บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 ประทานรางวัล【2】

“ขอบคุณขอรับ” จางอี้หมิงโค้งตัวและเดินกลับมานั่งประจำที่เช่นเดิม

“ครานี้ไม่มีเรื่องอันใดที่น่าตื่นเต้นแล้ว เช่นนั้นก็มาคุยกันถึงเรื่องน้ำตาลผักและเกลือผักกันเถอะ”

เมื่อหมดเรื่องพิเศษ หนิงอ๋องจึงได้เริ่มต้นคุยถึงกำหนดส่งน้ำตาลผัก รวมถึงสั่งซื้อเกลือผักอีกจำนวนหนึ่งแสนห่อเท่ากับน้ำตาลผัก

ทว่าจางอี้หมิงก็แจ้งว่าอาจจะทำให้ไม่ทันและขอไม่รับปากเรื่องจำนวนของเกลือผัก แต่กลุ่มการค้าหลัวถงจะผลิตน้ำตาลผักส่งให้ครบตามกำหนดในอีกสองเดือนข้างหน้าแน่นอน

หลังจากที่ได้ข้อสรุปไม่นาน มีทหารเข้ามาแจ้งว่าท่านอาจารย์ฟื้นแล้วและอาการดีขึ้น เพียงแค่อ่อนเพลียเล็กน้อย ท่านอ๋องจึงได้ชวนจางอี้หมิงไปเยี่ยมท่านอาจารย์ด้วยกัน

“เด็กน้อย ไปเยี่ยมท่านอาจารย์ด้วยกัน ท่านอาจารย์คงอยากขอบใจเจ้า ส่วนพวกเจ้าที่เหลือจงกลับไปรอที่ห้องรับรองเช่นเดิมเถอะ”

เมื่อท่านอ๋องกล่าวจบจึงลุกขึ้นเดินนำหน้าจางอี้หมิงออกนอกห้องไป ปล่อยให้ทหารเข้ามาเชิญบุคคลที่เหลือกลับไปรอเด็กน้อยที่ห้องรับรองตามที่ท่านอ๋องรับสั่ง

หนึ่งท่านอ๋อง หนึ่งเด็กชายเดินไปด้วยกันตามทางเดินโดยไม่มีใครปริปากพูดอันใด หนิงอ๋องพาเด็กน้อยเดินลัดเลาะไปอีกเรือนหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องทำงานนัก เมื่อไปถึงหทารก็เปิดประตูให้ท่านอ๋องเดินเข้าไป

“ท่านอาจารย์ ท่านรู้สึกเป็นเช่นใดบ้าง อาการดีขึ้นแล้วหรือไม่” หนิงอ๋องเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าท่านอาจารย์ฟื้นคืนสติแล้ว

ทหารรีบนำเก้าอี้มาวางไว้ใกล้เตียงนอนที่ท่านอาจารย์กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง ตัวหนึ่งให้หนิงอ๋อง ส่วนอีกตัวให้จางอี้หมิง

“ท่านอ๋อง ข้าดีขึ้นแล้วพะยะค่ะ ขอบพระทัยที่ช่วยชีวิตกระหม่อมไว้”

“ท่านอาจารย์ คนที่ช่วยชีวิตท่านอาจารย์หาใช่เราไม่ แต่คือเด็กน้อยจางอี้หมิงที่ยืนอยู่ตรงนี้ต่างหากเล่า” หนิงอ๋องเอ่ยแก้ไขความเข้าใจผิดให้กับชายวัยกลางคนตรงหน้าแล้วผายมือไปยังเด็กชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ตนเอง

“โอ้ เด็กน้อยคนนี้เช่นนั้นหรือพะยะค่ะ ไม่น่าเชื่อ เช่นนั้นข้าขอขอบใจเจ้าในการช่วยชีวิตข้าไว้ในวันนี้ หากมีสิ่งใดที่ข้าสามารถตอบแทนเจ้าได้ขอจงบอกมา ข้าชื่อเทียนอี้ เจ้าเรียกข้าว่าอาจารย์เทียนได้” เทียนอี้เอ่ยขึ้น เขาตกใจเล็กน้อยที่ผู้มีบุญคุณเป็นเพียงเด็กน้อย แต่สิ่งนั้นไม่สำคัญ การทดแทนผู้มีพระคุณต่างหากเล่าที่ควรยึดถือ

“ท่านอาจารย์เทียน ท่านอ๋องได้มอบสิ่งตอบแทนให้กับข้าแล้วขอรับ ท่านไม่จำเป็นต้องตอบแทนข้าอีกขอรับ”

“เช่นนั้นหรอกหรือ แล้วท่านอ๋องทรงตอบแทนเจ้าด้วยอันใดเล่า”

“ท่านอ๋องมอบหยกสีเขียวให้ข้าขอรับ” จางอี้หมิงหยิบหยกสีเขียวที่เพิ่งได้รับจากอ๋องหนุ่มแสดงให้ท่านอาจารย์เทียนได้ดู นั้นถึงกับทำให้เทียนอี้อ้าปากค้างก่อนที่จะกล่าวออกมา

“ท่านอ๋อง หยกนั่นมิใช่ว่า.......”

