บทที่ 11
หยางหลิ่งเซ่อได้ยินข้อเสนอนั้นก็ตาลุกวาวด้วยความสนใจ ในใจเต็มไปด้วยความโลภ เขานิ่งไปสักพักพยายามจะคิดให้ถ้วนถี่
“ท่านพี่ วันนี้เทพการเสี่ยงดวงอยู่ข้างท่านแล้ว ตกลงไปเลยสิเจ้าคะ”
จ้าวเซิ่งเหม่ยไม่รอช้ารีบกระซิบข้างหูผู้เป็นสามีเสียงหวาน ริมฝีปากบางที่แต้มชาดสีแดงเข้มยิ้มกว้างให้สามี ดวงตาทอประกายอย่างเชื่อมั่นในตัวเขา
เพียงเท่านั้นหยางหลิ่งเซ่อที่จิตใจเป็นทาสการพนันอีกทั้งได้รับความเชื่อใจจากอนุจ้าวมาประสมโรงด้วยก็เอ่ยตกปากรับคำออกไปอย่างไม่ยั้งคิดอีกต่อไป
“ตกลงขอรับพี่เขย ข้าจะพนันกับท่าน”
คำตอบของหยางหลิงเซ่อเรียกรอยยิ้มชอบใจจากสองพี่น้องสกุลจ้าวได้เป็นอย่างดี
รถม้าของตระกูลหยางกำลังแล่นตรงสู่บ้านตระกูลหยางภายในห้องโดยสารซึ่งมีหยางหลิงเซ่อและจ้าวเซิ่งเหม่ยนั่งอยู่ภายในเงียบกริบ มีเพียงเสียงถอนหายใจของชายวัยกลางคนดังขึ้นเป็นระยะเท่านั้น
“จะทำอย่างไรดีเซิ่งเหม่ย ข้าหมดตัวแล้ว โอ๊ยอยากจะบ้าตาย”
เถ้าแก่หยางใบหน้ายังคงซีดเผือดไม่หาย หลังจากที่นักพนันคนที่เขาเลือกนั้นดันแพ้ในตาสุดท้ายตอนชิงผลแพ้ชนะ ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องกลายเป็นคนหมดตัวภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยามด้วยซ้ำ
ชายวัยกลางคนลูบหน้าตัวเองไปมาอย่างกลัดกลุ้มคิ้วหนาขมวดมุ่นจนแทบจะถูกเป็นโบว์ รอยเหี่ยวย่นบนหน้าผากปรากฏชัดยิ่งกว่าวันไหน ๆ ภาพที่วาดฝันไว้ว่าจะได้เป็นเจ้าของสิทธิ์ขาดการค้าเกลือหายวับไปกับตา
เท่านั้นยังไม่พอตอนนี้แม้แต่บ้านหรือทรัพย์สินที่มีอยู่ก็จะต้องถูกยึดไปทั้งหมดเพราะเขาดันคิดน้อยเอาทุกอย่างที่มีไปพนันกับจ้าวจื่อหานผู้เป็นพี่เขย
แม้จะนึกอาลัยอาวรณ์ทรัพย์สมบัติและกิจการแต่ไม่มีแม้แต่เสี้ยวเดียวที่เถ้าแก่หยางหลิงเซ่อผู้นี้จะนึกไปถึงหยางอิงฮวาบุตรสาวเพียงคนเดียวของตน
เช้าวันต่อมาหลังจากที่หยางหลิ่งเซ่อได้แพ้การพนันให้กับจ้าวจื่อหาน ชีวิตของชายวัยกลางคนก็แปรเปลี่ยนไปในชั่วข้ามคืน
จ้าวเซิ่งเหม่ยออกปากชวนผู้เป็นสามีที่เอาแต่คร่ำครวญไม่หยุดเนื่องจากทนความอับอายไม่ไหวให้หนีไปกับตน ทิ้งความอับอายที่เสียพนันจนสิ้นเนื้อประดาตัวไว้เบื้องหลัง
ข้อเสนอที่น่าสนใจนี้มีหรือว่าคนอย่างหยางหลิ่งเซ่อจะปฏิเสธ เงินเก็บที่ไม่ได้อยู่ในบัญชีของตระกูลหยางก็พอมีอยู่บ้าง คนเห็นแก่ตัวจึงรีบเก็บข้าวของที่ไม่มีในบัญชีหนีตามคำชวนของอนุจ้าวไปตั้งแต่เช้ามืด
ทิ้งหยางอิงฮวาบุตรสาวเพียงคนเดียวไว้เบื้องหลังกับนานาปัญหาที่จะตามมาอีกนับไม่ถ้วนได้อย่างไม่แยแสแม้แต่นิด
เช้าวันนี้หยางอิงฮวาตื่นมาด้วยความรู้สึกประหลาดนางรู้สึกวูบโหวงในอกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อีกทั้งดวงตาขวาก็เอาแต่กระตุกไม่เลิก แม้แต่อิ๋งอิ๋งที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็สามารถสังเกตเห็นได้
“คุณหนูสีหน้าไม่ดีเลยเจ้าค่ะ รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ”
“ข้ารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่น่ะ ไป พวกเรารีบไปกันเถอะเดี๋ยวจะเลยเวลานัดเสียก่อน”
ร่างของหญิงสาวในชุดฮั่นฝูสีชมพูอ่อนที่รัดติ้วกว่าหญิงอื่น เดินนำบ่าวคนสนิทออกมาจากเรือนของตน ก่อนจะ
เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อมองไปไม่เห็นรถม้าของท่านพ่อจอดอยู่เหมือนเช่นเคย
“ไปไหนแต่เช้ากันนะ”
หยางอิงฮวาคิดในใจแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักเพราะวันนี้นางได้นัดหมายกับนักสืบที่ตนจะจ้างให้ไปตามหาเหลียงอานฉีที่หน้าประตูเมืองจึงต้องรีบไป
ยังไม่ทันที่เท้าบางของคุณหนูหยางผู้ซึ่งยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเหลียงอิ๋งอิ๋งบ่าวคนสนิทจะก้าวพ้นธรณีประตู
รถม้าคันหนึ่งก็แล่นเข้ามาจอดตรงหน้าหญิงสาวทั้งสองคนเสียก่อน หยางอิงฮวาจึงจำใจต้องหยุดยืนตรงนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้