ตอนที่ 5 หลินไห่ ท่านปู่คนใหม่【2】
“หืม บิดาเจ้าเคยเป็นอาจารย์ในเมืองหลวงมาก่อนเช่นนั้นหรือ”
“เรียนท่านหลินไห่ ข้าเคยเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่เมืองหลวงจริงขอรับ” จางอี้เทาตอบอย่างสุภาพ
“โอ้ เช่นนั้นตอนนี้เจ้าคงทำงานเป็นอาจารย์สอนหนังสือในเมืองไห่ถังใช่หรือไม่”
“หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ขอรับ ครอบครัวข้าถูกโจรดักปล้นระหว่างเดินทางมาที่เมืองไห่ถัง ทรัพย์สินทั้งหมดที่นำติดตัวมาถูกโจรเอาไปทั้งหมด เมื่อเดินทางมาถึงหมู่บ้านหลัวถง หมิงเอ๋อร์ล้มป่วยเป็นไข้ป่า นอนไม่ได้สติเกือบหนึ่งเดือน หมิงเอ๋อร์เพิ่งฟื้นจากไข้ป่าได้ไม่กี่วันมานี่เองขอรับ ข้าจึงได้แต่เพียงรับจ้างทำงานในไร่ของหัวหน้าหมู่บ้านแลกกับอาหารเพียงเท่านั้น”
“โอ้ พวกเจ้าช่างโชคร้ายเสียจริง ข้าไม่แปลกใจแล้วว่าเหตุใดหมิงหมิงน้อยถึงได้ฉลาดเพียงนี้ เพราะได้บิดาเช่นเจ้าสอนสั่งนี่เอง หมิงหมิงน้อย หากขาดเหลือสิ่งใดบอกปู่มาได้นะ ปู่คนนี้พร้อมช่วยเหลือเจ้าอย่างเต็มที่”
หลินไห่รู้สึกสงสารและเห็นใจครอบครัวเด็กน้อยตรงหน้าเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจนจบ คนอื่นเขายังช่วยเหลือมานักต่อนักแล้ว แต่นี่เป็นเด็กน้อยที่เขารู้สึกถูกชะตามากและยังเอ่ยปากรับเป็นหลานกลาย ๆ แล้วด้วย เหตุใดเขาจะไม่เต็มใจช่วยเหลือ
“ข้ากับท่านพ่อขอบคุณท่านปู่มากขอรับ ขอเพียงท่านปู่ยอมซื้อสูตรพะโล้บ้านข้า ก็ถือว่าช่วยได้มากแล้วขอรับ”
“หมิงหมิงน้อยช่างเป็นเด็กดีจริง ๆ นอกจากจะฉลาดแล้วยังไม่โลภอีกด้วย ต้องอย่างนี้สิถึงจะเหมาะกับการเป็นหลานชายของข้า” หลินไห่ยิ้มยกใหญ่ เขามองดูเด็กน้อยที่นั่งอยู่ตรงข้ามแล้วก็นึกเอ็นดู
“เหตุใดนั่งเงียบเช่นนั้น ยังไม่รีบยกน้ำชาคารวะท่านปู่คนนี้อีก นี่ข้าพูดมาตั้งนาน เจ้าไม่เข้าใจหรือว่าข้ารับเจ้าเป็นหลานแล้ว เหตุใดตอนนี้ถึงได้ฉลาดน้อยเหลือเกิน ฮึ” หลินไห่ดุจางอี้หมิงเสียงไม่เบา แต่ดวงตาของชายชรากลับเต้นระริกเหมือนกับเจอของที่ถูกใจนักหนา
“อะ อ้า ใช่แล้ว”
จางอี้หมิงเมื่อสมองประมวลผลจากสารที่ชายชราตรงหน้าส่งออกมาแล้ว เขาจึงหายจากอาการตกตะลึงและรีบลุกขึ้นไปรินน้ำชา เด็กน้อยยกถ้วยน้ำชาคารวะท่านปู่คนใหม่ทันที
“ข้าน้อยจางอี้หมิง ขอคารวะท่านปู่ ขอท่านปู่ได้โปรดเมตตาหลานตัวน้อยคนนี้ด้วยขอรับ”
อี้หมิงค้อมกาย เมื่อกล่าวคารวะเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงยื่นถ้วยน้ำชาให้กับท่านปู่คนใหม่
