บทที่ 5 ไม่รู้จักพอ
คนที่ล้อมอยู่โดยรอบตอบสนอง และวิ่งเข้าใส่ฉินเทียนดั่งลูกหมาป่า
ฉินเทียนยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ทำเพียงเตะเท้าออกไปข้างหนึ่งเท่านั้น
พลั่กพลั่กพลั่ก !
ชายพวกนั้นต่างก็ลอยออกไปท่ามกลางเสียงร้องระงม ต่างคนต่างกุมท้องร้องโอดโอย ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีก
“ยังไม่พูดอีกเหรอ ?” ฉินเทียนเหยียบไปที่มือของไอ้หัวเหลืองข้างหนึ่ง ปลายเท้าค่อยๆ บดลงไป
“อ๊าก !”
“เจ็บจะตายอยู่แล้ว !”
”หยุดเถอะ ฉันพูด ฉันจะพูดทั้งหมด !”
ไอ้หัวเหลืองที่แทบจะเป็นลมตาย มันมองไปที่ฉินเทียน ราวกับว่าเขาเป็นปีศาจจากนรก
เขากลั้นความเจ็บปวด กัดฟันเอ่ย: “คุณชายซูก็คือซูเหวินเฉินจากตระกูลซู !”
“เขาให้พวกเราเก็บค่าเช่าเดือนละหมื่นหยวน”
“ส่วนเรื่องอื่นฉันก็ไม่รู้อะไรแล้ว……”
ที่แท้ก็เป็นแค่ขาสุนัขไม่กี่ตัว ดูแล้วถ้อยคำจากปากของพวกมันคงไม่มีข้อมูลที่มีประโยชน์อะไร
ฉินเทียนเตะไอ้หัวเหลืองออกราวกับเตะฟุตบอล พร้อมเอ่ยเสียงเย็น: “อย่าให้มีแบบนี้อีก !”
“ไม่อย่างนั้นพวกแกอย่างหวังว่าจะได้มีชีวิตอยู่ !”
พวกไอ้หัวเหลืองรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปอย่างกับหมาตาขาว
“ไอ้หนู แกกล้าทำร้ายพวกเรา คุณชายซูจะไม่ปล่อยแกแน่ !”
“หยางยู่หลัน แกเจอปัญหาใหญ่แน่ เตรียมตัวตายได้เลย !”
ฉินเทียนเงยหน้ามองไปยังนอกชายป่า ก็เห็นใบหน้าของแม่ยายที่ดูตื่นตระหนก
เป็นเพราะเธอกลัวว่าฉินเทียนจะโดนตีจนตาย ถึงได้ตามมา
“แม่ครับ ซูเหวินเฉิงไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องกับซูซูเหรอ ? นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”
คราแรกก็สั่งให้หลี่เฉียงแอบเอายาราคาแพงให้กับซูซูตอนอยู่โรงพยาบาล นี่ยังสั่งไอ้หัวเหลืองอันตพาลพวกนั้นมาข่มขู่เอาค่าเช่าราคาแพงอีก
ซูเหวินเฉิงคนนี้ มีเจตนาแอบแฝงอะไรกันแน่ ?
เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี่แล้ว หยางยู่หลันก็ไม่อาจปิดบังได้อีกต่อไป
เธอเอ่ยทั้งน้ำตา: “ซูเหวินเฉินนั่นไอสารเลว !”
“หลังจากที่ซูซูเกิดอุบัติเหตุ ฉันก็ไม่มีกะจิตกะใจบริหารบริษัท จากนั้นตระกูลซูก็เสนอตัวเข้ามาช่วยเหลือ แล้วฉันก็เชื่อใจพวกมัน”
“ใครจะไปรู้ว่าเพียงไม่กี่ปี พวกมันกลับหน้าไหว้หลังหลอก หักหลังฉันแล้วควบคุมบริษัทเอาไว้”
“ทรัพย์สมบัติของฉันทั้งหมด รวมทั้งวิลล่าและบ้านอีกหลายหลัง ต่างก็ถูกพวกมันยึดเอาไปจนหมด”
“นี่ยังไม่รวมถึงที่พวกมันไม่รู้จักพอ วางแผนจัดการให้ฉันมาถึงจุดจบ !”
ฉินเทียนกล่าวอย่างมีโทสะ: “พวกมันยังต้องการอะไรอีก ?”
หยางยู่หลันถอนหายใจ: “ต้องการสิทธิบัตรเวชสำอางที่อยู่ในมือฉัน”
“อันที่จริงสิทธิบัตรนี้ก็ไม่ใช่ของฉันหรอก แต่เป็นผลงานของซูซู”
“เด็กคนนี้น่ะหมกมุ่นอยู่กับยาสมุนไพรจีนตั้งแต่เล็กๆ ผ่านการค้นคว้าและวิจัยสมุนไพรมามากมายจึงค้นพบสูตรยาสูตรหนึ่งเข้า”
“ตามสภาพผิวของผู้หญิงเอเชียอย่างพวกเรา ต้องใช้เวชสำอางที่สกัดมาจากยาสมุนไพรจีนอันบริสุทธิ์”
“เพราะว่าฉันทำธุรกิจทางด้านยาอยู่แล้ว เธอก็เลยให้สิทธิบัตรกับฉัน ฉันจึงนำไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าว่า ครีมซูยู่”
“ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันได้ผลิต ก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาเสียก่อน”
“ตระกูลซูจอมชั่วร้ายนั่น ตลอดไม่กี่ปีที่ผ่านมาพยามที่จะให้ฉันยกสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าให้กับพวกมัน เลวจริงๆ !”
ฉินเทียนที่เงียบไปครู่หนึ่งจีงเอ่ย: “แม่ครับ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับซูซูกันแน่ ?”
เมื่อนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา นัยน์ของหยางยู่หลันก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เธอเอ่ยอย่างโศกเศร้า: “เช้าวันนั้น ฉันได้รับโทรศัพท์จากซูซูว่า ปู่ของเธอเรียกให้เธอไปที่บ้านพักคนชราเพื่อที่จะพบกับผู้ป่วยคนสำคัญคนหนึ่ง แม้แต่ตอนกลางวันก็ไม่ได้กลับบ้านมาทานข้าว”
“ตอนนี้เธอกำลังฝึกงานอยู่ที่โรงพยาบาลประชาชนที่หนึ่ง ซึ่งนั่นมันก็เป็นเรื่องปกติ ฉันก็เลยไม่ได้สนใจ”
“ใครจะไปรู้ว่า ตอนบ่ายจะได้รับข่าวร้าย ตอนที่ฉันไปถึง เธอก็กำลังรับการรักษาอยู่ที่ห้องไอซียูแล้ว”
“พยาบาลเล่าให้ฉันฟังว่า ซูซูโดดลงมาจากหน้าต่างบนชั้นแปดที่บ้านพักคนชรา”
“ตอนนั้นเสื้อผ้าก็ขาดรุ่งริ่งไปหมด”
“หลังจากที่ได้รับการช่วยเหลือ เธอรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ขาทั้งสองข้างหัก สมองยังได้รับกระทบกระเทือนอีก !”
“ต่อมาฉันอยากจะตรวจสอบว่าใครเป็นคนไข้ของเธอกันแน่ แต่ก็ไม่มีใครบอกฉัน”
“ซูเป่ยซานเตือนฉันว่าถ้าไม่อยากให้ซูซูหายไปจากโลกนี้ ก็ลืมเรื่องทั้งหมดซะ ไม่ต้องไปสืบหาข้อมูลของคนคนนั้น……”
“เขาบอกว่าอำนาจและตัวตนของคนคนนั้นน่ะ อยู่เหนือจินตนาการของพวกเรา !”
พูดเสร็จเธอก็กุมหน้าและร้องไห้ออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ฉินเทียนนึกถึงคำของพวกที่จับตนไปโยนทิ้งแม่น้ำตง เอ่ยเสียงต่ำ: “แม่ครับ แม่รู้จักคนที่ชื่อคุณชายเฟยไหม ?”
หยางยู่หลันท่าทางงุนงงแล้วส่ายหัว
ฉินเทียนกัดฟัน นัยน์ตาปรากฏไอสังหาร !
ซูเป่ยซานต้องรู้ถึงตัวตนของคนคนนั้นแน่นอน เพื่อที่จะประจบคนคนนั้น เขาจึงส่งหลานสาวคนสวยไปดูแล
ไอ้เวรนั่นต้องทำชั่วๆ กับซูซูแน่ๆ ซูซูถึงไม่มีทางเลือก จึงต้องโดดลงมาจากชั้นแปด !
ตระกูลซู !
เขาหมุนตัวจะจากไป !
หยางยู่หลันเกิดตื่นตระหนก: “ฉินเทียน นายจะทำอะไร ?”
ฉินเทียนขบฟันเอ่ย: “แม่ครับ ถ้าไม่ได้ล้างแค้น ก็ไม่นับว่าเป็นมนุษย์ !”
“ผมจะไปที่ตระกูลซู ช่วยเอาบริษัทของคุณกลับคืนมา แล้วก็หาคนร้ายที่ทำร้ายซูซูเมื่อตอนนั้นด้วย !”
“ผมสาบานแล้วว่าพวกมันต้องได้ชดใช้เป็นสิบสิบเท่า !”
