บทที่ 6
“อ๊ากกก!!!”
พระหัตถ์ใหญ่ผลักใบหน้างามออกเต็มแรง จนนีนธาราหงายหลังไปบนเตียงอีกครั้ง “ยายบ้า ชาติที่แล้วเกิดเป็นหมาหรือยังไงกัน ถึงกัดดะไม่เลือกแบบนี้”
นีนธาราถึงกับสะอึกกับคำด่าอันเจ็บแสบของชีคคาร์รานส์ หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นราวกับนางพญา ไม่มีหวาดกลัวแล้ว ต่อให้เป็นชีค เป็นเจ้าแห่งแผ่นดินก็ตามทีเถอะ ตอนนี้เลือดขึ้นหน้าแล้ว ขอด่าขอกัดให้สะใจก่อน
“ใช่ ชาติก่อนเกิดเป็นหมา แถมไม่ได้ฉีดยาแก้พิษสุนัขบ้าด้วย อยากโดนกัดอีกข้างมั้ย”
ชีคคาร์รานส์นิ่งงันไปชั่วขณะ เป็นครั้งแรกที่เจอหญิงสาวที่ไม่หวาดกลัวพระองค์ แถมยังไม่รู้จักเอาอกเอาใจ ปรนเปรอรสสวาทให้กับพระองค์ด้วย นอกจากการกัดให้พระองค์เลือดออกซิบ!
“มีสีสันดีนี่ เคยเจอแต่นางบำเรอที่อ่อนโอน ยอมตามไปซะทุกอย่าง ทำให้รสชาติความสุขมันเลี่ยนไปหมด มีกัด มีเล่นตัวแบบนี้ก็ชักจะสนุกแล้วล่ะสิ”
คราวนี้ชีคคาร์รานส์ทิ้งพระวรกายทาบทับร่างบางระหงไว้แน่น จับมือเล็กทั้งสองไว้ด้วยพระหัตถ์ใหญ่เพียงข้างเดียว แล้วเอาไปรวบไว้บนศีรษะของอีกฝ่าย พระโอษฐ์สีสดร้อนผะผ่าวบดขยี้จุมพิตดุดันทั่วเรียวปากอิ่ม พระหัตถ์อีกข้างเคล้นคลึงตรงปทุมเต็งตึงอะร้าอร่ามอย่างเมามันส์ พอผละโอษฐ์ออกจากเรียวปากอิ่มแล้ว ก็เริ่มไต่ลงมาตามลำคอระหง ลาดไหล่บาง แล้วขบเม้มกัดเบาๆ จนนีนธาราต้องสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บแปลบเล็กน้อย ทว่าสิ่งที่ปะปนมากับการถูกกัดคือความวาบหวาม ซ่านสยิวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“มาเล่มเกมกันดีไหมสาวสวย ว่าใครจะโดนกัดมากกว่ากัน”
“ไม่! ฉันไม่เล่นเกมอะไรทั้งนั้น” นีนธาราครางประท้วงเท่าที่ยังพอมีแรงอยู่
“เสียใจแม่โสเภณีไร้ราคี คนที่จะบอกว่าเล่นหรือไม่เล่นเกมคือเราต่างหาก เจ้ากัดเราได้ เราก็กัดเจ้าได้เหมือนกัน”
ชีคคาร์รานส์ไม่พูดพร่ำทำเพลงแล้ว ทรงเลื่อนพระโอษฐ์ไปตรงลาดไหล่เนียนอีกข้าง จากนั้นก็ดูดเม้มขบกัดไม่ต่างจากครั้งแรก เท่านั้นยังไม่พอ ทรงเลื่อนโอษฐ์ลงมายังเป้าหมายต่อไปคือปทุมอิ่มกลมกลึงเต็มปากเต็มคำ ที่หิวกระหายอยากกลืนกินตั้งแต่แรกเห็นมันถูกปกปิดไว้ด้วยบิกินี่สีแดงสดแล้ว พออ้าโอษฐ์เข้าครอบครองยอดถันสีหวาน ก็ลากชิวหานุ่มไล้วนรอบๆ ตวัดรัวเร็ว ดูดเม้มตักตวงความหวานจากยอดถันสีหวาน โดยไม่ลืมฝังพระทนต์ขาวสะอาดกัดรอบๆ เนินเนื้อเต็งตึง จนนีนธาราต้องร้องครางดีดกายเข้าหาพระวรกายล่ำสันด้วยความลืมตัว ขณะเดียวกันพระหัตถ์ข้างที่ว่าง ก็ลากปลายนิ้วฟอนเฟ้นทั่วปทุมอวบอิ่มอีกครั้ง ก่อนจะลากต่อผ่านหน้าท้องแบนเรียบมายังดินแดนแห่งความหฤหรรษ์หรรษา ที่พระองค์อยากรุกล้ำจมดิ่งเข้าไปค้นหา ว่าจะความหวานฉ่ำมากสักเพียงใด
