บทที่2 เด็ก
วันต่อมา
@มหาวิทยาลัยคอนเวนต์
"เป็นอะไรแก้มวันนี้แกดูเหม่อลอยผิดปกติอาจารย์สอนก็ไม่ตั้งใจฟัง" เสียงหวานของใครบางคนดังขึ้นทำให้ร่างบางที่นั่งเอามือท้าวคางทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างห้องเรียนค่อยๆดึงสายตากลับมามองหน้ามิราเจ้าของเสียงซึ่งเป็นเพื่อนสาวคนสนิทก่อนตอบอย่างเซ็งๆ "ฉันเครียดมัวแต่คิดเรื่องยัยแก้ว"
เธอคิดมากเรื่องน้องสาวมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วกว่าจะข่มตาให้หลับได้ก็ปาเข้าไปตีหนึ่งตีสองเธอวิตกกังวลเป็นอย่างมากไม่มีกะจิตกะใจจะเรียนเลยด้วยซ้ำไป แต่ก็ต้องหอบสังขารมาเรียนเพราะเป็นวิชาสำคัญ
"ทำไมอะมีเรื่องอะไร" มิรารีบขยับเก้าอี้ให้ใกล้เพื่อนสาวมากขึ้นก่อนถามไถ่ด้วยความอยากรู้
“...” คนโดนถามถอนหายใจออกมาระคนหนักอกก่อนหยิบสัญญาที่เธอเก็บใส่กระเป๋ามาด้วยยื่นให้เพื่อนสาวดูแทนคำตอบ เธอกับมิราสนิทกันมากรู้จักกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมเธอจึงรัก และไว้ใจมิราจนสามารถเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังได้โดยไม่ลังเลเพราะมิราจะคอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอมาไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรนับเป็นโชคดีของเธอมากที่มีเพื่อนดีๆแบบนี้
"จริงดิ" มิรามองหน้าเพื่อนสาวอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อได้อ่านทุกตัวอักษรบนกระดาษแล้วเธอเคยเจอแก้วตามาหลายครั้งซึ่งแก้วตาก็เป็นเด็กดีและเรียบร้อยคนนึงเลยทีเดียวไม่น่าจะกล้าทำเรื่องอย่างนี้
"สัญญาน่ะเรื่องจริงแต่ยัยแก้วไม่รู้ไงว่างานที่ตัวเองจะไปทำเป็นงานอะไรมารู้ก็ตอนที่เซ็นสัญญาสะแล้ว"
"อ๋อ..ฉันก็ว่าอยู่น้องแก้มดูเป็นเด็กดีไม่น่ากล้าทำแบบนี้แล้วแกจะทำยังไงต่อ"
"ว่าจะลองไปเจรจาขอยกเลิกสัญญาดูก่อนไม่รู้ทางนั้นจะยอมหรือเปล่า"
"เขาคงเข้าใจแหละมีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ" มิรามองเพื่อนสาวด้วยแววตาเอ็นดูพร้อมกับตบลงบนบ่าเบาๆเชิงปลอบประโลมเธอรู้ดีว่าชีวิตของเพื่อนสาวลำบากขนาดไหนแม้เธออยากจะช่วยมากเพียงใด ทว่าเพื่อนสาวก็ไม่เคยยอมรับความช่วยเหลือจากเธอนอกจากหยิบยืมบ้างในบางครั้งเมื่อไม่ทันจริงๆ
"ฮื่อ..มิราฉันจะบ้าตาย" แก้มหวานมองสบสายตาเพื่อนสาวเชิงขอบคุณก่อนจะโอดครวญออกมาพร้อมกับฟุบหน้าลงบนโต๊ะด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่าย เธอฟุบหน้ากับโต๊ะนานนับนาทีก่อนผงกหน้าขึ้นมาพูดกับเพื่อนสาวอีกครั้ง "คืนนี้สองทุ่มฉันนัดเจรจากับทางเจ้าของสัญญาที่คลับปริ้นเซลล์แกไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ"
"ว้าว! คลับไฮโซสะด้วย" เพียงแค่ได้ยินชื่อคลับมิราก็ทำตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้นในแวดวงคนรวยใครก็ต่างรู้จักคลับปริ้นเซลล์เป็นอย่างดีเพราะคลับแห่งนี้จะรับแค่คนมีเงิน นักธุรกิจและพวกไฮโซเท่านั้น
"ตกลงจะไปไหม" หญิงสาวถามย้ำอีกครั้งเมื่อเพื่อนสาวยังนั่งยิ้มหวานไม่ยอมตอบสักที
"ไปสิทุ่มครึ่งฉันไปรับแกที่หอพักนะ"
“ขอบใจมากนะมิรางั้นฉันกลับก่อนนะจะแวะไปลางานกับที่ร้านด้วย” เธอมองหน้าเพื่อนสาวด้วยความซาบซึ้ง ก่อนหยัดกายลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปขึ้นรถเมล์ตรงไปยังร้านที่ตัวเองทำงานอยู่ทันทีหลังจากพูดจบ
@Chill Coffee Bar