“ท่านอาจารย์ มิมีอันใดดอก ท่านอาการดีขึ้นก็ดียิ่งแล้ว” หนิงอ๋องเอ่ยขัดคำพูดของอาจารย์ก่อนที่จะเปิดเผยอะไรไปมากกว่านี้

“ท่านอาจารย์เทียนขอรับ ข้าขอสอบถามอันใดสักอย่างได้หรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงนึกขึ้นได้ว่าตนเองเห็นแผลที่บริเวณหน้าแข้งของชายวัยกลางคน ดูท่าจะยังไม่เก่ามาก

“ได้สิ เจ้าต้องการรู้สิ่งใดหรือ”

“แผลตรงขาของท่านเกิดจากอันใดหรือขอรับ เหตุใดจึงไม่ทำแผลพันผ้าไว้เล่าขอรับ ข้าขออภัยหากว่าได้ละลาบละล้วงท่านอาจารย์มากเกินไป”

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด ทหารในกองกำลังเหลียงอันต่างรู้กันทั้งนั้น แผลนั้นทำให้ขาเดินกะเผลกอยู่ทุกวันนี้ ในตอนแรกเพียงโดนหินบาดตอนที่ข้าไปอาบน้ำที่ลำธาร แต่ไม่ว่าจะรักษาเช่นใดแผลก็ไม่แห้งและเริ่มลามออกเป็นวงกว้าง ท่านหมอก็สุดที่จะรักษาแล้ว”

เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านอาจารย์เทียนเป็นโรคเบาหวานเวลาที่เกิดแผลถึงหายยาก หากปล่อยไว้เช่นนี้อีกต่อไปขาอาจจะเน่าและลุกลามได้ แต่โรคทั่วไปมันก็มีตั้งมากมายนี่นา จะใช่ตามที่เขาคิดหรือไม่ก็ไม่รู้แต่ลองเสี่ยงถามไปก่อนแล้วกัน

“ท่านอาจารย์ ช่วงนี้ท่านรู้สึกอ่อนเพลีย กินอาหารเพิ่มมากขึ้น แต่ร่างกายกับผอม คอแห้งทำให้ดื่มน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย หิวบ่อย ตาลาย คันตามร่างกาย ชาที่ปลายนิ้วเท้า เวลาสัมผัสก็ไม่รู้สึกหรือไม่ขอรับ”

“เหตุใดเจ้าถึงถามเช่นนี้ ใช่ ข้ามีอาการส่วนมากตามที่เจ้าบอก เจ้ารู้เช่นนั้นหรือว่าข้าป่วยเป็นอันใด หมอของจวนอ๋องเพียงบอกข้าเป็นโรคธาตุลมบกพร่อง” เทียนอี้ถึงกับขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถามของเด็กน้อย เหตุใดถึงรู้ยังกับตาเห็น

“ข้าคิดว่าข้ารู้ว่าท่านอาจารย์ป่วยเป็นอันใด ข้าเห็นมาจากในเมืองหลวงขอรับ ท่านป่วยเป็นโรคเบาหวาน เอ้อ ข้าหมายถึงโรคที่เกี่ยวกับตับ ในเลือดของท่านอาจารย์มีน้ำตาลมากเกินไปขอรับ แผลที่เกิดขึ้นแล้วมิหายเสียทีก็มาจากความเจ็บป่วยของท่านอาจารย์ด้วยเช่นกัน”

จางอี้หมิงแทบจะตบเข่าฉาดถ้าไม่ติดว่าจะเป็นการเสียมารยาท อาการแทบจะตรงตามกับที่เคยหาข้อมูลมา แม้จะจำได้ไม่ค่อยแม่นนักแต่มันก็ติดหัวมานาน

“โรคนี้ค่อนข้างอันตราย แต่ว่าท่านอาจารย์สามารถป้องกันหรือลดความเสี่ยงลงได้ขอรับ เพียงท่านอาจารย์แบ่งอาหารออกเป็นสี่มื้อต่อวัน มื้อละนิดหน่อยแค่เพียงให้อิ่ม ลดน้ำตาล ชาของท่านอาจารย์ต้องเปลี่ยนมาเป็นชาผัก และ...”