นีนธาราสะดุ้งเฮือกทุกครั้งที่พระโอษฐ์ร้อนผะผ่าวฝากรอยรักไว้ทั่วเรือนกาย คราใดที่พระทนต์ขาวสะอาดขบกัดลงมาเบาๆ บนตัวเธอ ความเร่าร้อนแสนหวานก็แผดเผาทั่วเรือนร่างทำเอาเธอแทบคลั่ง ความไร้เดียงสาอ่อนในเรื่องรัก ทำให้หญิงสาวไม่รู้ว่าจะตอบสนองชีคนักรักเช่นใดดี และไม่รู้ด้วยว่าจะปลดปล่อยความทรมานอันแสนหวาน ซึ่งกำลังโถมกระหน่ำซาซัดอยู่ทั่วกายเธอในเวลานี้อย่างไรดี
“ทรมาน...ได้โปรดเถอะ...ทรมานเหลือเกิน”
น้ำเสียงที่ครางขาดห้วงของนีนธารา เป็นที่ถูกอกถูกใจของชีคคาร์รานส์ยิ่งนัก ทรงเงยพระพักตร์จากหน้าท้องแบนราบ ที่กำลังฝังรอยพระทนต์ลงไปอีกแห่ง ก่อนจะกระซิบถามเสียงสั่นพร่าไม่แพ้กัน
“เจ้าต้องการอะไร แม่โสเภณีน้อย บอกเราสิ แล้วเราจะมอบสิ่งนั้นให้กับเจ้า”
“ไม่รู้ ธาราไม่รู้ว่าต้องการอะไร”
ใบหน้างามส่ายไปมาจนเส้นผมแตกกระจายทั่วหมอนใบใหญ่ หยาดเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากและใบหน้างาม อยากให้ความทรมานแสนเร่าร้อนในครั้งนี้สิ้นสุดลงสักที
“เจ้าต้องการสิ่งนี้ใช่ไหม ต้องการปากของเรา มือของเรา และเรือนกายแข็งแกร่งของเรา”
“ไม่รู้ บอกว่าไม่รู้!”
นีนธาราผงกหน้าตะเบ่งเสียงตอบหน้าแดงซ่านไปหมด และเมื่อกายแข็งแกร่งราวกับหินผาแทรกเข้ามาในความอ่อนหวานของดอกไม้ฉ่ำรัก หญิงสาวถึงกับหวีดเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดที่แล่นซ่าน ราวกับกายของชีคคาร์รานส์จะฉีกร่างของเธอให้แหลกลาญ มือเล็กทั้งสองยกขึ้นผลักพระวรกายเปียกชื้นด้วยเม็ดเหงื่อไม่ต่างจากเพิ่งอาบน้ำมาหยกๆ ให้ถอยห่างจากกายเธอ ขณะเดียวกันก็พยายามกระถดกายถอยหนีด้วยการดีดตัวขึ้นบนอต้องการให้กายแข็งขึงใหญ่โตของชีคคาร์รานส์หลุดออกจากตัวเธอ โดยหารู้ไม่ว่ากระทำเช่นนั้นยิ่งเป็นการเร่งเร้าให้พระองค์อดทนอดกลั้นต่อความร้อนรุ่มหฤหรรษ์ ที่ตีประดังรอการปลดปล่อยแทบไม่ไหว
“โอ้...พระเจ้า...แม่โสเภณีน้อย หยุดดิ้นสักครู่ได้ไหม เรากำลังจะทนไม่ไหวแล้ว”
“ธาราเจ็บ ท่านชีคลงไปจากตัวธาราเดียวนี้นะ”
“ชู้วส์...อยู่นิ่งๆ แล้วทุกอย่างจะดีเอง”
