บทย่อ
เพราะถูกใส่ร้ายจนต้องโทษอาญา จึงทำให้ตระกูลมู่หรงถูกลงโทษประหารทั้งตระกูล แต่ทว่า 'มู่หรงเจวี๋ย' อดีตแม่ทัพผู้เก่งกาจ กลับหนีรอดออกมาได้ เพราะความโกรธแค้นและต้องการเอาคืนตระกูลหนิงที่หักหลังตระกูลมู่หรง เขาจึงเร่ร่อนจนได้พบกับกลุ่มโจรป่าบนหุบเขา ด้วยความสามารถที่เก่งกาจจึงทำให้เขาล้มหัวหน้าโจรป่าคนเก่าได้และตั้งตนเป็นหัวหน้าโจรแทน เขาวางแผนลักพาตัวบุตรสาวของท่านรองแม่ทัพหนิงมาที่รังโจร เพื่อทรมานนางให้สาแก่ใจ สาสมกับที่ตระกูลหนิงทำกับตระกูลมู่หรงเอาไว้ จากนั้นค่อยตัดหัวนางส่งกลับไปที่จวนตระกูลหนิงเสีย! แต่ทว่าเหตุใดเขาจึงได้สตรีน้อยช่างเถียง แถมยังยั่วประสาทเขามาแทนกันเล่า และเมื่อได้ใกล้ชิดนางมากขึ้น เขากลับได้ล่วงรู้ถึงความลับที่แสนชั่วร้ายที่คนตระกูลหนิงซุกซ่อนเอาไว้ อีกทั้งเมื่อวันเวลาผ่านไป เขากับนางกลับเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดที่ยากจะอธิบาย ท่ามกลางความรักความแค้นนี้ เขากับนางจะฝ่าฟันมันไปได้หรือไม่
บทที่ 1 ตระกูลมู่หรง
บทที่ 1 ตระกูลมู่หรง
เมืองหลวงไท่เหลียง
รัชศก เฉวียน ปีที่ 50
ฮ่องเต้นามว่าหยางเฉวียน
จวนตระกูลมู่หรง
เสียงกรีดร้องโหยหวนปะปนผสมผสานมากับกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งไปทั่วทั้งจวน ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนาและสยดสยองในคราเดียวกัน เหล่าทหารต่างเงื้อดาบขึ้นสูง ก่อนจะฟาดฟันลงไปบนลำคอของอดีตแม่ทัพใหญ่ มู่หรงฟัง ตามมาด้วยภรรยาของเขา และมู่หรงหลินบุตรสาววัยเพียงสิบห้าปี อีกทั้งเหล่าบ่าวไพร่ก็ถูกขายทิ้งออกไปจากจวนจนหมด
"ตามหามู่หรงเจวี๋ยให้พบ!!!"
สิ้นเสียงพูดของ ท่านรองแม่ทัพหนิง เหล่าทหารต่างพากันออกตามหามู่หรงเจวี๋ยจนแทบจะพลิกแผ่นดิน
ยามนี้พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าลงแล้ว ปรากฏร่างของบุรุษผู้หนึ่ง ที่ยืนอยู่บนหน้าผาสูงชัน ดวงตาคมจ้องมองลงไปที่พื้นดินเบื้องล่าง ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงไท่เหลียง และจวนตระกูลมู่หรงของเขา
"ท่านแม่ทัพใหญ่ขอรับ นายท่านและฮูหยินใหญ่ และคุณหนู ถูกสังหารสิ้นแล้วขอรับ"
ไม่มีเสียงตอบรับจากมู่หรงเจวี๋ย เขากำมือแน่น หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่า หลั่งรินลงมาเป็นสาย เขามิเคยร้องไห้หรือเสียน้ำตาให้กับสิ่งใดแม้แต่น้อย แต่ในครั้งนี้มันเกินที่เขาจะรับไหว
จวนตระกูลมู่หรงเป็นจวนแม่ทัพที่สร้างความดีความชอบ ต่อสู้ปกป้องบ้านเมืองมาหลายชั่วอายุคน ท่านพ่อของเขาเป็นอดีตท่านแม่ทัพใหญ่ผู้บัญชาการทหารที่เก่งกาจที่สุด เมื่อท่านแก่ชราลง เขาจึงสานต่อเจตนารมณ์ของท่านพ่อ ด้วยการเป็นท่านแม่ทัพใหญ่ที่เก่งกาจไม่แพ้บิดาของตนเลยแม้แต่น้อย
ท่านแม่เป็นสตรีที่งดงามเหนือสตรีใดในใต้หล้า แม้จะเป็นเพียงสาวบ้านป่า แต่ท่านพ่อก็รักท่านแม่เพียงผู้เดียว อีกทั้งเขายังมีน้องสาวนามว่า มู่หรงหลิน นางกำลังจะได้เป็นว่าที่ไท่จื่อเฟยขององค์รัชทายาท ตระกูลมู่หรงดูเหมือนจะเพียบพร้อมไปด้วยอำนาจและบารมีเหนือจวนตระกูลอื่น จนกระทั่งถูกใส่ร้ายว่าตระกูลมู่หรงคิดก่อการกบฏ!!!
