บทที่ 2
เสียงชัดเตอร์ดังขึ้นถี่รัวไม่หยุด ขณะที่เลนส์กล้องจับจ้องไปที่หญิงสาวผมยาวเป็นลอนสีดำสนิท ซึ่งอยู่ในชุดเครื่องแต่งกายของสาวอาหรับสีเหลืองทองขลิบด้วยดิ้นไหมสีเงินที่สวยงดงาม ตัวเสื้อนั้นเป็นเสื้อเกาะอกที่ปกปิดเพียงบริเวณทรวงอกเท่านั้น เพื่อเผยให้เห็นเอวคอดและสัดส่วนได้รูป รวมถึงเนินอกที่ดูจะมีมากกว่านางแบบคนอื่นๆ สำหรับตัวกระโปรงนั้นเป็นกระโปรงยาวกรอมเท้าเข้ารูปสีเดียวกับตัวเสื้อ เอวต่ำแนบไปกับลำตัวด้านบนเพื่อเน้นสะโพกงาม และบานตรงช่วงปลายเพื่อความคล่องตัวในยามเคลื่อนไหว รวมไปถึงเนื้อผ้าบางเบาที่ใช้สำหรับพาดกลับขึ้นไปตรงช่วงไหล่ และปล่อยชายผ้ายาวไปทางด้านหลังสร้างความเซ็กซี่เย้ายวนตา พร้อมกับเครื่องประดับชุดใหญ่ที่เข้ากับชุดแต่งกาย
แขนและขาที่เรียวเล็กของเธอประกอบกับผิวขาวอมชมพูเนียนใสทำให้ไอยวริญท์ดูเป็นคนบอบบาง ขณะที่เอวคอดเล็กและสะโพกผายกลับทำให้เธอดูเซ็กซี่จนไม่อาจที่จะละสายตาจากร่างบางที่น่าหลงใหลของเธอได้
อีกทั้งใบหน้าเรียวสวยที่ถูกตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนเหมาะกับชุดที่เธอสวมใส่ รวมไปถึงท่าทางการโพสต์ท่าแบบมืออาชีพให้กับช่างภาพนั้น ราวกับเป็นอิริยาบทที่เธอทำอยู่เป็นประจำเพราะดูเป็นธรรมชาติ เรียวปากบางแย้มยิ้มให้กับกล้องอย่างรู้จังหวะและมุมกล้องเป็นอย่างดี นัยน์ตาคมกริบสีดำสนิทที่กรีดด้วยอายไลน์เนอร์สีดำนั้นทอประกายเจิดจ้ายามต้องแสงอาทิตย์
ดวงหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มและประกายตาที่อ่อนโยนมองตามกล้องอย่างชำนาญ
ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงงานทุกอย่างก็เสร็จสิ้นลงเป็นอันจบงานถ่ายแบบในวันนี้ จะเหลือก็แต่เพียงงานเดินแบบในค่ำคืนนี้เท่านั้น และในวันพรุ่งนี้ก็จะมีงานถ่ายแบบอีกครั้งแต่คราวนี้เป็นการถ่ายแบบในสตูดิโอ และถ่ายตามสถานที่ต่างๆ ที่ทางทีมงานได้จัดเตรียมไว้ แต่จะไม่ร้อนหฤโหดแบบในวันนี้อีกแล้วซึ่งไอยวริญท์ก็ดูจะพึงพอใจ เธอไม่ชอบการถ่ายแบบในทะเลทรายท่ามกลาวเปลวแดดที่ร้อนแรงมากแบบนี้
ด้วยเกรงว่าไอแดดที่ร้อนแรงจะมีผลกระทบต่อผิวเนียนใสของเธอ จากนั้นหญิงสาวและผู้จัดการส่วนตัวก็เดินตรงไปขึ้นรถคันหรูที่มาจอดรอรับเธอ และพาพวกเธอเดินทางกลับโรงแรมที่พัก
หลังจากที่ไอยวริญท์เสร็จสิ้นจากการทำสปาเธอก็อารมณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะการได้พักผ่อนแม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่สองชั่วโมง แต่ก็ทำให้เธอพร้อมที่จะลุยงานเดินแบบในค่ำคืนนี้ต่อได้ทันที