“ข้า หลินไห่ ยินดีรับจางอี้หมิงเป็นหลานชายของข้า ต่อไปเมื่อมีเรื่องเดือดร้อนอันใด ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ขอเจ้าอย่าได้เกรงใจ จงบอกท่านปู่คนนี้ ข้าพร้อมจะให้การช่วยเหลือ” หลินไห่รับถ้วยชามาแล้วจึงกล่าวเสียงหนักแน่น เมื่อกล่าวจบก็ยกถ้วยชาขึ้นดื่ม
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ ปู่จะพาเจ้าไปที่ห้องครัวเอง”
ชายชราลุกขึ้นยืนเป็นคนแรก เขาจูงมือเด็กน้อยเดินไปทางห้องครัวของเหลาอาหารด้วยตนเอง ระหว่างทาง ก็เอ่ยแนะนำบริเวณต่าง ๆ ของเหลาอาหารไปด้วย
เหลาอาหารซิ่งฝูเป็นอาคารไม้ขนาดสามชั้น สองคูหา ชั้นแรกเป็นส่วนของการต้อนรับซึ่งอยู่ทางด้านหน้า ส่วนทางด้านหลังคูหาแรกเป็นส่วนครัว ห้องสุขา และห้องพักอาศัยของคนงานซึ่งเป็นคนเฝ้าเหลาอาหารไปด้วย
ในคูหาที่สองตรงกลางโถงยังเป็นที่นั่งรับประทานอาหารสำหรับบุคคลทั่วไป สำหรับชั้นที่สองและสามจะเป็นห้องส่วนตัวซึ่งราคาจะแพงไปตามขนาดของห้อง ต้องทำการจองล่วงหน้าจึงจะสามารถใช้บริการได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเหลาอันดับสองแต่ก็มีลูกค้าประจำอยู่เช่นกัน
ท่านปู่หลินพักที่เรือนของตนเองซึ่งห่างออกไปจากเหลาซิ่งฝูไม่กี่ตรอกถนน คนงานทั้งหมดที่ไม่มีบ้านก็จะพักที่บ้านของท่านปู่หลินเช่นกัน โดยเจ้าของเหลาอาหารสร้างเรือนสำหรับคนงานไว้บริเวณด้านหลังเรือนหลัก
เหลาอาหารซิ่งฝูอยู่ร่วมกันดั่งครอบครัว คนงานส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านธรรมดาที่ยากจน เมื่อมาของานทำ หลินไห่ก็ไม่เคยปฏิเสธ ชายชราจัดหางานให้เหมาะสมตามความสามารถของคนผู้นั้น สำหรับคนงานแล้ว เถ้าแก่หลินไห่เปรียบดั่งพระโพธิสัตว์ของพวกเขาเลยก็ว่าได้
จางอี้เทาไม่กล่าวอันใด เขาเพียงแต่เดินตามบุตรชายและชายชราตรงหน้าไปเงียบ ๆ เท่านั้น
เมื่อทั้งสามหนุ่มที่อายุลดหลั่นกันลงไปมาถึงห้องครัว จางอี้หมิงก็เห็นถึงความวุ่นวายเล็ก ๆ อาจจะเป็นเพราะเหล่าคนงานกำลังยุ่งอยู่กับการจัดเตรียมวัตถุดิบต่าง ๆ ให้พร้อมสำหรับการเปิดขายอาหารในวันนี้ก็เป็นได้
“อู๋เจ๋อ เจ้ามานี่หน่อย” หลินไห่เรียกชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่มีรูปร่างสูงใหญ่อวบอ้วน ใบหน้ามีกระขึ้นประปราย น่าจะเป็นเพราะอยู่หน้าเตาไฟตลอดเวลา เขากำลังนั่งนวดแป้งอะไรสักอย่างอยู่
อู๋เจ๋อได้ยินเสียงเรียกชื่อตนเองจึงหยุดมือแล้วหันมามอง เมื่อเห็นว่าเป็นเถ้าแก่หลิน เขาจึงเรียกคนงานที่อยู่ใกล้ ๆ แถวนั้นให้เอาแป้งไปนวดต่อ ส่วนตนเองก็ลุกขึ้นไปล้างมือแล้วเดินมาหาชายชรา
