแดดที่กระทบผิวน้กส่องประกายระยิบระยับภาพในวันนั้นเธอยังจำได้ไม่เคยลืม จะลืมได้อย่างไรเธอบันทึกภาพนั่นเอาไว้บนผืนผ้าใบผืนใหญ่ที่เธอเป็นคนระบายภาพความประทับใจในครั้งนั้นด้วยปลายฝีแปรงของเธอเอง นิสาแต่งแต้มวาดภาพคนเติมคนในครอบครัวลงไปจนภาพนั้นสมบูรณ์