ตอนที่ 1
ที่บ้านไม้หลังน้อยในชนบทแห่งหนึ่ง
“นั่นเองจะไปไหน ใกล้ค่ำแล้วนะนังอ้อ...”
ป้านิ่มร้องเรียก ‘ดอกอ้อ’ หลานสาวซึ่งเป็นเด็กกำพร้าที่แกเก็บเอามาเลี้ยงตั้งแต่ตัวเล็กๆ ตอนนั้นตีนยังเท่าฝาหอย ทว่าถึงวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยๆ คนเดียวกันนั้นเองได้เติบโตเป็นสาวน้อยใบหน้าสะสวย เป็นที่จับตามองของบรรดาชายหนุ่มทั้งหมู่บ้าน
ดอกอ้อถูกแม่ใจร้ายเอามาทิ้งไว้ที่ประตูหน้าบ้านของป้านิ่มกับลุงเด่น โชคดีที่สุนัขแสนรู้ตัวหนึ่งพยายามเห่าเรียกอยู่นานสองนาน กระทั่งลุงเด่นผู้เป็นสามีของป้านิ่มเกิดสังหรณ์ใจ ต้องเปิดประตูบ้านออกมาดูด้วยความสงสัยว่าสุนัขเห่าอะไร? ครั้นแล้วก็พบร่างของทารกเพศหญิง หน้าตาน่ารักน่าชัง กำลังร้องไห้จ้าจนเนื้อตัวแดงไปหมด หากก็ยังไม่มอมแมมมากนักเพราะถูกห่อพันเอาไว้ด้วยผ้าขนหนูหลายชั้น
“จะไปเก็บผักบุ้งจ้ะป้า... ”
“ผักบุ้งอีกแล้ว เมื่อคราวก่อนที่เอ็งเก็บมาแช่เอาไว้ในกะละมังหลังบ้านก็ยังแดกไม่หมด นี่เอ็งจะออกไปเก็บอีกแล้วหรือ”
“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่จ๊ะป้า เก็บมาตุนเอาไว้ก็ได้... ผักบุ้งมีวิตามินเอบำรุงสายตา ช่วงนี้น้ำเยอะ ผักบุ้งกำลังทอดยอดอวบน้ำ แล้วหนูก็อยากเล่นน้ำด้วย เดี๋ยวเดียวก็กลับจ้ะ ป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะหนูดูแลตัวเองได้”
“ข้าอยากรู้จังว่าที่หนองน้ำแถวนั้นมันมีอะไรดีนักหนา เอ็งถึงได้แรดไปบ่อยๆ”
ป้านิ่มเป็นคนปาดจัด พูดคำ ด่าคำ เป็นอะไรที่ดอกอ้อชินเสียแล้ว ปล่อยให้ผู้เป็นป้าว่าพลางนั่งเช็ดใบตองไปพลาง
ดอกอ้อทำราวกับว่าเสียงของสตรีผู้สูงวัยกว่านั้นเหมือนสายลมที่ผัดมาแล้วผ่านเลยไป เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา จึงรีบคว้าจักรยานปั่นออกไปตามคันดินน้อยๆ มุ่งสู่หนองน้ำหลังบ้านด้วยหัวใจลิงโลด
ทว่ายังไม่ทันที่จะถึงหนองน้ำจู่ๆ รถจักรยานก็มีอันต้องเบรคกะทันหันเมื่อมีรถกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อสีส้มคันใหญ่วิ่งสวนทางออกมาตรงทางโค้ง ทำให้สาวน้อยเบรคจักรยานไม่ทัน
เอี๊ยด...