ซึ่งงานนี้ถือเป็นงานการ่าดินเนอร์การกุศลที่จัดได้ยิ่งใหญ่เริดหรูอลังการที่สุดเท่าที่รัฐอัลบาฮาร์เคยจัดมา เพราะงานนี้ได้มีการจ้างนางแบบชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อมาร่วมเดินแบบในค่ำคืนนี้ และไอยวริญท์ก็เป็นหนึ่งในนางแบบอินเตอร์จำนวนนั้น แต่เป็นนางแบบหนึ่งเดียวที่มาจากประเทศไทยซึ่งถือเป็นประเทศในแถบเอเซีย ในขณะที่นางแบบคนอื่นๆ นั้นเป็นนางแบบที่มาจากยุโรปและอเมริกา นั่นอาจเป็นเพราะความสูงของไอยวริญท์ที่สูงเกินมาตรฐานของหญิงไทย ความสูงของเธอนั้นเทียบเท่านางแบบที่มาจากฝั่งยุโรปและอเมริกาได้อย่างสบาย
แต่สิ่งที่ทำให้เธอเหนือกว่านางแบบคนอื่นๆ น่าจะเป็นส่วนโค้งส่วนเว้าที่ดูสมส่วนได้รูป ประกอบกับความสวยที่โดดเด่นและดูมีเสน่ห์โดยเฉพาะในยามที่เธอยิ้ม ในขณะที่นางแบบคนอื่นมีดีที่ความสูงแต่เพียงอย่างเดียวแต่ผอมแห้งอย่างกับไม้กระดานซึ่งต่างจากไอยวริญท์ และสิ่งนี้เองที่ทำให้ไอยวริญท์ได้รับค่าตอบแทนสูงกว่านางแบบคนอื่นๆ
และเนื่องจากนางแบบอินเตอร์ที่ถูกจ้างมานั้นมีความเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องมีการซ้อมเดินบนแคทวอร์คมากนัก ทุกคนจึงมาก่อนเวลางานเริ่มเพียงไม่นานและมาซ้อมเดินเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นต่างก็แยกย้ายกันไปแต่งหน้าทำผมเพื่อรอเวลาเริ่มงาน ไอยวริญท์ได้ถูกวางตัวให้เดินในชุดฟีนาเร่ซึ่งเป็นชุดที่เด่นที่สุดของงาน เมื่อประธานในพิธีนี้เดินทางมาถึงสถานที่จัดงาน และได้เข้าพักที่ห้องพักรับรองส่วนตัวนั้น ทางทีมงานก็ได้พานางแบบอินเตอร์ที่จะมาเดินแบบในค่ำคืนนี้เข้าพบบุคคลสำคัญคนดังกล่าว
ในตอนแรกมีข่าวว่าชีคเฮดัสซินจะเดินทางมาเป็นประธานในงานนี้พร้อมกับภริยาสุดที่รัก แต่เพราะมีงานสำคัญเร่งด่วนเข้ามาแบบกะทันหัน จึงทำให้ต้องยกเลิกกำหนดการในการเดินทางมาเป็นประธานในงานการ่าดินเนอร์การกุศลที่สำคัญในค่ำคืนนี้ และได้มอบหมายให้ฮาริมาภรรยาสุดที่รักเดินทางมาทำหน้าที่นี้แต่เพียงลำพัง
ทางทีมงานได้แนะนำให้นางแบบทุกคนรู้จักกับบุคคลสำคัญที่สุดของงานนี้ ซึ่งฮาลิมาเองก็ได้เอ่ยปากทักทายทุกคนอย่างไม่ถือตัวว่าตนเองนั้นเป็นถึงภริยาของชีคผู้นำรัฐอัลบาฮาร์ จนกระทั่งเธอเดินมาหยุดทักทายไอยวริญท์ซึ่งยืนอยู่ท้ายสุด แต่ก็สะดุดตาผู้พบเห็นมากที่สุดเพราะนอกจากเธอจะมีความสวยที่โดดเด่นแล้ว เธอยังมีรูปร่างที่สมส่วนมีส่วนโค้งและส่วนเว้าในแบบฉบับที่ผู้ชายชอบ
