บทย่อ
ฉันถูกลักพาตัวผิด...แต่กลับกลายเป็นของเล่นในเกมแค้นของมาเฟียเลือดเย็น!" หนึ่งคือมาเฟียโหดที่ใช้ร่างกายเธอเป็นเครื่องสังเวยไฟแค้น หนึ่งคือมือขวาผู้แอบรัก ที่ครอบครองเธอในความเงียบ ในโลกที่เต็มไปด้วยเลือด ความลับ และไฟปรารถนาเธอกลายเป็น ‘ของพวกเขา’ ทั้งสองคน ...สุดท้ายแล้ว เธอควรเป็นของใคร? หรือความรักต้องห้ามนี้จะหลอมรวมเป็นความลับที่ไม่มีใครกล้าเอ่ย
บทที่ 1 พรหมลิขิตบ้าบอ
บทที่ 1
พรหมลิขิตบ้าบอ
ในราตรีที่ไร้แสงจันทร์ มีเพียงเสียงฝนที่เทกระหน่ำซัดสาดราวกับจะประกาศลางร้ายอะไรบางอย่าง…
แก้วกัลยา หรือ แก้ว หญิงสาวร่างเล็กในเสื้อกันฝนสีเทาอ่อนก้าวเดินอย่างเร่งรีบไปตามตรอกแคบๆ ข้างตึกเก่าผุพัง เพื่อให้ถึงหอพักโดยเร็วที่สุด หลังเลิกงานพิเศษที่ร้านอาหารเล็กๆ แถบชานเมือง ชีวิตของแก้วกัลยาไม่ได้หรูหรา เธอเป็นเพียงนักศึกษาสาวคนหนึ่งที่ต้องทำงานหาเงินเพื่อเป็นค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน ความเหนื่อยล้าจากงานและเสียงฝนที่โหมกระหน่ำทำให้เธอรีบก้าวเท้าโดยไม่ทันได้สังเกตสิ่งรอบข้าง เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าเพียงแค่ก้าวเท้าผิดซอยในค่ำคืนนี้ จะพาเธอเข้าสู่ โลกมืด ที่ไม่สามารถหาทางกลับออกมาได้ง่ายๆ อีกเลย
“อ๊ะ… หืม?”
เสียงฝีเท้าหนักๆ ที่ดังขึ้นอย่างกระชั้นชิดจากด้านหลัง ทำให้แก้วชะงักฝีเท้าและหันขวับกลับไปมอง ในเสี้ยววินาทีนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็พลันมืดสนิทลง…
เมื่อเปลือกตาบางลืมขึ้นอีกครั้ง กลิ่นควันบุหรี่จางๆ ผสมผสานกับกลิ่นหนังแท้หรูหราของโซฟาชั้นดีคือสิ่งแรกที่รินรวยเข้าแตะจมูก สองตาของเธอยังพร่ามัวเล็กน้อย แต่ไม่นานก็จับโฟกัสไปยังเพดานสูงตระหง่านของห้องรับแขกขนาดมหึมา การตกแต่งภายในเต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ยุโรปแท้ที่บ่งบอกถึงรสนิยมอันเลิศหรูและมั่งคั่ง ราวกับว่าเธอได้หลุดเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ของมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพล
“เธอตื่นแล้วงั้นเหรอ”
น้ำเสียงทุ้มต่ำ ดิบห้วน และแฝงความเย็นชาดังขึ้นจากมุมห้อง ร่างสูงสง่าของชายหนุ่มในชุดสูทสีดำสนิทนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาหนังแท้สีเข้ม ดวงตาคมกริบภายใต้คิ้วหนานั้นจ้องมองมาที่เธออย่างเยือกเย็น ราวกับว่าเธอกำลังเป็น เหยื่อ ที่กำลังสั่นสะท้านอยู่ในกรงเล็บของนักล่าผู้หิวกระหาย
เขาคือ คิรินทร์ อัครเมธา มาเฟียผู้ทรงอิทธิพล เจ้าของธุรกิจใต้ดินรายใหญ่ที่ผู้คนต่างร่ำลือกันว่า หากใครก็ตามที่ได้ก้าวเข้าไปในโลกของเขาแล้ว…จะไม่มีวันกลับออกมาเป็นคนเดิมได้อีกเลย
“ขะ…ขอร้องค่ะ ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ”
แก้วพูดเสียงสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ตัวเธอถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่เส้นบางๆ ที่ข้อเท้า แม้จะไม่ได้รัดแน่นจนเจ็บปวด แต่ก็มากพอที่จะทำให้เธอตระหนักได้ว่า เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหนทั้งนั้น
“หึ… ผู้หญิงอย่างเธอเก่งนักเรื่องการแสดง… แต่ฉันไม่โง่พอที่จะหลงกลซ้ำสองหรอก”
คิรินทร์ลุกขึ้นยืนช้าๆ ก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ ทว่าทุกย่างก้าวกลับเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่ทำให้แก้วกัลยาขนลุกซู่ ปลายนิ้วเรียวยาวแต่แข็งแกร่งของเขาค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกทีละเม็ด เผยให้เห็นรอยสักรูปมังกรที่เลื้อยพาดผ่านแผ่นอกกว้างกำยำ ลงไปจนถึงหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแน่นตึง อันเป็นหลักฐานของพละกำลังที่น่าเกรงขาม
“คุณกำลังเข้าใจผิด… ฉันแค่…เดินผิดซอย ฉันไม่ใช่คนที่คุณกำลังตามหา!”