“พี่แก้ม” เสียงหวานดังขึ้นจากด้านหลังทำให้แก้มหวานชะงักเท้าที่กำลังเดินแล้วหันกลับไปมองต้นเสียงก็เห็นน้องสาวเดินกึ่งวิ่งมาหาเธอ “เอ้า! แก้วมาทำอะไรที่นี่”
“แก้วมาเอาหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัยจากเพื่อนนะคะ” แก้วตาเอ่ยพร้อมทั้งชูหนังสือในมือให้พี่สาวดู หญิงสาวระบายยิ้มบางๆเมื่อเห็นว่าน้องสาวใส่ใจกับการเรียนไม่ทำตัวเหลวไหลเหมือนที่เธอแอบกังวล
มือเล็กเอื้อมไปจับมือน้องสาวไว้แล้วดึงให้เดินตามเข้ามาภายในร้าน เธอพาน้องสาวมานั่งลงยังโต๊ะที่อยู่มุมนึงของร้านก่อนจะเอ่ยขึ้น “แก้วก็สั่งน้ำดื่มสั่งขนมมาทานพลางๆก่อนระหว่างที่พี่เข้าไปลางานกับเจ้านายเสร็จแล้วพี่จะออกมานั่งด้วย”
“ค่ะพี่แก้ม” แก้วตาคลี่ยิ้มบางๆให้พี่สาวก่อนจะหันไปสั่งเครื่องดื่มกับพนักงาน ส่วนแก้มหวานก็เดินเข้าไปพบเจ้านายในห้องทำงานที่อยู่หลังร้าน
ผ่านไปประมาณสิบนาทีเธอก็เดินกลับมานั่งลงที่โต๊ะหลังจากบอกกล่าวผู้เป็นเจ้านายเรียบร้อยแล้ว
“เจ้านายพี่ว่ายังไงบ้างคะ” แก้วตาถามไถ่ทันทีที่พี่สาวหย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเธอ
“เจ้านายอนุมัติ”
แก้วตาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเลื่อนแก้วนมสดสตอบอรี่ปั่นไปตรงหน้าพี่สาว “แก้วสั่งมาให้พี่”
“รู้ใจจริงๆเลยน้องสาวพี่” ใบหน้าสวยเคลือบไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข มือเล็กเอื้อมไปหยิกแก้มกลมกลิ้งของน้องสาวด้วยความรักและเอ็นดู ทว่าเธอหารู้ไม่ว่ามีสายตาสามคู่กำลังจับจ้องการกระทำของเธอกับน้องสาวอยู่ตั้งแต่ย่างกายเข้ามาในร้านแล้ว
“นั้นมันน้องแก้วตาเด็กมึงไหมวะกวินท์มากับใครสวยจัง” ฐานทัพหนุ่มที่นั่งมองสองพี่น้องหันไปถามเพื่อนข้างๆอย่างไม่แน่ใจแต่เขาก็ได้รับเพียงความเงียบตอบกลับมากลายเป็นแบรดเพื่อนอีกคนที่ตอบแทน “ถ้าเป็นเด็กมันน้องเขาก็คงเดินเข้ามาทักทายแล้วแหละ”
“....” กวินท์เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาตวัดสายตามองหน้าเพื่อนชายเล็กน้อยก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มเงียบๆทำเหมือนบทสนทนาของเพื่อนเป็นแค่เสียงแมลงหวี่แมลงวัน
เด็กสาวที่นั่งในร้านคือคนคนเดียวกันกับที่เซ็นสัญญาตกลงเป็นเด็กของเขาถึงแม้จะเห็นเธอผ่านกล้องแต่เขาก็จำได้ดีที่เด็กสาวไม่เข้ามาทักทายเขาก็คงไม่แปลกเพราะเธอไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยสักครั้งเรื่องสัญญาเขาก็ให้เจนภพผู้ช่วยคนสนิทจัดการแทนทั้งหมด
“กูถามจริงตอนสอนนักศึกษามึงนั่งทางในสอนเหรอแม่งเป็นอาจารย์ได้ยังไงกว่าจะปริปากพูดได้แต่ละทีแม่เจ้าโว้ย” ท่าทางของเพื่อนชายทำให้ฐานทัพอดค่อนแขวะไม่ได้ เขาชินกับความปากหนักของเพื่อนชายแล้วละแต่บางทีก็อยากให้เขาพูดออกมาบ้างไม่ใช่เอาแต่นิ่งเงียบจนไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเขากำลังคิดหรือรู้สึกอะไรอยู่
“มึงก็ถามแปลกพ่อมันเป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยมันจะทำอะไรก็ได้” แบรดพูดแทรกขึ้นเพราะนึกรำคาญฐานทัพที่เอาแต่พูดมากทั้งที่รู้อยู่ว่ากวินท์เป็นคนยังไง
“มึงนั่งเงียบๆไปเลย”
“มึงก็เลิกพล่ามสักที”
“....” กวินท์ตวัดสายตามองหน้าเพื่อนทั้งสองคนที่กำลังเถียงกันอย่างนึกรำคาญ ลมหายใจหนักๆที่ถูกพ่นออกมาบ่งบอกได้ว่าเขารู้สึกหัวเสียมากขนาดไหน มือหนาล้วงไปหยิบกระเป๋าเงินในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเปิดเอาแบงค์พันวางลงบนโต๊ะ ก่อนหยัดกายลุกเดินออกมาขึ้นรถโดยไม่พูดไม่จาทิ้งให้เพื่อนๆมองตามหลังด้วยความงุนงง