บทที่ 3 องค์รัชทายาทผู้ทนทุกข์
บทที่ 3 องค์รัชทายาทผู้ทนทุกข์
เขาเหลียนหยาง
"นายท่านขอรับ วันนี้เราปล้นมาได้หลายจวนเลยขอรับ ระยะนี้อากาศค่อนข้างร้อน เหล่าขุนนางเดินทางมาที่บ้านสวนบนเขากันเยอะเหมือนเช่นที่นายท่านบอกเอาไว้จริง ๆ"
"ดี จำให้ขึ้นใจ ปล้นจวนขุนนางที่ชอบโกงกินราษฎร เอาให้มันหลาบจำ พวกเจ้าต้องระวังตัวด้วยเล่า ยามนี้เราควรหยุดพักเสียก่อน ไว้ข้าสั่งให้ออกปล้นจวนใด ค่อยไปทำ"
"ขอรับนายท่าน"
"ออกไปได้"
สิ้นคำพูดที่ดุดันและน่าเกรงขาม ลูกน้องโจรที่เข้ามารายงานความเป็นไป ก็รีบเดินออกไปจากเรือนทันที
หานอวี้ที่เห็นเช่นนั้นจึงเอ่ยขึ้นมา
"นายน้อยขอรับ เวลาเพียงไม่กี่เดือน ท่านก็สามารถขึ้นเป็นหัวหน้าโจรภูเขาได้สำเร็จ ข้านับถือท่านยิ่งนัก"
"เจ้าอย่าชมข้าให้มากนัก ข้าเบื่อจริง ๆ คำชมจอมปลอมพวกนี้"
หานอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มตาหยี ก่อนจะเอ่ยกับมู่หรงเจวี๋ยอีกครา
"องครักษ์เงาที่นายน้อยส่งให้ไปสืบความ ได้เรื่องมาแล้วนะขอรับ"
"ว่าอย่างไร?"
"อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เหล่าไท่ฮูหยิน และคุณหนูของจวนตระกูลหนิงจะเดินทางมาไหว้พระขอพรที่วัดเหลียนซาน เพื่อเป็นฤกษ์ดีก่อนที่คุณหนูใหญ่หนิงเซียนจะอภิเษกกับองค์รัชทายาทขอรับ"
"ดี จงเตรียมการให้พร้อม ข้าจะจัดการลักพาตัวหนิงเซียนมาในวันนั้น ข้าจะทำให้รองแม่ทัพหนิง อ้อ ไม่ใช่สิ ยามนี้ต้องเรียกว่าแม่ทัพใหญ่หนิง เจ็บปวดทรมานใจที่ได้รู้ว่าบุตรสาวอันเป็นที่รัก หายตัวไปก่อนวันแต่งงานอย่างไร้ร่องรอย รอให้เวลาผ่านพ้นไป เราค่อยส่งนางกลับจวนในสภาพที่ทุเรศเสียหน่อย ผู้ใดจะเชื่อกันเล่าว่านางยังบริสุทธิ์อยู่"
มู่หรงเจวี๋ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ ก่อนจะแสยะยิ้มชวนขนหัวลุกออกมา
เริ่มจากบุตรสาวอันเป็นที่รักก่อน จากนั้นคนในจวนตระกูลหนิงก็จะทยอยล่มจมไปทีละคน!!!
ในเมื่อกฎของศาลต้าหลี่เอาผิดคนชั่วไม่ได้ เขาก็จะใช้กฎเถื่อนจัดการพวกมันด้วยตนเอง!!!