จางอี้หมิงบอกวิธีการปฏิบัติตัวสำหรับอาจารย์เทียนให้ทั้งหมด เขาเล่าตามข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ทำอย่างไรได้ คนอย่างอานนท์ไม่ใช่หมอ เป็นแค่พนักงานขายอาหารตามสั่งเท่านั้น แต่ความรู้เหล่านี้คงพอมีประโยชน์มากกับผู้ที่ไม่รู้ ดังนั้นเขาจึงอธิบายจนชายวัยกลางคนเข้าใจ

“เด็กน้อย ข้าจะเชื่อเจ้าได้เช่นไรว่าคำพูดของเจ้าเป็นจริง” หนิงอ๋องเอ่ยถาม

“ข้ามีข้อพิสูจน์ขอรับ วันนี้รบกวนท่านอาจารย์เทียนปล่อยเบาออกมา ให้ทหารนำไปราดลงบนดินทิ้งไว้หนึ่งคืน รุ่งขึ้นหากมีมดมาตอมน้ำที่ปล่อยเบานั้น ก็หมายความว่าข้าพูดถูกขอรับ” จางอี้หมิงอธิบายและมองไปยังส่วนกลางลำตัวของท่านอาจารย์เพื่อบ่งบอกให้ทราบว่าปล่อยเบาของเขาหมายถึงอันใด เพราะเขาไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนได้ถูกต้องนั่นเอง

“ได้ข้าจะทำตามที่เจ้าบอก”

“ท่านอาจารย์จงพักผ่อนเถอะ ข้าจะกลับแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะมาเยี่ยมท่านใหม่” หนิงอ๋องเอ่ยบอกท่านอาจารย์เทียนอี้แล้วเดินจากมา จางอี้หมิงจึงยกมือคารวะเอ่ยลาและเดินตามท่านอ๋องออกไป

“วันนี้คงหนักหนาสาหัสมากสำหรับเจ้า พวกเจ้าก็กลับบ้านเถิด” หนิงอ๋องเอ่ยเสร็จแล้วจึงแยกตัวเดินกลับห้องทำงานของตนเอง

จางอี้หมิงเดินไปสมทบกับทุกคนและพากันกลับเข้าไปในตัวเมือง โดยที่อู๋เจ๋อกับอู๋หมินได้เก็บอุปกรณ์ทุกอย่างที่ห้องครัวเอาไปไว้ที่รถม้าเรียบร้อยแล้วไม่ให้เป็นการเสียเวลา

.

ห้องทำงานของหนิงอ๋องในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากคนในห้องกำลังรอผลของการทดสอบจากคำบอกเล่าของเด็กน้อย ปรากฎร่างของท่านอาจารย์เทียนอี้ซึ่งหายป่วยแล้วเดินวนไปเวียนมาอยู่นาน ท่านอ๋องถึงกับเอ่ยเตือนให้อาจารย์ของตนเองนั่งลงเพราะเขาเวียนหัวเหลือเกิน ท่านอาจารย์นั่งลงไม่นาน ทหารนายหนึ่งจึงเดินเข้ามาท่าทางกระหืดกระหอบแล้วเอ่ยรายงานตามที่ได้รับมอบหมาย

“มีมดขึ้นตรงที่ข้าน้อยราดน้ำเบาไว้จริงขอรับ” ทหารหนุ่มแจ้งผล เขาค้อมศีรษะและเดินออกไปเมื่อเห็นว่าหมดหน้าที่แล้ว

“เด็กน้อยนั่นไม่ได้โกหก เช่นนั้นที่ท่านอ๋องมอบหยกนั่นให้ไปก็คงเป็นเพราะ...” ท่านอาจารย์เทียนอี้พูดเสียงขาดหายไป เป็นอันรู้กันสองคนถึงประโยคต่อท้ายนั่น

“ถูกแล้วท่านอาจารย์ เด็กคนนี้น่าสนใจ ไม่สิ ครอบครัวนี้น่าสนใจยิ่ง หากอ๋องน้อยได้เพื่อนที่ฉลาดเช่นนี้ ได้จางอี้เทาสั่งสอนเช่นที่เขาได้สอนสั่งบุตรชาย ท่านอาจารย์คิดว่าอ๋องน้อยจะเป็นเช่นไร” หนิงอ๋องเอ่ยแล้วยกยิ้มที่มุมปาก

ใครจะคิดว่าเขาจะเจอช้างเผือกในป่าแห่งนี้ หลายวันมานี้ข้อมูลของเด็กน้อยจางอี้หมิงถูกรายงานเข้ามาเกือบทุกวัน คิดว่าตำแหน่งอ๋องที่ได้รับความไว้วางใจคุมกองกำลังเหลียงอันนี้ ได้มาเพราะโชคช่วยเช่นนั้นหรือ

ยิ่งเขาได้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่เด็กน้อยทำตั้งแต่การทำการค้าขายกับเถ้าแก่หวัง การพยายามฟื้นฟูเหลาอาหารซิ่งฝู การตั้งกลุ่มการค้าหลัวถง สิ่งเหล่านี้มันเกินที่เด็กอายุเพียงห้าขวบปีจะคิดได้ อ๋องน้อย บุตรชายของเขาอายุสิบปีที่ถือว่าฉลาดและอัจฉริยะ ยังไม่มีความรู้ความสามารถเช่นจางอี้หมิงในตอนนี้ ยิ่งเหตุการณ์เมื่อวานยิ่งทำให้อยากรู้จักเด็กน้อยคนนี้มากยิ่งขึ้นไปอีก บางทีเด็กคนนี้อาจจะทำให้เขาได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ก็เป็นได้

ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าเจ้าจะซ่อนความสามารถอันใดไว้อีก ชักสนุกมากยิ่งขึ้นแล้วสิ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel