3
“อีต่าย มึงกล้าขัดใจกูเหรอ พ่อแม่กูยังไม่กล้าเลย มานี่ กูจะตบมึงให้หน้าแหกเลย” อภัสรีจิกเส้นผมกลางหัวต่าย กระชากเข้าหาตัว หมายจะตบหน้าอีกฝ่าย ทว่ามือของอริศราจับมือพี่สาวเอาไว้มั่น ใช้แขนอีกข้างรัดเอวพี่สาวไว้ ส่วนตาลรู้หน้าที่ รีบไปแกะมือของอภัสรีออก จากนั้นก็ดึงตัวต่ายให้ออกห่างคนจ้องทำร้าย
“พี่ว่า พอแล้วค่ะพอแล้ว”
อริศราห้ามพี่สาว ทว่าแรงน้อยนิดของหล่อนไม่อาจสู้แรงฤทธิ์คนกำลังคลั่งได้ อภัสรีสะบัดตัวเองไม่กี่ครั้ง แถมยังใช้ปลายเท้ากระแทกลงไปยังเท้าของน้องสาว ส่งผลให้อริศราคลายแขนออกจากร่างพี่สาวที่หมุนตัวผลักอีกฝ่ายจนกระเด็นลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าบนพื้นห้อง
“อีวุ้น มึงกล้าห้ามกูเหรอ มึงสาระแนนัก อย่างนี้ต้องโดนตบ” อภัสรีขึ้นคร่อมร่างน้องสาว ใช้มือข้างหนึ่งบีบคอ อีกข้างหนึ่งเงื้อมือตั้งใจจะตบสั่งสอนคนชอบห้าม ต่ายกับตาลเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งมาจับแขนของอภัสรีคนละข้างแล้วดึงรั้งสุดแรง
“คุณวุ้นไปเอายามาค่ะ คุณว่าเอายาทิ้งชักโครกหมดเลย เร็วค่ะคุณวุ้น” อริศรายันตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะก้าวเท้าวิ่งไปยังห้องนอนของตัวเองที่อยู่ตรงกันข้าม หล่อนดึงลิ้นชักหัวเตียงออกมา หยิบขวดยาขวดเล็กที่ภายในขวดมียาน้ำสีขาวบรรจุอยู่ แล้วหยิบซองเข็มฉีดยาออกมาฉีก รีบปักลงไปบนฝาขวดแล้วดึงสลิงให้ยาในขวดย้ายมาอยู่ในเข็มฉีดยาแทน แล้วเสร็จก็รีบวิ่งไปยังห้องของพี่สาว ที่ตอนนี้ถูกตาลนั่งคร่อมร่าง ส่วนต่ายนั่งจับข้อมือของคนคลั่งให้ตรึงเหนือศีรษะ
“ฉีดเลยค่ะคุณวุ้น ต่ายกับตาลล็อคตัวไว้แล้ว”
ต่ายบอก
“ปล่อยกูนะ ปล่อยกู อีวุ้นมึงอย่าฉีดนะ” อภัสรีเสียงแข็งใส่ ทว่าอีกอึดใจต่อมา น้ำเสียงแปรเปลี่ยน “วุ้นอย่าฉีดยาพี่นะ อย่าฉีด พี่ขอร้อง”
อริศราใจเริ่มอ่อน เมื่อได้ยินเสียงอ้อนวอนของพี่สาว และยิ่งเห็นน้ำตาของคนเป็นพี่ด้วยแล้ว ใจหล่อนยิ่งอ่อนยวบเข้าไปอีก มือที่ถือเข็มฉีดยาเริ่มสั่น
“คุณวุ้นเร็วค่ะ ฉีดเลยค่ะ” ต่ายเร่ง
“อีวุ้น มึงอย่าทำตามมัน ปล่อยกูนะปล่อย”
อภัสรีเปลี่ยนโหมดอารมณ์ ฉุนเฉียวและสะบัดตัว ท่าทีของพี่สาวตอนนี้เองที่ทำให้อริศราตัดสินใจฉีดยาลงไปบนท้องแขนของคนเป็นพี่จนหมดหลอด
“วุ้นขอโทษนะพี่ว่า วุ้นขอโทษ”
ยาที่อริศราฉีดให้อภัสรีคือยานอนหลับที่ยาค่อยๆ ออกฤทธิ์ทีละน้อย แรงดิ้นของอภัสรีน้อยลง เสียงก่นด่าก็เช่นกัน ค่อยๆ เบาลงและเบาลงจนเงียบเสียงไป
“โห กว่าจะหมดฤทธิ์ แทบตาย” ต่ายทรุดตัวนั่งบนพื้นอย่างหมดแรง มองดูอภัสรีที่เวลานี้หมดฤทธิ์อาระวาด
“คุณวุ้นเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ตาลถามเจ้านายนิสัยดี