“ไม่นะ !”หยางยู่หลันรีบคว้าเสื้อของฉินเทียนเอาไว้: “เราตกลงกันแล้วนี่ว่านายอยู่ที่นี่ได้ แต่ต้องไม่สร้างปัญหาให้พวกเรา”
“บริษัทอะไรนั่นน่ะ ไม่มีก็ช่างมัน ฉันแค่อยากมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข”
“ฉินเทียน ตระกูลซูในตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ด้วยนายแค่คนเดียวน่ะ ไม่อาจต่อกรกับพวกมันได้หรอก”
“รับปากฉันสิว่าจะไม่ไปยุ่งกับเรื่องนี้แล้ว โอเคไหม ?”
ฉินเทียนเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของหยางยู่หลัน ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงทำได้เพียงแค่พยักหน้า
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หยางยู่หลันก็ไปทำอาหารกลางวัน
หลังจากทานอาหารเสร็จ ฉินเทียนก็เสนอตัวว่าจะล้างจานเองและเดินไปยังห้องครัว ในตอนนี้หยางยู่หลันก็ได้รับสายโทรศัพท์
เป็นพ่อบ้านตระกูลซูที่โทรมา วันนี้คือวันที่ 15 สิงหาคม ตามระเบียบแล้ว ต้องแจ้งพวกเขาให้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำประจำปีของครอบครัว
หยางยู่หลันหัวเราะเยาะกับตัวเอง: “งานเลี้ยงอาหารค่ำอะไร ก็แค่เวทีอวดชื่อเสียงเท่านั้นแหละ”
“ฉันไม่มีทางไปหรอก”
“ฉินเทียน ตอนบ่ายฉันจะออกไปทำงาน นายดูแลซูซูนะ”
“ไว้รอเลิกงานก่อน ฉันจะซื้อของเข้ามา แล้วพวกเราค่อยกินข้าวกัน”
ฉินเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ย: “แม่ครับ ในเมื่อพ่อบ้านแจ้งมาแล้ว ผมว่าเราควรไปเข้าร่วมสักหน่อยจะดีกว่านะ”
“คุณไม่ต้องห่วง ยังไงก็มีผมอยู่ทั้งคน”
หยางยู่หลันลังเลไปชั่วครู่และพูดว่า: “ก็ได้ มีบางเรื่องที่อยากจะบอกต่อหน้าพวกนั้นให้ชัดๆ เหมือนกัน ในวันข้างหน้าจะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกันอีก พวกเราจะได้อยู่กันอย่างสงบกันสักที”
เธอต้องไปทำงานในตอนบ่าย ก่อนที่จะออกไป เธอพูดอย่างสงสัย: “นายรักษาได้จริงๆ ใช่ไหม ?”
ฉินเทียนยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า: “กี่ปีมานี้ผมได้เรียนรู้วิชาฝังเข็มมาบ้าง แต่สถานการณ์ของซูซูนั้นค่อนข้างจะซับซ้อน ผมจะพาเธอไปเก็บสมุนไพรจีนมาทำซุปสงบจิตสักหน่อย”
หยางยู่หลันพยักหน้า และไม่ได้นำมาใส่ใจอะไร
คนหนุ่มสาวชอบพูดคุยโว เรียนการฝังเข็มมาบ้าง ทั้งยังบอกว่าบนโลกนี้ไม่มีโรคที่ไม่สามารถรักษาได้
เธอชินแล้วล่ะ
ฉินเทียนเข็นซูซูออกจากบ้าน
เขารู้สึกได้ว่าแม้การแสดงออกของซูซูจะเฉยชา แต่จิตวิญญาณนั้นยังอยู่ในความไม่สงบและสับสนอย่างรุนแรง
ในกรณีนี้ หากจะฝืนใช้กุ่ยเหมินสิบสามต่อไป เกรงว่ามันจะมีผลเสียตามมา
ดังนั้นพักฟื้นตัวก่อนสักหน่อยแล้วค่อยว่ากัน
เข็นซูซูมาถึงร้านยาจีนที่มีชื่อว่า “ร้านยายู่เหริน”
กลิ่นหอมของสมุนไพรจีนฟุ้งกระแทกหน้า ฉินเทียนรับรู้มันได้ในทันที ซูซูเองก็เช่นกัน
นัยน์เฉยชาของเธอมีประกายแสงเล็กน้อย
หืม ?
เขาใจเต้น
แม่ยายบอกว่า ซูซูหมกมุ่นกับแพทย์แผนจีนมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นไปได้ไหมว่ากลิ่นที่คุ้นเคยนี้จะไปกระตุ้นความทรงจำของเธอเข้า ?
ดูเหมือนว่าครั้งนี้ตัวเองจะมาถูกทางแล้ว
“หยุดก่อน !”
“ข้างในมีผู้มีเกียรติเจรจาธุรกิจอยู่ หากจะซื้อยาก็รอสักครู่”
ขณะที่กำลังจะเข้าไป หน้าประตูร้านยาก็มีชายวัยกลางคน ผิวพรรณดำเข้ม กล้ามเนื้อแน่นปรากฏขึ้น ขวางทางพวกเราเอาไว้ด้วยสีหน้าว่างเปล่า