“อู๋เจ๋อ นี่คือจางอี้เทา เป็นบิดาของหลานคนใหม่ของข้า จางอี้หมิง เจ้าเรียกหมิงหมิงน้อยเช่นเดียวกันกับข้าได้” หลินไห่แนะนำ “อี้เทา อี้หมิง นี่คืออู๋เจ๋อ หัวหน้าพ่อครัวของเหลาอาหารซิ่งฝู พวกเจ้าทำความรู้จักกันไว้สิ”
“ยินดีที่ได้รู้จักขอรับ/ยินดีที่ได้รู้จักขอรับ” สองพ่อลูกบ้านจางยกมือขึ้นคารวะพ่อครัวใหญ่ก่อนตามอาวุโส อู๋เจ๋อเมื่อเห็นว่าสองพ่อลูกยกมือคารวะตนเอง เขาจึงพยักหน้ารับและยกมือคารวะตอบเพื่อเป็นการให้เกียรติกับทั้งสองแม้ตนจะอาวุโสกว่า เขายังจำได้ว่าเด็กน้อยตรงหน้าคือหลานชายคนใหม่ของเจ้านายตนเอง ดังนั้นการคารวะก็เป็นสิ่งถูกต้องแล้ว
“อู๋เจ๋อ หมิงหมิงน้อยจะมาสอนการทำพะโล้สูตรบ้านจางให้กับเจ้านะ” หลินไห่บอกพ่อครัวตนเอง
“อะไรนะขอรับ เด็กน้อยคนนี้จะมาสอนข้าทำอาหาร เถ้าแก่ ข้าฟังผิดไปหรือไม่”
“ไม่ผิดหรอกอู๋เจ๋อ หมิงหมิงน้อยมีสูตรพะโล้ประจำครอบครัวที่จะเอาสูตรมาขายให้กับเหลาอาหารซิ่งฝู เจ้าเด็กน้อยนั่นรับรองเสียใหญ่โตว่าอร่อย แต่ก็อย่างที่เจ้าเห็น ตัวเล็กกะเปี๊ยกเท่านั้นคงลงมือปรุงอาหารเองไม่ได้ หมิงหมิงน้อยจึงจะเป็นคนบอก แล้วเจ้าก็เป็นคนลงมือทำ ง่าย ๆ เพียงเท่านี้เอง หรือเจ้ามีปัญหา เห็นว่าหลานชายข้าเป็นเด็กเพียงห้าขวบแล้วจะไม่ยอมรับเช่นนั้นหรือ” เจ้าของเหลาอาหารเอ่ยถามพ่อครัวใหญ่เสียงเข้ม
“หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ขอรับ ข้าเพียงแปลกใจเท่านั้น เถ้าแก่ก็ทราบว่าข้ามิใช่คนประเภทนั้น” อู๋เจ๋อลนลาน เขาเอ่ยอธิบายรัวเร็ว
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ” เสียงหัวเราะประจำตัวของชายชราดังลั่น
“ข้ารู้ ข้าแค่แกล้งเจ้าเล่นเท่านั้นเองอู๋เจ๋อ เจ้าอย่าได้จริงจังไป หมิงหมิงน้อย เจ้าอยากให้เขาทำอันใดก็บอกได้เลยนะ อู๋เจ๋อทำอาหารได้ดีเยี่ยม เสียอย่างเดียว เป็นคนจริงจังเกินไป”
“เถ้าแก่ ข้ารักการทำอาหาร ข้าก็อยากให้ลูกค้าได้กินอาหารที่อร่อยที่สุด ขอแค่ลูกค้ามีความสุข เพลิดเพลินไปกับรสชาติที่อร่อย พ่อครัวเช่นข้าคงไม่มีความสุขไปมากกว่านี้อีกแล้ว” อู๋เจ๋อบ่นเบา ๆ เมื่อรู้ว่าตัวเองถูกแกล้ง
จางอี้หมิงได้แต่ยิ้มไปกับความสัมพันธ์ของชายทั้งสองคนตรงหน้า ในยุคสมัยนี้คงหายากที่เถ้าแก่จะให้ความเป็นกันเองดังเช่นท่านปู่คนใหม่ของเขา ถือว่าตนเองโชคดีจริง ๆ ที่ท่านปู่คนใหม่ให้ความเอ็นดู เขาไม่คิดว่าเหลาอาหารเฟิ่งฟูจะเป็นเช่นนี้
“ท่านลุงอู๋ รบกวนท่านลุงแล้วขอรับ”
“ได้ จะให้ท่านลุงคนนี้ทำอันใด หมิงหมิงน้อยบอกมาได้เลย ลุงยินดีทำให้อย่างเต็มที่”
“ขอบคุณขอรับ”