วังหลวง
"ทูลองค์รัชทายาท ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้พระองค์เสด็จไปเข้าเฝ้าที่ห้องทรงอักษรโดยด่วนพ่ะย่ะค่ะ"
"ข้ารู้แล้ว"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ขันทีที่มารายงานจึงรีบจากไปทันที
หยางเซียวหลิ่นยืนเหม่อมองออกไปที่ด้านนอกหน้าต่างของตำหนัก ในมือของเขาถือผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งที่ปักตัวอักษรคำว่าหลินเอาไว้
มู่หรงหลิน สตรีอันเป็นที่รักของเขา
สตรีที่เขาหมายมั่นตั้งใจว่าจะต้องแต่งงานกับนางให้ได้ เขาจะเป็นฮ่องเต้ ส่วนนางจะต้องได้เป็นมารดาของแผ่นดิน ใช้ชีวิตเคียงคู่กันตราบชั่วนิจนิรันดร์
แต่สุดท้ายนางก็ถูกประหารจนต้องตายจากเขาไป เขาเฝ้าตามหาศพของนางแต่กลับไม่พบ
เขาไม่เชื่อว่าตระกูลมู่หรงจะคิดก่อกบฏ เขาไม่เคยเชื่อเลยแม้แต่น้อย แต่เขาไม่อาจทำสิ่งใดได้ นอกจากทนมองดูคนที่ตนรักตายจากไป
เขาเก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเอาไว้ในแขนเสื้อ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องทรงอักษรของผู้เป็นบิดาในทันที
"ถวายพระพรเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ"
"เซียวหลิ่นเจ้ามาก็ดีแล้ว พ่อหาฤกษ์ยามอภิเษกสมรสให้เจ้ากับหนิงเซียนได้แล้ว ต้นวัสสานฤดูที่กำลังจะมาถึง ถือเป็นฤกษ์ดี เจ้าเห็นเป็นอย่างไร"
หยางเซียวหลิ่นยืนฟังด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใดทั้งสิ้น ฮ่องเต้หยางเฉวียนที่ได้เห็นเช่นนั้น จึงเอ่ยกับพระโอรสด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
"เซียวหลิ่น สตรีที่เจ้าอยากแต่งด้วย ยามนี้นางไร้ศักดิ์ บิดานางเป็นกบฏ ไม่คู่ควรกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย"
"เสด็จพ่อคิดว่าตระกูลมู่หรงเป็นกบฏจริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ!!!"
"เซียวหลิ่น เจ้าอย่ารื้อฟื้นเรื่องเก่าขึ้นมาอีกเลย"
"เสด็จพ่อทรงเชื่อแต่หนิงฮองเฮา!!! แต่ไม่เชื่อทหารคู่ใจที่ร่วมรบกับเสด็จพ่ออย่างนั้นหรือ!"
"เซียวหลิน!!! หนิงฮองเฮานางเป็นมารดาของเจ้า!!!"
"นางไม่ใช่มารดาของลูก เสด็จพ่อก็รู้ว่ามารดาที่แท้จริงของลูกคืออดีตฮองเฮาที่ป่วยตายหลังจากคลอดลูกออกมา หนิงฮองเฮาเองก็เพิ่งเสียบุตรในครรภ์ไปในยามนั้นเช่นเดียวกัน นางจึงรับลูกมาเลี้ยง เพราะหวังจะใช้ผลประโยชน์จากลูกให้ตนเองได้ขึ้นเป็นฮองเฮาแทนเสด็จแม่ของลูก!!!"
เพียะ!!!
"หุบปากของเจ้าเสีย ที่เจ้ามาถึงตำแหน่งองค์รัชทายาทได้เพราะผู้ใดกัน ไม่ใช่เพราะนางเลี้ยงดูเจ้ามาหรอกหรือ! เจ้าควรขอบคุณน้องชายของเจ้าที่ชิงตายไปเสียก่อน เจ้าจึงได้มาอยู่ในตำแหน่งพระโอรสของฮองเฮาแทน!!!"
"ขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ ลูกจะจำเอาไว้ไม่ลืม"
หยางเซียวหลิ่นรู้สึกชาที่ใบหน้าของตนไม่น้อย เขาไม่คิดว่าเสด็จพ่อจะตบหน้าเขาได้ลงคอ แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ รีบหันหลังเดินออกจากห้องทรงอักษรไปทันที
ระหว่างทางเขาครุ่นคิดหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่นานมานี้เขาเพิ่งรู้มาว่า หนิงฮองเฮาแอบบังคับให้นางสนมทุกคนดื่มน้ำแกงคุมกำเนิด และหากสนมนางใดที่ตั้งครรภ์ขึ้นมาย่อมไม่ตายดีสักคน ท่านพ่อก็เอาแต่ยุ่งราชกิจไม่สนใจความเป็นไปในวังหลังเลยแม้แต่น้อย นั่นยิ่งทำให้หนิงฮองเฮาเหิมเกริมขึ้นทุกวัน
เดิมทียามอยู่ต่อหน้าเสด็จพ่อ หนิงฮองเฮาก็เสแสร้งทำดีกับเขา ยามที่ลับสายตาของเสด็จพ่อนางก็มักจะลงโทษเขาอยู่เสมอ ยามวัยเยาว์เขาเฝ้าคิดอยู่เสมอ ว่าเหตุใดเสด็จแม่ต้องลงโทษเขา เสด็จแม่ไม่รักเขาหรือ แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้รู้ความจริงบางอย่างเข้า
ยามนั้นเขามีอายุได้สิบสองปี กำลังกลับจากห้องตำรา เพื่อมุ่งหน้ามาหาเสด็จแม่ของตน แต่เขากลับได้ยินเสด็จแม่กำลังพูดจากับแม่ทัพใหญ่หนิง
"ข้าต้องฝืนทนเลี้ยงดูพระโอรสที่ไม่ใช่ลูกของตนมาร่วมหลายสิบปี ข้าเบื่อพี่ใหญ่"
"ฮองเฮาทรงอดทนหน่อยเถิด อีกไม่นานพระองค์ก็จะได้เป็นไทเฮาแล้ว"
"อีกเมื่อใดกัน หยางเซียวหลิ่นไม่ใช่บุตรแท้ ๆ ของข้า เขาเป็นพระโอรสที่เกิดจากอดีตฮองเฮาที่ข้าเกลียดชัง ส่วนบุตรของข้า...หึ!!! สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม ข้าอยากจะฆ่าหยางเซียวหลิ่นอยู่ทุกวัน หากไม่ใช่เพราะยังต้องใช้ประโยชน์จากมันทำให้ข้าได้มีอำนาจข้าไม่มีทางทน พี่ใหญ่ ตั้งแต่ครานั้นข้าก็ไม่ตั้งครรภ์อีกเลย จะทำเช่นไรดี"
"กระหม่อมจะหาหมอฝีมือดีมารักษาพระองค์ให้ได้พ่ะย่ะค่ะ"
"คงต้องรบกวนพี่ใหญ่แล้ว"
คำพูดในวันนั้นคล้ายมีดแทงใจของเขาราวหมื่นเล่ม เสด็จแม่ที่เขาเฝ้าเทิดทูนมาโดยตลอด แท้จริงต้องการจะสังหารเขาทุกวินาที
นางไม่ใช่มารดาบังเกิดเกล้าของเขา!!!
นับแต่วันนั้นมา เขาก็เย็นชาใส่หนิงฮองเฮามาโดยตลอด อีกทั้งยังให้ทหารคนสนิทไปตามสืบเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้าอย่างลับ ๆ จนได้รู้ว่าหนิงฮองเฮาได้ให้ประสูติพระโอรสเช่นเดียวกัน แต่เลือดเนื้อเชื้อไขของนางกลับตายไปเสียก่อน อีกทั้งยังเร่งรัดให้ทำพิธีฝังอย่างน่าประหลาดใจ
เขานำเรื่องนี้ไปเล่าให้เสด็จพ่อฟัง แต่คำตอบที่ได้มีเพียง
"เรื่องเก่าแต่หนหลังเจ้าจะรื้อฟื้นไปทำไมกัน จำไว้ นางคือมารดาที่เลี้ยงดูเจ้ามาอย่างยากลำบาก"
เขาไม่ยอมแพ้ยังคงให้องครักษ์ตามสืบหาศพพระโอรสที่ตายจากไปของหนิงฮองเฮาแต่กลับไม่พบร่องรอยใดใด แม้แต่หมอหลวงที่ทำคลอดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ครั้นจะขุดหลุมศพขึ้นมาพิสูจน์มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรกระทำ และเขาก็ไม่มีอำนาจมากพอที่จะทำเช่นนั้น
เขาจึงจำต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การดูแลของหนิงฮองเฮาและเรียกนางว่าเสด็จแม่อย่างกล้ำกลืนฝืนทน แล้วนางยังจะยัดเยียดหนิงเซียนหลานสาวของตนให้เข้าวังมาเป็นชายารัชทายาทอีก เขาแทบจะกระอักเลือดตายอยู่ทุกวัน!!!
มู่หรงเจวี๋ยสหายรักของข้า ข้าได้ยินว่าเจ้าหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ข้าจะต้องตามหาเจ้าให้พบ ข้าเชื่อมั่นในตัวเจ้า ว่าเจ้าไม่ใช่กบฏอย่างที่คนตระกูลหนิงกล่าวหา ข้าจะต้องหาเจ้าให้พบ แล้วล้างมลทินเลวร้ายครั้งนี้ให้กับเจ้าและคนตระกูลมู่หรงให้จงได้