บทที่ 3 กุ่ยเหมินสิบสาม
หม่ายงที่เห็นใบเสร็จพวกนั้นก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
“เดิมทีแล้วยาพวกนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เพราะว่ามันเป็นของนำเข้า ราคาจึงค่อนข้างสูง ปกติเราจะใช้ยาตัวนี้เมื่อผู้ป่วยเป็นฝ่ายขอเท่านั้น——”
หยางยู่หลังที่อยู่ข้างๆ รีบเอ่ยปาก: “ผู้อำนวยการหม่า พวกเราไม่ได้ขอให้ใช้ยาพวกนี้เลยนะคะ !”
“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ยา พวกเราก็ขอร้องมาโดยตลอดว่าขอให้ครอบคลุมอยู่ในประกัน”
“ยาแพงๆ อย่างนี้ พวกเราจะมีปัญญาใช้ได้ยังไง !”
หม่ายงมองไปยังหลี่เฉียงด้วยใบหน้าบึ้งตึง: “หัวหน้าหลี่ ตกลงยังไงกันแน่ ?”
“คุณบอกกับผมให้ชัดเจนต่อหน้าทุกคนเดี๋ยวนี้ !”
หลี่เฉียงตกใจมือไม้สั่น รีบเอ่ย: “ผู้อำนวยการครับ ฟังผมพูดก่อน ทั้งหมดนี่เป็นสิ่งที่ตระกูลซูสั่งมาครับ”
“คุณชายน้อยตระกูลซู ซูเหวินเฉิง เป็นคนโทรหาผมด้วยตัวเอง บอกว่าต้องใช้ยาที่ดีที่สุดครับ”
“ส่วนใครจะเป็นคนจ่ายนั้น เขาไม่ได้บอก——”
ซูเหวินเฉิง ?
เมื่อได้ยินอย่างนั้น หยางยู่หลันก็เอ่ยขึ้นด้วยความโมโห: “ฉันเข้าใจแล้ว ไอ้เด็กเวรซูเหวินเฉิง มันจงใจแกล้งพวกเรา !”
“มันจะใช้ค่ารักษาพยาบาลแพงๆ มาแกล้งพวกเราน่ะสิ !”
“ฉันไม่สน!”
“พวกคุณเปลี่ยนยาโดยที่ไม่แจ้งฉันก่อน ค่ารักษาทั้งหมดนี้ พวกคุณก็ไปเอาจากซูเหวินเฉิงแล้วกัน !”
หม่ายงมองไปที่ฉินเทียน ลองพูดหยั่งเชิงออกไป: “นี่เป็นปัญหาของพวกเราจริงๆ ครับ คุณฉิน ผมมีวิธีหนึ่ง”
“ค่าใช้จ่ายทั้งหมดพวกนี้ ทางโรงพยาบาลจะเป็นฝ่ายจัดการเอง คุณว่ายังไงครับ?”
ฉินเทียนชี้ไปยังเฉ่าเต๋อและหลี่เฉียงพร้อมพูดเสียงเย็น: “สองคนนี้ ไม่มีจรรยาบรรณแพทย์ ผมคิดว่าให้อย่ในทีมแพทย์ต่อไปมันจะไม่เหมาะสมนะครับ เดี๋ยวจะทำลายชื่อเสียงอันดีงามเอาได้”
“ไล่ออกทันที และเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพแพทย์อย่างถาวรซะ”
“อะไรนะ?” หม่ายงตกตะลึง
การเลิกจ้างนั้นนับเป็นการลงโทษที่รุนแรงที่สุดแล้ว
แต่นั่นคงก็ไม่ได้ไร้ความปรานีขนาดนั้น เฉ่าเต๋อและหลี่เฉียงยังสามารถทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลอื่นได้อยู่
แต่หากเพิกถอนใบประกอบวิชาชีพแพทย์ ทั้งยังเพิกถอนแบบถาวรอีก นั่นเท่ากับว่าตัดช่องทางทำมาหากินของทั้งสองโดยตรง
เมื่อเฉ่าเต๋อกับหลี่เฉียงได้ยินดังนั้นก็ร้อนรน นัยน์ตากลายเป็นสีแดง พร้อมกับพุ่งไปหาฉินเทียน
ฉินเทียนยกขา ถีบไปทางพวกเขาเหมือนกับเตะฟุตบอล
เขามองหม่ายง พร้อมเอ่ยเสียงเย็น: “มันยากสำหรับคุณงั้นเหรอ?”
“หรืออยากจะให้ผมโทรหาหวางโป๋เหนียน แล้วให้เขามาบอกคุณว่าต้องจัดการยังไง?”
“หวาง……” หม่ายงตกใจจนอ้าปากค้าง
หวางโป๋เหนียน!
เจ้าสมาคมของสมาคมการแพทย์!
เขาเป็นผู้อำนวยการระดับเมือง ต่อหน้าหวางโป๋เหนียนแล้ว ล้วนไม่แม้แต่จะกล้าผายลม!