เมื่อปลายฤดูหนาวที่ผ่านมา เกิดสงครามระหว่างแคว้นขึ้น แคว้นม่อหยวนต้องการโจมตีเมืองหลวงไท่เหลียง เพื่อหวังแย่งชิงอำนาจและครอบครองตำแหน่งฮ่องเต้ไว้ในกำมือ เขากับท่านพ่อมุ่งหน้าสู้รบกับศัตรูอย่างไม่คิดชีวิต แม้ท่านพ่อจะชราลงไปไม่น้อยแล้วแต่ฝีมือกลับเก่งกาจเป็นอย่างยิ่ง
แต่ผู้ใดจะคาดคิดเล่า เมื่อสงครามจบลง ตระกูลมู่หรงกลับกลายเป็นกบฏไปเสียแล้ว ด้วยเพราะรองแม่ทัพหนิงกราบทูลต่อฝ่าบาท ว่าพบหลักฐานที่ท่านพ่อลอบส่งเสบียงและอาหารให้แก่ศัตรู โดยมีหัวหน้าทหารคนสนิทเป็นพยานปากสำคัญ
แท้จริงแล้วเรื่องราวมิใช่เช่นที่รองแม่ทัพหนิงกล่าวหา!!!
ในวันนั้นเขาออกไปลาดตระเวนรอบ ๆ ค่ายทหาร ท่านพ่อได้รับจดหมายที่หัวหน้าทหารคนสนิทผู้นั้นส่งมาให้ บอกว่าทหารแคว้นไท่เหลียงถูกจับตัวเป็นเชลยศึกอยู่ที่แคว้นม่อหยวนยามนี้ต้องการความช่วยเหลือจากท่านพ่ออย่างเร่งด่วน ท่านอ๋องม่อหยวนต้องการเสบียงอาหารจำนวนมากอีกทั้งตั๋วเงินเพื่อแลกกับชีวิตของทหารแคว้นไท่เหลียงที่ถูกจับเป็นเชลยศึกเอาไว้ โดยกำหนดวันเวลาและสถานที่นัดพบกันอย่างชัดเจน ด้วยความที่ท่านพ่อรักพวกพ้องพี่น้องร่วมรบเป็นอย่างมาก จึงมิได้สงสัยหรือเคลือบแคลงสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งมีพระราชโองการจากฝ่าบาท ว่าให้สั่งประหารคนตระกูลมู่หรงทั้งหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น เนื่องจากบังอาจสมคบคิดกับศัตรู นำเสบียงของใช้และตั๋วเงินลอบส่งให้ศัตรูถือเป็นโทษหนัก นับว่าตั้งตนเป็นกบฏ
ท่านพ่อพยายามกราบทูลต่อฝ่าบาทว่ามิได้รู้เห็นและไม่เคยคิดก่อกบฏ ที่ทำไปเพราะต้องการช่วยเหลือพวกพ้องที่ตกเป็นเชลยศึก แต่ฝ่าบาทกลับไม่ยอมฟังแม้แต่น้อย อีกทั้งยังหูเบาเชื่อลมปากของหนิงฮองเฮาจนไม่ลืมหูลืมตา และยังต่อว่าท่านพ่อว่าเป็นคนโป้ปด เมื่อส่งคนไปตรวจสอบกลับไม่พบกับเชลยตามที่ท่านพ่อกล่าวมาแม้แต่คนเดียว เรื่องทั้งหมดเป็นท่านพ่อที่หลอกลวงเบื้องสูง ให้ประหารทิ้งสถานเดียว
แม้แต่หัวหน้าทหารคนสนิทผู้นั้นก็บอกว่าไม่ได้เป็นคนส่งจดหมายหรือมาแจ้งเรื่องเชลยศึกกับท่านพ่อเลยสักฉบับเดียว เขาถูกท่านพ่อใส่ร้าย ท่านพ่ออับจนหนทางจะแก้ตัว จึงทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับชะตากรรมอย่างฝืนทน
ท้ายที่สุดความดีความชอบที่ตระกูลมู่หรงสั่งสมมาก็เป็นเพียงแค่สายลมที่พัดผ่านไป ก่อนจะต้องโทษประหารเพียงวันเดียว ท่านพ่อสั่งให้เขาหนีไปเสีย อย่างไรเขาจะต้องรอด เดิมทีเขาคิดจะพามู่หรงหลินหนีไปด้วยกัน แต่นางยืนกรานที่จะไม่ไปกับเขา ท้ายที่สุดแล้วจึงเหลือเขาเพียงคนเดียวที่รอดตายจากโทษประหารครั้งนี้มาได้
เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะตระกูลหนิง รองแม่ทัพหนิงหยวนต้องการแย่งชิงอำนาจทางการทหารจากตระกูลมู่หรงเอาไว้ในมือ และต้องการส่งบุตรสาว นามว่า หนิงเซียน ให้อภิเษกเป็นไท่จื่อเฟยขององค์รัชทายาท ต้องการเป็นใหญ่ในเมืองหลวงไท่เหลียง จึงคิดแผนการต่ำช้าเช่นนี้ขึ้นมา แต่ไหนแต่ไรสองตระกูลแม้จะดูเหมือนเป็นมิตรต่อกัน ทว่ากลับซ่อนคลื่นใต้น้ำเอาไว้ ยิ่งได้เห็นแววตาเย้ยหยันดูแคลนของรองแม่ทัพหนิงหยวนความเกลียดชังในใจของเขาก็ยิ่งทวีคูณมหาศาล
หึ!!! ถึงขนาดทูลขอต่อฝ่าบาทให้มาคุมการประหารด้วยตนเอง คงจะกลัวคนตระกูลมู่หรงหนีรอดไปได้และกลับมาบั่นคอสิท่า!!!
ไหนจะหัวหน้าทหารที่สารเลวผู้นั้นอีก!!! ทั้งที่ท่านพ่อช่วยเหลือมันทุกอย่าง ให้มันได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกองทัพแต่ทว่ามันกลับทรยศหักหลังท่านพ่อได้อย่างเลือดเย็น!
หากวันนั้นเขาอยู่กับท่านพ่อ เรื่องราวมันอาจจะไม่เป็นเช่นนี้!!! ตระกูลมู่หรงคงไม่พบกับจุดจบที่น่าเวทนาเช่นนี้เป็นแน่!!!
"ท่านแม่ทัพใหญ่ขอรับ"
"ต่อไปนี้ข้าไม่ใช่ท่านแม่ทัพใหญ่อีกแล้ว เจ้าอย่าเรียกข้าเช่นนี้อีก ยามนี้ตระกูลมู่หรงจบสิ้นแล้ว เจ้าจงไปตามทางของเจ้าเถิด"
"ไม่ขอรับ!!! บ่าวจะติดตามนายน้อยจนกว่าจะสิ้นลมหายใจ"
มู่หรงเจวี๋ยจ้องมอง หานอวี้ บ่าวรับใช้คนสนิทของเขาด้วยแววตาที่ซาบซึ้ง ในยามยากเขาก็มีเพียงหานอวี้ที่ไม่คิดทอดทิ้งเขาไปที่ใด
"ไม่ใช่มีแค่บ่าวนะขอรับ องครักษ์เงาของนายท่านใหญ่จะคอยคุ้มกันนายน้อยไปทุกที่"
หานอวี้มองป้ายหยกสั่งการที่หานอวี้มอบให้ด้วยดวงตาแดงก่ำ นี่คือองครักษ์เงาฝีมือดีที่ท่านพ่อฝึกฝนมาเองกับมือ
"ท่านพ่อมอบให้เจ้ามาหรือ?"
"ขอรับ นายท่านใหญ่กำชับบ่าวเอาไว้ ว่าจะต้องส่งให้ถึงมือนายน้อยให้ได้ขอรับ"
มู่หรงเจวี๋ยพยักหน้าเล็กน้อย เขากำป้ายหยกสั่งการเอาไว้ในมือ พลางครุ่นคิดในใจ
นี่คงเป็นเจตนารมณ์ของท่านพ่อที่ต้องการให้เขามีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับคนตระกูลมู่หรงสินะ?
เช่นนั้นข้าก็จะไม่ทำให้ท่านพ่อผิดหวังขอรับ!!!
"หานอวี้พวกเราออกเดินทางกันเถิด"
"นายน้อยจะไปที่ใดหรือขอรับ"
"ออกเดินทางตามทางเท้านี้ มุ่งหน้าขึ้นไปบนหุบเขาเหลียนหยาง"
หานอวี้ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
"นายน้อย เขาเหลียนหยาง!!! มันคือที่อยู่ของรังโจรนะขอรับ!!!"
"ก็รังโจรนั่นละ ที่ข้าจะไป!!!"