ทรงกระซิบปลอบด้วยความช่ำชอง ขณะเดียวกันก็นึกไม่ออกว่าพระองค์ไม่เคยเจอสาวบริสุทธิ์สะอาดผุดผ่องเหมือนหญิงสาวสุดเซ็กซี่ใต้พระวรกายมานานกี่ปีแล้ว นางบำเรอที่ถูกส่งมาหาพระองค์มักจะทำตบตาว่าตนเองเป็นสาวบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่เคยต้องมือชาย แต่พอกระโจนขึ้นเตียง พวกเธอกลับบรรเลงเพลงสวาทได้ช่ำชองกว่าพระองค์ด้วยซ้ำไป แต่หญิงสาวคนนี้ คนที่พระองค์ยังไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำไป กลับบริสุทธิ์ผุดผ่องหอมหวานจนพระองค์แทบไม่อยากผละกายออกห่าง แถมการต่อต้านที่ไม่ประสีประสากลับเป็นที่พึงพอใจของพระองค์เป็นอย่างมาก
พอชีคคาร์รานส์ไม่เคลื่อนไหวกาย นีนธาราก็รู้สึกว่าความเจ็บแปลบในก่อนหน้านี้เริ่มจางหายไปบ้างแล้ว และความรู้สึกวาบหวิว ซ่านไหวก็เริ่มเข้ามาแทนที่ เมื่อพระองค์ได้ลองขยับกายช้าๆ ราวกับต้องการหยั่งเชิง พอพระองค์ขยับโยกเพิ่มจังหวะและน้ำหนักรัวเร็วมากยิ่งขึ้น ก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความงุนงง ไม่นึกว่าความสุข ความอ่อนหวานรัญจวนใจ จะพร่างพรูเข้าหาตัวเธอจนรู้สึกตัวเกร็ง ซ่านสยิวไปกับการโรมรันรักอันดุดันห้าวหาญ
“โอ้...ท่านชีค...”
“เรียกเราว่าคาร์รานส์”
ทรงกระซิบสั่ง ขณะโจนจ้วงดุดันติดๆ กันหลายครั้ง เรียกเสียงร้องครางได้ทั้งจากตัวพระองค์ และคนในอ้อมแขนที่จิกเล็บกรีดนิ้วลงบนแผ่นหลังของพระองค์จนปวดแสบไปหมด
“ท่านชีค...” นีนธาราไม่ยอมเรียกตามที่ถูกออกคำสั่ง สร้างความขัดเคืองให้กับพระองค์อยู่ไม่น้อย
“โสเภณีจอมดื้อด้าน!”
ชีคคาร์รานส์ทรงต่อว่าเสียงดุ ก่อนจะประกบพระโอษฐ์ร้อนผะผ่าวบดขยี้จุมพิตเร่าร้อนดูดดื่ม กดกายแข็งขึงโรมรันเพลงสวาทดุดัน โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย การโอบกอดตอดรัดกายพระองค์ในทุกทิศทุกทางของดอกไม้แสนหวาน ทำเอาพระองค์ทนต่อความสุขสมไม่ไหว ทรงโหมกระหน่ำรัวเร็ว พระหัตถ์ใหญ่ทั้งสองช้อนสะโพกผายมนให้ลอยเด่นรับท่วงจังหวะเพลงรัก ที่พระองค์กำลังขับกล่อมร่ายรำชวนเธอให้เข้าไปสัมผัสกับดวงดาว ที่พร่างพราวดาษดื่นเต็มฟากฟ้ากว้าง
และจังหวะสุดท้าย ทรงรวบรวมผละกำลังสอดแทรกหนักหน่วงจนกายพระองค์จมลึกด่ำดิ่งอยู่ในดินแดนแห่งความหฤหรรษ์ ซึ่งทรงค้นพบแล้วว่าซ่อนอัญมณีแห่งความหวานฉ่ำเอาไว้ภายในดินแดนแห่งนี้ เพื่อให้ชายชาติกษัตริย์อย่างพระองค์เป็นผู้ครอบครองแต่เพียงองค์เดียว