รักใครรักจริง
“ ก็คุณหนูเสียใจเพราะผู้หญิง งั้นเราก็หาผู้หญิงให้คุณหนูเลยสิครับ ถ้าคุณหนูเจอคนถูกใจ เดี๋ยวก็ลืมคุณสายชลได้เองแหละ ”
“ โอ๊ย ฉันบอกเลยว่ายาก ตาธิเบตน่ะมันรักของมันจะตาย เฝ้ารักเฝ้ารอตั้งแต่ที่เรียนเมืองนอกด้วยกัน ห้าปีนะที่มันสม่ำเสมอของมันอย่างนั้น นิสัยรักใครรักจริงนี่ได้พ่อไม่มีผิด ”
“ แหม คุณท่านได้ทีก็เอาใหญ่เชียวนะครับ ”
“ ไม่ได้สิ ” ทั้งนายทั้งบ่าวหัวเราะกันยกใหญ่
“ เอาเถอะครับคุณท่าน ผมว่าลองดูก็ไม่เสียหลาย แทนที่คุณท่านจะหาเลขาเพื่อทำงานเพียงอย่างเดียว ก็หันมาหาเลขาแซ่บ ๆ นัว ๆ ไปยั่วต่อมชายชาตรีสักคน ผู้ชายน่ะครับท่าน ยังไงก็ผู้ชายวันยันค่ำ เจอสาว ๆ สวย ๆ เข้าอีกหน่อยก็ลืม ”
“ คิดว่าฉันไม่ลองหรือไง นี่จัดไปให้ตั้งสี่ห้าคนแล้ว สวยแซ่บชนิดเนื้อนมไข่ทั้งนั้น ล่าสุดไล่ตะเพิดลูกสาวเพื่อนสนิทของฉันออกมาจากห้องเหมือนหมูเหมือนหมา ”
“ในเมื่อคุณธิเบตชอบผู้หญิงเรียบร้อย ไม่ชอบพวกเปิ๊ดสะก๊าดเปิดหน้าเปิดหลัง ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ลองหาผู้หญิงเรียบร้อยแบบคุณสายชลดูล่ะครับ”
“ แกว่าอย่างนั้นเหรอเดช ”
“ ก็ดีกว่าอยู่เฉย ๆ แล้วไม่ได้ลองนะครับ ” ท่านอลังการนั่งเงียบ สายตาเหม่อมองออกไปนอกกระจกอย่างเลื่อนลอย ก็จริงอย่างที่พลขับคู่กายว่า ไม่ลองก็ไม่รู้ ดีกว่ามานั่งเห็นลูกชายคนเดียวต้องตกอยู่ในสภาพนี้
รถเลี้ยวเข้าสู่ถนนเส้นหนึ่งอันมีของอยู่ของกินเรียงราย ท่านจึงสั่งพลขับทันที
“ เดช หาที่จอด กินมื้อเช้ากันแถวนี้เถอะว่ะ ดูสิของกินเยอะเชียว ”
“ ครับคุณท่าน ”
พลขับรับคำพลางมองหาที่จอด เมื่อเจอแล้วก็รีบหักพวงมาลัยเข้าเทียบในทันที
สองหนุ่มใหญ่นายบ่าวเดินลงจากรถมาชมตลาดเช้าอันเต็มไปด้วยของกิน ตะวันยังไม่ลืมตามาสาดแสงเจิดจ้า จึงมีเพียงสายลมโชยโบก แสงไฟจากนีออนของแม่ค้าพ่อขาย อาหารหลากชนิดหน้าตาน่ารับประทานแถมยังราคาถูกเรียงรายสองข้างทาง มันคือเสน่ห์อันน่าหลงใหลของชานเมือง ความธรรมดาที่ซุกซ่อนอยู่ในหลืบเล็ก ๆ แห่งความเจริญทางเทคโนโลยีแห่งเมืองหลวง
“ เดช กินโจ๊กกันไหม ดูสิ คนนั่งเยอะท่าทางจะอร่อย ” ผู้เป็นนายเอ่ยขึ้น บ่าวส่ายหน้าดิก
“ คุณท่านครับ ดูหน้าคนทำสิ ยังเด็กทั้งสองคนเลยน่ะ ผู้หญิงนั่นดูท่าน่าจะไม่เกินยี่สิบ ไอ้หัวเกรียนนั่นยังมัธยมอยู่เลยมั้ง ถึงจะตัวสูงก็เหอะ เด็กสมัยใหม่มันจะทำอร่อยสู้เจ้าเก่าได้ยังไงครับท่าน ” ท่านส่ายศีรษะ
“ แกนี่มันไม่ได้เรื่องจริง ๆ ไอ้เดช เที่ยวไปตัดสินโน่นนี่จากทัศนคติบ้าบอ ไปยึดติดอะไรเก่า ๆ อย่างนั้นได้ยังไง ดูอย่างแกกับฉันสิ ฉันอายุมากกว่าแกแต่ยังดูหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวกว่าแกอีก คนเรามันตัดสินกันจากภายนอกไม่ได้ ไป ลองไปนั่งชิมกัน เห็นไหม มีน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋กับเต้าฮวยน้ำขิงด้วย ”
ดังนั้นสองหนุ่มใหญ่วัยดึกจึงพากันเดินไปนั่งโต๊ะด้านซ้ายมุมสุดของร้าน เด็กหนุ่มรีบเดินเข้ามาถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“ ลุงกินไรดีครับ ” ท่านอลังการยิ้มตอบแล้วสั่ง
“ เอาโจ๊กพิเศษใส่ทุกอย่างสอง แล้วอะไรที่มีในร้านก็เอามาทั้งหมดอย่างละสองชุดเลยหนุ่ม ”
“ ครับผม รอสักครู่ครับ ” เด็กหนุ่มว่าก่อนจะเดินกลับไปออร์เดอร์หญิงสาวที่กำลังตักโน่นตักนี่ง่วนไปหมด
“ พี่รัน โต๊ะริมโจ๊กพิเศษสอง แล้วเอาทุกอย่างอย่างละสอง ” พี่สาวพยักหน้า พลางใส่น้ำเต้าฮวยและน้ำเต้าหู้ลงในถุงใหญ่
“ เดี๋ยวเดินเอานี่ไปส่งร้านแปะฮ้งหน่อย ร้อยสี่สิบบาท ” รอนรับมาแล้วเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง จึงเป็นหน้าที่ของรันดาที่ต้องทั้งตักทั้งเสิร์ฟเอง เมื่อเธอจัดอาหารเรียบร้อยก็ยกมาที่โต๊ะของท่านอลังการ
“ นี่ค่ะ โจ๊กพิเศษ เต้าฮวยน้ำขิง น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋หนึ่งจานใหญ่ ” เธอว่าพลางเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ลูกค้าผู้ที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เพราะส่วนมากเธอจะจำลูกค้าได้เนื่องจากเป็นขาประจำแถว ๆ นี้
แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าลูกค้าวัยกลางคนทั้งสองจ้องหน้าเธออย่างตะลึง รันดาถามออกไปด้วยความสงสัย