ฮาลิมาพูดคุยกับไอยวริญท์นานกว่านางแบบคนอื่นๆ เพราะเธอรู้สึกชื่นชอบและถูกชะตากับหญิงสาวผู้นี้อย่างบอกไม่ถูก หลังจากทำความรู้จักกันแล้วก็ได้เวลาที่นางแบบจะต้องไปเตรียมเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเพื่อที่จะไปเดินแบบในค่ำคืนนี้
ส่วนฮาลิมาเองก็ต้องไปปรากฏตัวในฐานะประธานของงานเลี้ยงการ่าดินเนอร์การกุศลในครั้งนี้เช่นกัน โต๊ะของเธอถูกจัดให้นั่งอยู่หน้าสุดและแขกที่จะร่วมโต๊ะด้วยนั้นล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลสำคัญของรัฐ หนึ่งในนั้นคือชายวัยกลางคนร่างท้วมนามอัสฟา ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ดูแลผลประโยชน์อันมหาศาลของพี่คามินญาติผู้พี่ และเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เธอเหลืออยู่ ฮาลิมาเอ่ยปากทักทายอัสฟาอย่างเป็นกันเองโดยไม่ถือตัวว่าเป็นภรรยาของชีคเฮดัสซิน เธอและพี่ชายต่างก็ให้ความเคารพนับถือชายผู้นี้เสมือนญาติผู้ใหญ่ของตน และเรียกเขาว่าลุงอัสฟาหรือท่านลุงมาโดยตลอด
“ตอนนี้พี่คามินอยู่ที่ไหนคะท่านลุง” ฮาลิมาเอ่ยถามชายสูงวัยถึงพี่ชายของเธอ เพราะมีแต่เขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะทราบว่าพี่คามินกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน และถ้ามีเรื่องสำคัญจะติดต่อกับพี่ชายคนนี้ได้อย่างไร
“ถ้าให้ลุงเดาเขาก็คงจะกำลังสุขสำราญอยู่กับนางแบบนู้ดชื่อดังอยู่ที่ปารีสหรือไม่ก็มิลานล่ะมั้ง”
“แม้แต่ลุงอัสฟาก็ยังไม่ทราบหรือคะว่าพี่คามินอยู่ที่ไหน”
“ถ้าจะต้องตามตัวเขาขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่เกินความสามารถของลุงหรอกฮาริมา เพียงแต่ว่าในตอนนี้ยังไม่มีอะไรสำคัญเร่งด่วนถึงขนาดต้องควานหาตัวเขา ลุงก็เลยไม่อยากไปขัดความสำราญส่วนตัว มิฉะนั้นพายุทอนาโดลูกใหญ่อาจจะพัดมาที่อัลบาฮาร์โดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว”
และทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน เพราะสิ่งที่ลุงอัสฟาพูดถึงคามินในยามที่เขาถูกขัดใจนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
จากนั้นทั้งคู่ก็หันไปให้ความสนใจกับการแสดงแฟชั่นโชว์ตรงหน้า ฮาลิมาบอกกับอัสฟาว่ามีนางแบบคนหนึ่งสวยสะดุดตามาก ดูเหมือนจะเดินทางมาจากประเทศไทย ถ้าพี่ชายของเธอเห็นเข้าล่ะก็คงจะต้องถูกใจแน่ อัสฟาตอบฮาลิมากลับไปว่าสำหรับรายนั้นขอให้เป็นผู้หญิงที่สวยและเซ็กซี่ก็ถูกใจทั้งนั้น เพียงแต่คบกับใครไม่ได้นานเพราะเป็นคนที่เบื่อง่าย