แก้วพยายามถอยหนีไปจนแผ่นหลังบอบบางชิดติดกับหัวเตียงไม้สักแกะสลักอย่างสวยงาม แต่เขากลับโน้มตัวลงมาใกล้ ปลายนิ้วเย็นเฉียบของเขาไล้ผ่านกรอบหน้าหวานของเธอช้าๆ สัมผัสที่เย็นเยียบนั้นทำให้หัวใจของเธอเต้นระส่ำอย่างน่ากลัว ราวกับจะทะลุออกมาจากอก
“บางที…ฉันควรจะสอบสวนเธอด้วยวิธีของฉัน”
เสียงกระซิบข้างหูของคิรินทร์แหบพร่าและเต็มไปด้วยความนัยยะที่ทำให้ร่างสาวต้องเม้มริมฝีปากแน่นอย่างสติแตก แล้วเขาก็โน้มตัวลงมาประทับจูบลงบนริมฝีปากของเธออย่างรวดเร็วและไม่ให้ตั้งตัว
ริมฝีปากของคิรินทร์ทั้งร้อนผ่าวและหนักแน่น ลิ้นร้อนรุ่มสอดล่วงล้ำเข้ามาในโพรงปากของเธออย่างจาบจ้วง ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ขัดขืนหรือต่อต้านใดๆ เลย มือใหญ่สอดเข้ามาใต้เสื้อนักศึกษาที่ยังคงเปียกชื้นจากฝน ลูบไล้ผ่านผิวเนื้อเนียนละเอียดที่เย็นเฉียบจากการถูกฝนมาตลอดทาง ความเย็นนั้นถูกแทนที่ด้วยความร้อนผะผ่าวที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างอย่างรวดเร็วราวกับไฟไหม้
“หยุด… ได้โปรด… อย่าทำแบบนี้”
เสียงวิงวอนแผ่วเบาของเธอไม่ได้ช่วยอะไรเลย เมื่อคิรินทร์กระซิบตอบกลับด้วยน้ำเสียงดิบหื่นที่ปลุกเร้าอารมณ์ดิบในตัวเขาให้พลุ่งพล่าน
“ก็แค่อยากดูว่า… เธอจะทนได้สักแค่ไหนกันแน่”
ขณะที่ร่างสูงใหญ่ของคิรินทร์กำลังกดแนบลงมาทาบทับร่างบอบบาง และมือหยาบกร้านลากผ่านผิวเนื้อเนียนละเอียดอย่างถือสิทธิ์…
เสียงประตูถูกเปิดพรวดเข้ามากลางสายลมฝนที่พัดพาความเย็นยะเยือกเข้ามาในห้อง ชายอีกคนในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปรอะเปื้อนคราบฝนยืนอยู่ตรงนั้น พร้อมกับแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและ…ความเจ็บปวดอย่างลึกซึ้ง
“คิรินทร์…”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มของเขาคือ ธาม มือขวาคนสนิทที่ซื่อสัตย์ของคิรินทร์ แต่แววตาของเขากลับเจ็บร้าวราวกับหัวใจกำลังถูกบีบคั้นอย่างรุนแรง
“ออกไป” คิรินทร์สบถเสียงห้าว ดวงตาคมตวัดมองไปที่ธามอย่างไม่พอใจ
“ผมแค่อยากรู้ว่า… เธอคือใคร?”
ธามไม่ขยับตัวไปไหน เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม และจ้องมองใบหน้าของแก้วกัลยาที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร และดูราวกับไร้ที่พึ่งพิงใดๆ ในโลกนี้
คิรินทร์สบถอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับส่งสายตาเยือกเย็นไปยังธาม
“ก็ดี… งั้นมาช่วยกันสอบสวนเธอสิ”
คำพูดของคิรินทร์นั้นเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง แต่กลับแฝงไว้ด้วยความร้อนเร่าราวกับเปลวไฟจากนรกที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่ง
แก้วกัลยาเบิกตากว้างด้วยความตกใจและหวาดกลัวสุดขีด… เมื่อผู้ชายสองคนค่อยๆ ขยับเข้ามาหาเธอพร้อมกันช้าๆ
คนหนึ่งจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชาที่ยากจะคาดเดา ส่วนอีกคนจ้องมองเธอด้วยสายตาเว้าวอนที่ร้อนเร่าและเจ็บปวดแม้จะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น…
แต่เธอก็รู้ดีว่าคืนนี้… จะไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเธอได้เลยจริงๆ

