ตอนที่ 5 หลินไห่ ท่านปู่คนใหม่【1】
เมื่อซีฮันเดินออกไปแล้ว ภายในห้องทำงานจึงเหลือเพียงเถ้าแก่หลินไห่และสองพ่อลูกตระกูลจาง จางอี้หมิงนั่งอยู่ตรงข้ามกับเจ้าของห้อง มีจางอี้เทานั่งอยู่ใกล้ ๆ เด็กน้อยเลือกที่นั่งตรงนี้เพราะอยากเห็นกิริยาท่าทางและสายตาของท่านปู่คนใหม่ เมื่อครู่ลองนั่งเยื้องไปด้านข้างแล้วประเมินสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ไม่ดีนัก
ท่าทางมั่นอกมั่นใจ ไม่เกรงกลัว แต่ก็รู้จักอ่อนน้อมของลูกชาย ทำให้จางอี้เทาปล่อยอี้หมิงเจรจาเอง ส่วนตัวเขานั้นได้แต่นั่งฟังเงียบ ๆ
“ท่านปู่หลิน ก่อนอื่นข้ามีเรื่องต้องแจ้งให้ท่านปู่ทราบไว้ก่อนนะขอรับ ข้าไม่เคยได้ลงมือปรุงพะโล้ด้วยตนเอง เป็นท่านย่าของข้าที่ปรุงอาหารเลิศรสนี้ขึ้นมา ท่านปู่ลองดูตัวข้าสิขอรับ” จางอี้หมิงว่าพร้อมกางแขนออก อวดเรือนร่างผอมบางที่สวมเสื้อสีซีด
“ตัวข้าเล็กนิดเดียว คงไม่สามารถยกหม้อหรือยกไหได้ ท่านย่าสอนให้ข้าเรียนรู้ไว้ เผื่อในอนาคตจะได้ทำอาหารเป็น ภรรยาจะได้ไม่เหนื่อย ท่านย่าอยากให้ข้าเป็นบุรุษที่ดี และสามีที่ดีขอรับ”
ข้าพูดจริงนะ ข้าไม่เคยได้ทำพะโล้เองสักที แต่ข้าเป็นผู้กำกับต่างหากเล่า
“โอ้...หมิงหมิงน้อย ท่านย่าของเจ้าช่างมองการณ์ไกลยิ่งนัก สำหรับปู่คนนี้แล้ว ข้าหาได้สนใจไม่ เพียงแค่เจ้าสามารถทำพะโล้ได้อร่อย มันก็ดีที่สุดแล้ว” หลินไห่เอ่ยออกไป พลางลงมือรินชาใส่ถ้วยแล้วยื่นให้พ่อลูกบ้านจาง
“ขอบคุณขอรับ/ขอบคุณขอรับ” เมื่อน้ำชาถูกยื่นมาตรงหน้าจึงรีบยื่นมือรับ จางอี้เทาและจางอี้หมิงขอบคุณออกมาพร้อมกัน
“ในเมื่อหมิงหมิงน้อยไม่เคยปรุงพะโล้มาก่อน แล้วเจ้าจะทำเช่นไรให้ข้าได้ลองชิมพะโล้ของเจ้าเล่า” เถ้าแก่หลินถาม
“ไม่มีปัญหาเลยขอรับ เพียงแต่ท่านปู่ให้พ่อครัวของที่เหลาอาหารทำการปรุงพะโล้ขึ้นมาตามที่ข้าบอก เพียงเท่านั้นท่านปู่ก็จะได้ชิมพะโล้ในวันนี้แน่นอนขอรับ”
“เด็กเจ้าเล่ห์” หลินไห่ถึงกับเอ่ยเย้าเด็กชายตรงหน้าออกมาด้วยรอยยิ้มอย่างสนใจ เห็นทีเขาจะประมาทเด็กน้อยตรงหน้าไม่ได้แล้ว
“พ่อครัวก็ของข้า วัตถุดิบก็ของข้า เจ้าไม่ต้องลงทุนอันใดเลยด้วยซ้ำ”
