บทที่ 14 ราชันย์ผู้เย่อหยิ่ง
“พูดมาเถอะไม่เป็นไร”
เห็นได้ชัดว่าชายชราไม่ใช่คนที่ชอบดูถูกคนอื่น
ถึงแม้จากการแต่งตัวของเย่เฉิงเฟิงจะเป็นแค่รปภ.ธรรมดา แต่เขาก็ยังปฏิบัติอย่างสุภาพ
“งั้นผมขอพูดตรง ๆ เลยนะ”
เย่เฉิงเฟิงกล่าว “บ่อน้ำพุร้อนของคุณ ความจริงแล้วไม่ใช่น้ำพุร้อนแท้ ๆ”
“หมายความว่ายังไง?”
ชายชราไม่เข้าใจ “ถ้าไม่ใช่น้ำพุร้อน แล้วน้ำในบ่อจะร้อนได้ยังไง?”
“ผมบอกได้แค่ว่าก้นบ่อมีอะไรบางอย่าง และเป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์อย่างร้ายแรง”
เย่เฉิงเฟิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“เป็นไปได้ยังไง?”
ชายชราไม่เชื่อแม้แต่นิดเดียว ในดวงตาฉายแววระแวงและผิดหวังเล็กน้อย รู้สึกว่าเย่เฉิงเฟิงอาจจะฉวยโอกาสนี้หลอกเอาเงินเขา
“ช่วงนี้คุณตาเป็นไข้บ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ รู้สึกว่าแช่อยู่ในบ่อเท่านั้นถึงจะสบายตัวมาก ทุกคืนจะรู้สึกกระหายน้ำจนทนไม่ไหว บางครั้งรู้สึกว่าในท้องทรมานเหมือนมีไฟแผดเผาใช่ไหมครับ?”
“นายรู้ได้ยังไง?”
ชายชราอุทานด้วยความตกใจ หัวใจสั่นสะท้าน
ถึงแม้เรื่องที่เขาป่วยหนักจะมีคนรู้เยอะก็ตาม
แต่รายละเอียดเฉพาะเจาะจง มีแค่ไม่กี่คนที่รู้
แม้แต่เรื่องที่แช่อยู่ในบ่อถึงจะรู้สึกสบายตัวมาก เขาก็ไม่เคยบอกแพทย์ด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าการแช่น้ำพุร้อนต้องสบายตัวอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับอาการป่วย
ตอนนี้พอหนุ่มน้อยคนนี้พูดออกมา เขาก็รู้สึกขึ้นมาจริง ๆ ว่าตัวเองพึ่งพาบ่อน้ำพุร้อนมากกว่าความต้องการของคนทั่วไป
ยังจำได้ว่าเมื่อก่อน เขาต้องแช่ก่อนนอนทุกคืน
ตั้งแต่ป่วยเป็นไข้ ก็แช่อย่างน้อยวันละสองครั้ง
ช่วงนี้แช่วันละมากกว่าสามครั้ง บางครั้งรู้สึกว่าแช่ครึ่งวันยังไม่นานไปเลย อยากแช่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ
“ภายในหนึ่งเดือน ถ้าไม่รักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม อวัยวะภายในจะถูกทำลายจนเสียชีวิต!”
เย่เฉิงเฟิงชูขึ้นมาหนึ่งนิ้ว แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมจริงจัง
ชะงักไปเล็กน้อย เย่เฉิงเฟิงก็หันไปมองเสี่ยวปู้ที่กำลังแช่ในบ่อ “ตอนนี้เขาแช่ไม่กี่ครั้ง แต่ร่างกายเกิดปัญหาแล้ว อาจตายก่อนวัยอันควร”
“ฮะ!”
ชายชราอุทานด้วยความตกใจ แล้วรีบดึงเสี่ยวปู้ออกมาจากบ่อโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
จนถึงตอนนี้ เขาเชื่อสนิทใจแล้ว
เมื่อเจ็ดวันก่อน เขาได้รับหนังสือแจ้งผู้ป่วยอาการวิกฤติจากโรงพยาบาล บอกว่าอย่างมากสุดเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกหนึ่งเดือน ดังนั้นเมื่อหลานชายปิดเทอมภาคฤดูร้อน จึงรีบให้คนไปรับมาอยู่เป็นเพื่อนไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน
แต่ไม่คิดเลยว่าตอนนี้หลานชายก็เกิดปัญหาตามไปด้วย ทำให้ชายชรานึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
ครุ่นคิดเล็กน้อย ชายชราก็อดถามไม่ได้ “พ่อหนุ่ม นายรู้วิชาแพทย์ใช่ไหม?”
“ไม่ปิดบังคุณตา ผมเรียนรู้เคล็ดลับแพทย์แผนจีนกับปู่มาตั้งแต่เด็กครับ”
เย่เฉิงเฟิงแต่งเรื่องพื้นฐานวิชาแพทย์ขึ้นมาส่ง ๆ
“งั้น...พ่อหนุ่มพอจะมีวิธีรักษาไหม?”
ชายชราถามด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม ไม่ลืมที่จะเอ่ยเสริมว่า “ขอแค่นายรักษาพวกเราปู่หลานหายดี ไม่เกี่ยงค่ารักษา ตราบใดที่ฉันคนนี้ทำได้ จะยินดีทำทุกอย่าง”
ปีนี้เขาอายุหกสิบแปดแล้ว ถึงแม้จะใช้ชีวิตมาเกินครึ่ง สร้างธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ให้ตระกูล
แต่เขายังไม่ทันได้ดื่มด่ำความสุขกับครอบครัวเต็มที่เลย ไม่อยากจากไปพร้อมกับความเสียใจ และไม่อยากให้หลานชายสุดที่รักเคราะห์ร้ายตามไปด้วย
“วิธีก็พอจะมีนะครับ”
เย่เฉิงเฟิงยิ้มพลางพยักหน้า “แต่ค่าตอบแทน ผมไม่ต้องการเงินทองอะไรหรอก แค่ขอเอาของบางอย่างที่ก้นบ่อไปก็พอ นอกจากนี้ขอเอาไปก่อนแล้วค่อยดูอาการป่วยนะครับ ถึงตอนนั้น ‘บ่อน้ำพุร้อน’ ของคุณก็ต้องหายไปด้วย!”
“ไม่มีปัญหา ไม่มีบ่อน้ำพุร้อนก็ไม่เป็นไร”
เมื่อชายชราได้ยินว่าค่าตอบแทนแค่นี้ ก็ตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
เขาคิดว่าตัวเองกับหลานชายป่วยเพราะมีบางอย่างที่ก้นบ่อเป็นต้นเหตุ
ถึงแม้เย่เฉิงเฟิงจะไม่ขอเอาของที่ก้นบ่อไป เขาก็จะให้คนมาขุดออกไปอยู่ดี!
“พ่อ พ่อไว้ใจคนแปลกหน้าสุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้นมา เห็นเพียงคุณนายวัยกลางคนสวมชุดทำงานสุภาพเรียบร้อยเดินออกมาจากด้านหลังชายชรา เห็นได้ชัดว่าแอบฟังอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้เห็นสถานการณ์ไม่ชอบมาพากลจึงออกมาขัดขวาง
ถึงเธอจะคาดผ้ากันเปื้อนที่เอว แต่บุคลิกสง่างามยังคงอยู่
ในความสง่างามนั้นแฝงไปด้วยท่าทีเหยียดหยามดูแคลนผู้อื่น
แววตาที่เธอมองเย่เฉิงเฟิงนั้นมีความดูแคลนและเป็นปฏิปักษ์อย่างเห็นได้ชัด
“หย่าลี่ พ่อหนุ่มคนนี้ฝีมือไม่ธรรมดา เธออย่าเข้าใจผิด”
ท่านฟ่านอธิบายอย่างอดไม่ได้ “อีกอย่างเขาไม่ได้เรียกร้องเอาเงิน ก็แค่บ่อน้ำพุร้อนที่ทำให้พวกเราปู่หลานป่วยก็เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต”
“ใครจะไปรู้ อาจจะพบสมบัติอะไรที่ซ่อนอยู่ก้นบ่อน้ำพุร้อนก็ได้!”
คุณนายวัยกลางคนแค่นหัวเราะ ท่าทีถากถางเสียจริง ถึงกับโบกมือไล่เย่เฉิงเฟิงโดยตรง “นายไปเถอะ ต่อให้รักษาได้ก็ไม่ให้นายมารักษาหรอก”
พูดจบเธอยังบ่นพึมพำเสียงเบาอีกว่า “รปภ.ของเจียงปินการ์เดนก็จริง ๆ เลยนะ! นี่มันเขตวิลล่าหรู ไม่ใช่ให้ใครหน้าไหนเข้ามาก็ได้!”
เมื่อเจอท่าทีเช่นนี้ของคุณนายวัยกลางคน เย่เฉิงเฟิงก็ขมวดคิ้ว ในใจแอบสบถด่ารุนแรง เกือบจะได้เหล็กวิญญาณเพลิงอยู่แล้วเชียวทำไมต้องมาเจอคนขี้เหยียดมาขัดขวางแบบนี้ด้วยนะ
แต่เขาก็ไม่รีบร้อน
คนที่รู้ว่าวิชาแพทย์ของเขาสุดยอด ยังขอร้องให้เขามารักษาโรคไม่ได้ด้วยซ้ำ
ถึงแม้เหล็กวิญญาณเพลิงจะเป็นของหายากยิ่ง แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะแตะต้องมันได้ ปล่อยไว้ที่เดิมเขาก็ยังวางใจอยู่
ด้วยเหตุนี้ เย่เฉิงเฟิงจึงไม่พูดอะไรอีก หันตัวเดินออกไป โดยไม่อาลัยอาวรณ์แต่อย่างใด
“พ่อหนุ่ม เดี๋ยวก่อนสิ!”
ท่านฟ่านตะโกนเรียกด้วยความร้อนใจ
ทว่าเย่เฉิงเฟิงก็มีศักดิ์ศรีของตัวเอง จึงไม่หันกลับไป
ก่อนหน้านี้เขาเสนอตัวจะรักษาโรคให้ท่านฟ่านกับหลานของเขา
แต่นับตั้งแต่นี้ไป เขาจะไม่เสนอตัวรักษาให้แล้ว ดูสิว่าใครจะร้อนใจมากที่สุด!
“เธอนะเธอ...”
ท่านฟ่านจ้องเขม็งใส่คุณนายวัยกลางคนด้วยความผิดหวังที่ไม่ได้ดั่งใจ แล้วถอนหายใจ “โรคประหลาดของฉัน มันเกิดขึ้นเพราะไปแช่บ่อน้ำพุร้อน ฉันไปหาหมอชื่อดังทั่วประเทศแล้วก็ไม่หาย วันนี้กว่าจะเจอพ่อหนุ่มฝีมือดีรักษาโรคได้ เธอกลับดูถูกว่าเขาธรรมดายากจน แถมยังระแวงเขาอีก!”
พูดถึงตรงนี้ ท่านฟ่านก็ถอนหายใจอย่างกลั้นไม่อยู่ “ถึงเธอจะไม่คำนึงถึงชีวิตของฉัน ก็ต้องคิดถึงชีวิตของเสี่ยวปู้ด้วยสิ! สิ่งที่พ่อหนุ่มคนนั้นพูดเมื่อกี้ เธอก็น่าจะได้ยินจากในบ้านแล้ว เสี่ยวปู้เริ่มมีอาการแล้วนะ”
“ถ้าเขามีฝีมือจริง ก็ไม่ต้องไปเป็นรปภ.หรอก ใครจะไปรู้ว่าพูดมั่วหรือเปล่า!”
คุณนายวัยกลางคนยังคงดูถูกดูแคลน
“แม่ เสี่ยวปู้ทรมานจังครับ”
เด็กน้อยวัยแปดขวบ จู่ ๆ ก็กุมหน้าอกกับท้องไม่หยุด ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าซีดเซียว “ท้องเหมือนมีไฟเผาเลย”
“เห็นไหมล่ะ เสี่ยวปู้แสดงอาการแล้ว!”
ท่านฟ่านโมโหสุดขีด ชี้ไปที่คุณนายวัยกลางคนแล้วด่าลั่น “ตอนนี้เธอพอใจหรือยัง! แรก ๆ ที่ฉันป่วย ก็มีอาการเบื้องต้นแบบนี้แหละ!”
“งั้น...งั้นทำยังไงดีคะ?”
คุณนายวัยกลางคนถึงตระหนักได้ว่า ตัวเองเผลอไปเข้าใจผิดหนุ่มน้อยคนนั้นเสียแล้ว
“ใครผูกเงื่อนไว้ก็ต้องให้คนนั้นแก้ ความผิดที่ตัวเองก่อ ตัวเองก็ต้องจัดการ!พ่อหนุ่มคนนั้นพักอยู่วิลล่าหมายเลข 9!”
ท่านฟ่านทิ้งประโยคนี้ไว้อย่างเย็นชา แล้วอุ้มเสี่ยวปู้กลับเข้าบ้าน
ถึงแม้สถานการณ์ของเสี่ยวปู้ในตอนนี้จะน่ากังวลใจ แต่ในฐานะ ‘ผู้เคยผ่านมาก่อน’ ท่านฟ่านเข้าใจดีว่าอีกไม่กี่นาทีเสี่ยวปู้ก็จะอาการทุเลาลง
แต่ถ้ายังหาวิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพไม่ได้ เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะเคราะห์ร้ายตามเขาไป