คิดจะประจบสักหน่อย แต่ดันไม่มีหนทาง
ไม่คิดเลยว่าฉินเทียนไม่เพียงจะเรียกชื่อเขาออกมา แต่ฟังดูแล้วยังเรียกออกมาได้สบายๆ อีกด้วย
ราวกับหวางโป๋เหนียนเป็นเพียงแค่ลูกน้องคนหนึ่งของเขาอย่างนั้น
หม่ายงตื่นตกใจจนเหงื่อออกทั่วทั้งตัว รีบเอ่ย: “ไม่ต้องหรอกไม่ต้อง!”
“เรื่องเล็กแค่นี้ ผมพอจัดการได้ครับ!”
เขามองเฉ่าเต๋อกับหลี่เฉียงพร้อมเอ่ยอย่างเข้มงวด:
“ฉันได้รับรายงานมาไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้งว่า พวกนายรับสินบนจากพวกคนไข้”
“ขยะพวกนี้น่ะ มีแต่จะทำให้วงการแพทย์ของเราแปดเปื้อน!”
“นับจากนี้ไป พวกนายไม่ใช่หมอของโรงพยาบาลของเราอีกแล้ว”
“ส่วนใบประกอบวิชาชีพแพทย์ของพวกนาย ฉันจะรีบรายงานกับสมาคมให้เพิกถอนอย่างถาวรในทันที!”
“ผู้อำนวยการหม่า คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ! นี่อยากจะบีบให้พวกเราตายหรือไง!”
“ผู้อำนวยการหม่า ขอร้องล่ะ ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลย!”
พอทั้งสองได้ฟังดังนั้น ก็ตกใจจนอกสั่นขวัญหาย รีบเข้าไปคุกเข่าต่อหน้าหม่ายงพร้อมกับวิงวอนขอร้อง
หม่ายงถอนหายใจ และยิ้มให้กับฉินเทียน: “คุณฉิน แบบนี้โอเคแล้วใช่ไหม?”
หลี่เฉียงกับเฉ่าเต๋อก็ตอบสนอง และรู้ว่ากุญแจสำคัญของปัญหานั้นอยู่ที่ฉินเทียน
พวกเขาจะรอดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับคำพูดของฉินเทียนเพียงเท่านั้น
พวกเขาคุกเข่าต่อหน้าฉินเทียน พร้อมทั้งโขกหัวขอร้องไม่หยุด ดูแล้วเหมือนกับหมาสองตัวที่กำลังตกน้ำไม่มีผิด
ในตอนนี้ หญิงบ้านนอกที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ ก็เอ่ยออกมาเบาๆ:
“คุณผู้ชายท่านนี้ ถ้าคุณต้องการจะไล่หมอหลี่ออกไปจากโรงพยาบาลนี้ล่ะก็ คุณต้องรอให้เขาผ่าตัดลูกชายฉันให้เสร็จก่อน”
“ถ้าเขาออกไปแล้ว ลูกฉันจะทำยังไงล่ะ?”
ฉินเทียนกล่าวขึ้นอย่างจริงใจ: “คุณไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะช่วยดูแลให้คุณเอง”
“ถ้าไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายล่ะก็ บนโลกนี้คงไม่มีโรคใดที่ผมรักษาไม่ได้หรอก”
หญิงบ้านนอกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
หม่ายงที่ได้ยินคำพูดของฉินเทียนก็ตาเป็นประกาย
ไม่แปลกใจที่เขาเรียกชื่อเจ้าสมาคมการแพทย์หวางโป๋เหนียนออกมาได้โดยตรง หรือว่าเขาจะเป็นหมอเทวดา?
“หัวหน้าหวาง ไล่สองคนนี้ไปให้พ้น”
“กระทบต่อชื่อเสียงของโรงพยาบาลน่ะเป็นเรื่องเล็กน้อย กระทบต่ออารมณ์ของคณฉินต่างหากที่เป็นเรื่องใหญ่!”
หัวหน้ารปภ.หัวล้านตาสามเหลี่ยมคนนั้นถึงกับตะลึง
เขาถูกหลี่เฉียงเรียกมา เดิมทีแล้วต้องจัดการกับพวกนักเลง
แต่สิ่งที่ผู้อำนวยการสั่งมานั้น ก็ไม่อาจไม่เชื่อฟังได้ เขากับลูกน้องจึงต้องไล่หลี่เฉียงกับเฉ่าเต๋อออกไปราวกับหมาตัวหนึ่ง
ในที่สุดก็เงียบสงบสักที
ผู้ป่วยและครอบครัวที่มามุงอยู่รอบๆ ต่างก็เคยถูกสองคนนี้เอาเปรียบอยู่ไม่น้อย ในตอนนี้ พวกเขาก็ปรบมือให้อย่างตื่นเต้น
หญิงบ้านนอกคนนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย: “คุณดูอายุน้อยอย่างนี้ จะรักษาได้จริงๆ เหรอ?”
ฉินเทียนพูดกับหยางยู่หลันที่อยู่ข้างๆ ว่า: “คุณแม่ ผมจะไปดูเด็กคนนั้นสักหน่อย คุณกับซูซูรออยู่ที่นี่โอเคไหม?”