“ผิดแล้วขอรับท่านปู่ ถึงแม้จะเป็นพ่อครัวของท่าน วัตถุดิบของท่าน แต่พ่อครัวทำพะโล้ขึ้นมาตามที่ข้าบอก ถ้าหากว่าภายหลังท่านปฏิเสธไม่สนใจในสูตรพะโล้ของบ้านข้า ข้าก็ทำอันใดไม่ได้ เพราะข้าได้สอนและบอกพ่อครัวของท่านไปจนหมดแล้ว เป็นข้าต่างหากที่ขาดทุนตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มทำการค้านะขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยตอบช้า ๆ และฉะฉาน เขาไม่ได้รู้สึกว่าตนเองถูกกดดันหรือคุกคาม เด็กน้อยรู้ดีว่าท่านปู่ผู้นี้กำลังประเมินสติปัญญาของเขาอยู่ คงอยากรู้ว่าเด็กน้อยห้าขวบเช่นเขาจะทำการค้าได้จริงหรือไม่เสียมากกว่า
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ” เมื่อได้ฟังคำตอบแล้ว เถ้าแก่หลินถึงกับหัวเราะชอบใจ ท่านปู่คนใหม่หันไปเอ่ยกับบิดาของเขาด้วยรอยยิ้ม
“จางอี้เทา เจ้าช่างเลี้ยงลูกได้ดีจริง ๆ ตัวกระเปี๊ยกเท่านี้แต่ฉลาดยิ่ง ดี ๆ ดีจริง ข้าถูกใจเจ้านัก หมิงหมิงน้อย เอาล่ะ ปู่คนนี้ไม่มีข้อสงสัยในสติปัญญาของเจ้าแล้ว จะให้ปู่ทำอันใดเจ้าแค่บอกปู่มา ปู่ยินดีจัดเตรียมไว้ให้เจ้าทุกอย่าง”
หลินไห่ถึงกับตบเข่าตนเองเสียงดัง ถูกใจในความฉลาดของหลานคนใหม่ ต้องอย่างนี้สิ เห็นทีว่าปีนี้เหลาอาหารซิ่งฝูอาจจะมีโอกาสได้ขึ้นเป็นเหลาอาหารอันดับหนึ่งของเหมืองไห่ถัง แซงหน้าคู่อริสามชั่วรุ่นแล้ว
“ท่านปู่ ข้ายอมเสี่ยงบอกสูตรพะโล้ของบ้านข้าให้ท่านปู่โดยที่ไม่ได้ขอดูสูตรพะโล้ของเหลาอาหารซิ่งฝู เพราะข้าอยากแสดงให้ท่านปู่เห็นว่าข้านั้นมีความจริงใจต่อคู่ค้าเสมอ ท่านพ่อของข้าสอนข้าเสมอว่า การค้าขาย ความซื่อสัตย์สำคัญที่สุด ถ้าอยากได้ใจของคนอื่น เราต้องให้ใจของเราก่อนเสมอขอรับ”
จางอี้หมิงเอ่ยกับเจ้าของเหลาอาหารซึ่งในอนาคตจะกลายมาเป็นคู่ค้าคนใหม่ของบ้านจาง พร้อมกับหันไปยิ้มให้กับบิดาของตน เขาเป็นเพียงเด็กน้อย คงเป็นไปไม่ได้ที่จะคิดเอง ดังนั้นการอ้างอิงถึงบิดาจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
หลินไห่ยกยิ้ม “ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ ข้าถูกใจเจ้ายิ่งนัก หมิงหมิงน้อย พวกเจ้าสองคนพ่อลูกทำให้ชายชราคนนี้แปลกใจยิ่ง ไม่นึกว่าชาวบ้านธรรมดาเช่นพวกเจ้าจะสามารถเจรจาการค้าได้คล่องแคล่วเช่นนี้ ใครเป็นผู้สอนพวกเจ้าเช่นนั้นหรือ”
หลินไห่เอ่ยถามด้วยความสงสัย ตัวเขานั้นสังเกตและลอบมองพฤติกรรมมาสักพักหนึ่งแล้ว สองพ่อลูกชาวบ้านคู่นี้เฉลียวฉลาด รู้จักเจรจาการค้า ไม่เหมือนชาวบ้านส่วนใหญ่ที่เคยพบ
“เรียนท่านปู่ ครอบครัวข้าแต่เดิมเป็นคนเมืองหลวง ท่านพ่อเคยเป็นอาจารย์สอนหนังสือในสำนักศึกษา ท่านปู่ ท่านตาของข้าเป็นพ่อค้าผ้าขอรับ แต่มีเหตุบางอย่างทำให้พวกเราต้องย้ายจากเมืองหลวงมาอาศัยที่หมู่บ้านหลัวถงได้ประมาณเกือบสองเดือนแล้วขอรับ”