“ฉันไม่เป็นไร ช่วยกันอุ้มพี่ว่าขึ้นไปนอนบนเตียงเถอะ” สองสาวใช้ทำตามที่อริศราสั่ง ทั้งสองช่วยกันแบกร่างคนนอนหลับขึ้นไปนอนบนเตียง โดยมีอริศราช่วยอีกแรง
“คุณวุ้นต้องไปเอายาให้คุณว่าใหม่นะคะ เธอเททิ้งชักโครกหมดเลยค่ะ ไม่เหลือสักเม็ด” ต่ายบอกนายสาวที่ถอนหายใจพรืดยาว “ต่ายไม่ดีเองค่ะ ต่ายเผลอให้คุณว่าเห็นที่เก็บยาค่ะ เธอเลยเอายาไปทิ้ง”
“ไม่เป็นไร ไม่ใช่ความผิดของต่ายหรอกนะ ถึงพี่ว่าไม่เห็นยาก็ไม่ใช่ว่าจะยอมกินยาง่ายๆ”
วิธีทำให้อภัสรียอมทานยาคือ ใส่ยาในอาหารหรือเครื่องดื่ม ซึ่งก็ยังดีกว่าที่ไม่ทานยา เพราะหากไม่ทานยา นั่นหมายถึงอาการทางประสาทจะกำเริบ อาระวาดอย่างที่เห็น จะมีน้อยครั้งที่อภัสรียอมทานยาเอง จังหวะที่ต่ายผสมยาลงไปในน้ำส้มคั้น อภัสรีคงเห็นจึงไม่ยอมดื่มน้ำ และเอายาที่เหลือไปทิ้งชักโครก
“คุณวุ้นไปพักผ่อนเถอะคะ ต่ายกับตาลจะดูแลคุณว่าเอง อีกนานกว่าเธอจะตื่น”
“ฉันคงไปเอายาให้พี่ว่าน่ะ อ้อ...ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามียาสำรองไว้สองเม็ด ถ้าพี่ว่าตื่นก่อนฉันมาก็เอาผสมน้ำเปล่าใส่น้ำอุทัยให้พี่ว่าดื่มนะ พี่ว่าชอบดื่มน้ำอุทัยคงไม่สงสัยหรอกว่ามียา แล้วฉันจะรีบไปรีบกลับนะ”
“ค่ะคุณวุ้น” ต่ายรับคำสั่ง
“ตาลตามฉันมาเอายานะ” ตาลเดินตามเจ้านายสาวออกไปจากห้อง
ความแตกต่างของสองฝาแฝดมีเพียงอย่างเดียวคือ นิสัยใจคอ อภัสรีแฝดคนโตมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง อยากได้อะไรต้องได้ แม้ว่าสิ่งที่ตนอยากได้จะผิดศีลธรรมหล่อนก็ไม่แคร์ ปากร้ายและใช้ถ้อยคำหยาบคายเวลาโมโห ส่วนสาเหตุที่ทำให้อภัสรีเป็นโรคประสาทคือ หล่อนผิดหวังกับความรักครั้งแรกและเป็นครั้งเดียวที่ทุ่มเทให้กับผู้ชายคนหนึ่ง ถึงขนาดโกหกทางบ้านนำเงินไปปรนเปรอหลายล้านบาท แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการหลอกลวง เมื่อรักมาก ผิดหวังมาก อภัสรีจึงคลุ้มคลั่ง อาระวาดเนืองๆ จนต้องใช้ยาระงับประสาทเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้
ส่วนแฝดน้องมีนิสัยตรงกันข้าม อริศราเป็นผู้หญิงจิตใจงดงาม วาจาที่เอื้อนเอ่ยนุ่มนวลอ่อนหวานตามกิริยามารยาท หัวอ่อน ทว่าหากเชื่อใจใคร ต่อให้ใครมาพูดในทางที่ไม่ดี หล่อนก็จะไม่เชื่อจนกว่าจะได้เห็นกับตา ได้ยินกับหู เช่นเรื่องภาสกร อดีตคู่หมั้น หลายปากกล่าเตือน แต่หล่อนไม่เชื่อ จนกระทั่งเห็นกับตาตัวเอง และคืนนั้นก็ทำให้ชีวิตของหล่อนเปลี่ยนไป
อุบัติเหตุคืนนั้นเป็นคืนที่อริศราไม่มีวันลืม หล่อนทำให้คนๆ หนึ่งต้องเสียชีวิตลงเพราะความประมาทของตนเอง แม้ว่าจะยอมรับผิดและไม่ต้องการสู้คดี ทว่าอุดมกับรุ่งทิวา บิดามารดาไม่ยอมให้ตนติดคุกง่ายๆ จึงจ้างทนายความและหาหลักฐานมากล่าวอ้างกับศาลว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุบนถนน ซึ่งในความเป็นจริงก็ใช่