“ว้าย... ”
โครม
เสียงเบรก เสียงร้อง และเสียงกระจังด้านหน้ารถกระบะดังขึ้นประสานงากับจักรยานในนาทีเดียวกัน ส่งผลให้รถจักรยานและร่างของเด็กสาวกลิ้งหลุนๆ ลงไปในป่าละเมาะข้างทาง
“ว้าย... ตายแล้ว เป็นอะไรหรือเปล่าหนู”
‘สิตา’ สตรีวัยกลางคนใบหน้าสะสวย รีบก้าวลงมาจากรถ ตกอกอกใจกับอุบัติเหตุไม่คาดฝัน รีบปราดเข้าไปช่วยเหลือเพราะเป็นห่วงว่าเด็กสาวจะได้รับอันตราย
“คุณสมโชครีบไปดูเด็กเร็ว... คุณพระคุณเจ้าช่วย ได้โปรดอย่าเป็นอะไรเลยนะหนู”
สิตาร้องเรียก ‘สมโชค’ ผู้เป็นสามี
“หนู... ไม่เป็นไรใช่ไหม”
ชายวัยกลางคนรีบวิ่งเข้าไปโอบประคองร่างของดอกอ้อ อุ้มขึ้นมาจากป่าละเมาะริมทาง
ครั้งแรกที่สบตากัน... สมโชครู้สึกว่าชะตาของเขากับเด็กสาวคนนี้ได้ถูกร้อยรัดเข้าด้วยกันในทันทีทันใด... จะด้วยเหตุผลอะไรตัวเขาก็ยังไม่ทราบได้
“หนู... เอ่อ หนูไม่เป็นไรค่ะ”
ดอกอ้อตอบด้วยน้ำเสียงตกใจ ท่าทางยังงงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
ครั้นเมื่อชายวัยกลางคนเห็นว่าเด็กสาวไม่เป็นไรจึงวางร่างน้อยๆ ลงยืนกับพื้น เพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้รับบาดเจ็บจากแรงปะทะเมื่อครู่
“โชคดีจังที่หนูไม่เป็นไร”
สิตาโล่งอก สายตาจับอยู่ที่จักรยาน สภาพของมันยับเยินจนขี่ไม่ได้ ล้อหน้าบิดเบี้ยวเพราะปะทะเข้ากับกันชนหน้าของรถกระบะอย่างจัง
“รถหนูพังหมดเลย”
ดอกอ้อแสดงท่าทางเสียดายรถจักรยานออกมาอย่างเห็นไดชัด แม้จะเป็นเพียงรถเก่าๆ หากเธอก็รักและผูกพันกับมันมานาน จักรยานคันนี้เป็นยิ่งกว่า ‘ขา’ เพราะมันสามารถพาเธอโลดแล่นออกไปในทุกๆ ที่ของทุ่งกว้างท่ามกลางชนบทบ้านนอกแห่งนี้
“เรื่องจักรยานดี๋ยวฉันซื้อให้ใหม่... ไม่ต้องกังวลนะ หนูไม่ได้รับบาดเจ็บก็ดีแล้ว”
สมโชคบอกให้เด็กสาวสบายใจ ตอนแรกเขานึกว่าขาแข้งของเธออาจจะหัก ดีที่ล้อหน้าของจักรยานช่วยรับแรงปะทะเอาไว้
“แล้วหนูเป็นลูกเต้าเหล่าใคร... บ้านอยู่ที่ไหน เดี๋ยวน้าจะไปส่ง”
สิตามองหน้าดอกอ้อ รู้สึกถูกชะตากับเด็กสาวคนนี้ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
สมโชคกับสิตาพาดอกอ้อมาส่งถึงบ้าน ป้านิ่มกับลุงเด่นจ้องมองรถกระบะที่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านด้วยสีหน้างุนงงสงสัย เมื่อเห็นดอกอ้อก้าวลงมาจากรถพร้อมกับสองสามีภรรยาซึ่งเป็นคนแปลกหน้า
“นั่นมันเกิดอะไรขึ้นล่ะนังอ้อ”
ป้านิ่มตะโกนถามมาแต่ไกล เกรงว่าดอกอ้อคงจะไปสร้างความเดือดร้อนอะไรเข้าสักอย่าง
“เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยจ้ะป้า บังเอิญจักรยานของหนูดอกอ้อชนกับรถกระบะจ๊ะ เดี๋ยวหนูจะซื้อคันใหม่ชดใช้ให้นะจ๊ะ แล้วจะให้เงินค่าทำขวัญสักห้าพัน”
สิตาเป็นคนตอบคำถามของป้านิ่มแทนดอกอ้อ
“โห... คุณใจดีจัง จะว่าไปนังอ้อมันก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก นังนี่มันกระดูดเหล็กดีจริงๆ คุณซื้อจักรยานคันใหม่ให้ก็น่าจะพอ”
ป้านิ่มว่า
“ไม่เป็นไรจ้ะ... หนูรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้”