“คุณวางใจได้ ผมจะต้องรักษาโรคของซูซูได้แน่”
หยางยู่หลันลังเลอยู่ชั่วครู่จึงพยักหน้า
สายตาที่เธอมองไปยังฉินเทียน ยังคงเต็มไปด้วยความไม่คุ้นเคยและปรปักษ์
ผู้ชายคนนี้ทำลายชื่อเสียงของลูกสาวตนเอง หลังจากแยกกันไปห้าปี คิดว่าเขาจะตายไปแล้วซะอีก
ตอนนี้จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา แถมยังดูเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีก
แม้แต่ผู้อำนวยการคนนั้น ก็ยังเชื่อฟังคำพูดของเขา
นอกจากนั้น ดูเหมือนว่าจะยังเกี่ยวพันกับสมาคมทางการแพทย์อีก
เพราะว่าก่อนหน้านี้เคยทำงานในวงการแพทย์มาก่อน ดังนั้นหยางยู่หลันจึงพอจะเข้าใจเกี่ยวกับสมาคมทางการแพทย์อยู่บ้าง
“คุณฉิน มากับผมสิ !” หม่ายงพาฉินเทียนไปยังวอร์ดคนไข้ด้วยตนเอง
เขาก็อยากเห็นด้วยตาของตนเอง ว่าเจ้าหนุ่มที่อ้างว่าบนโลกในนี้ไม่มีโรคใดที่เขารักษาไม่ได้น่ะ แท้จริงแล้วจะเป็นคนวิเศษขนาดไหน
“ผู้ป่วยตี๋เสี่ยวเหมา แปดเดือน”
“ผู้หญิงคนนี้เผลอหลับตอนที่ให้นมลูกกลางดึก แล้วไปทับเด็กเข้า ถ้าหากรู้ตัวช้ากว่านี้ล่ะก็ คงจะช่วยเอาไว้ไม่ได้แล้ว…”
“เนื่องจากขาดออกซิเจน เลยทำให้เซลล์สมองของเด็กตายไปจำนวนมาก เหมือนกับที่คนทั่วไปเรียกกันว่าสมองพิการ……”
“ในกรณีนี้ ทางการรักษาของโรงพยาบาลเราถือไม่มีประโยชน์ที่จะรักษาต่อไป……คุณฉิน คุณทำอะไรน่ะ?”
“จะฝังเข็มงั้นเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าฉินเทียนจับตี๋เสี่ยวเหมาพลิกหันหลัง จากนั้นก็หยิบกล่องใส่เข็มเล็กๆ ออกมา หม่ายงตกตะลึง พร้อมกับอย่างจะหัวเราะ
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองนั้นเอาจริงเอาจังกับเจ้าหนุ่มคนนี้เกินไปหรือเปล่า?
ฝังเข็มรักษาสมองพิการได้? นี่ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม!
เพียงแต่เข็มบางๆ ในมือของฉินเทียนนั้นดูจะพิเศษอยู่เล็กน้อย
มันดูบางและยาวกว่าเข็มที่ใช้ทั่วไป นอกจากนั้นมันยังเป็นสีดำ ไม่รู้ว่าทำมาจากวัสดุอะไร
เขาอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่การกระทำต่อมาของฉินเทียนนั้นทำให้เขาตกใจจนอ้าปากค้าง
“นี่คือกุ่ยเหมินสิบสามที่เขาลือกันงั้นเหรอ?” ตลอดจนการรักษาของฉินเทียนสิ้นสุดลง หม่ายงถึงจะเอ่ยคำออกมาด้วยเสียงเบาได้
เพราะว่าตื่นเต้น เสียงจึงเต็มไปด้วยความสั่นไหว
ฉินเทียนรวบรวมพลังไว้ที่กลางฝ่ามือ และตบไปที่กลางหลังของตี๋เสี่ยวเหมาเบาๆ
ตี๋เสี่ยวเหมาที่อยู่ในอาการโคม่าก็ร้องแว้ออกมา และเริ่มร้องไห้
ฉินเทียนเดินไปที่ประตูพร้อมพูดอย่างเฉยเมย:
“เด็กไม่ได้เพราะถูกทับ แต่เป็นเพราะเสมหะต่างหากที่ทำให้หายใจลำบาก……ผู้อำนวยการหม่า เรื่องเกี่ยวกับผมน่ะ ระวังปากด้วย”
ไม่ทันที่หม่ายงจะได้ตอบโต้ ฉินเทียนก็เดินออกไปไกลแล้ว
“กุ่ยเหมินสิบสาม!”
“ไม่นึกเลย ว่าฉันจะได้เห็นกุ่ยเหมินสิบสามตามที่เขาลือกัน!”
“คุณฉินคนนั้น หรือว่าเขาคือ——” ทันใดนั้นก็นึกถึงข่าวลือของคนคนหนึ่งขึ้นมา หม่ายงสั่นไปทั้งตัวจนเกือบจะล้มลง
ทั้งศีรษะเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น เขารู้สึกดีใจอย่างสุดซึ้งที่ตนเองไม่ได้ทำให้ฉินเทียนขุ่นเคือง!