บทที่ 5
สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ...
นารินดาตีหน้าหงิกบอกบุญไม่รับ เมื่อต้องมายืนขาแข็งเป็นเวลาร่วมสามชั่วโมงเพื่อรอรับลูกค้าของตนเอง หญิงสาวเดินทางมาถึงสนามบินก่อนเครื่องบินลงจอดเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง แต่...หญิงสาวได้รับแจ้งว่าเที่ยวบินที่คีรินทร์เดินทางมานั้นเกิดการล่าช้าสองชั่วโมง และนั่นทำให้เธอต้องอดทนรอด้วยความหงุดหงิดใจ
“เฮ้อ...เครื่องบินดีเลย์สองชั่วโมง ให้มันได้ยังงี้สิ”
นารินดาหลุบสายตามองนาฬิกาข้อมือ สลับกับมองป้ายบอร์ดขนาดใหญ่ กวาดสายตามองหมายเลขเที่ยวบิน พร้อมกับเวลาที่คีรินทร์จะเดินทางมาถึง
“หน้าตาของคุณจะเหมือนในรูปภาพ ที่เจ้านายให้มาหรือเปล่า คุณคีรินทร์”
มือเล็กล้วงหยิบภาพถ่ายของคีรินทร์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง จ้องมองเขม็งไปยังภาพถ่ายของอีกฝ่าย พยายามจดจำใบหน้าคมเข้มของคีรินทร์ เพื่อจะได้มองเห็นและจำอีกฝ่ายได้ในยามเขาเดินปะปนมากับชาวต่างชาติคนอื่นๆ ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย
นารินดาเก็บภาพถ่ายของคีรินทร์ไว้ในกระเป๋ากางเกง พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่กับการรับงานเป็นบอร์ดี้การ์ดในครั้งนี้ เพราะมันทำให้เธอรู้สึกหนักใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งรู้สึกได้ว่าคีรินทร์มีลับลมคมใน กับการเดินทางมาประเทศไทยราวกับเขาไม่ได้ต้องการมาเที่ยวจริงๆ
“คีรินทร์ ลูซาคอฟ คุณไม่ได้ตั้งใจแค่มาเที่ยวในประเทศไทยใช่ไหม”
นารินดาพึมพำเอ่ยถามอยู่คนเดียว อยากได้คำตอบจากเจ้าของชื่อนี้ใจจะขาด และเมื่อเหลือบสายตามองป้ายบอร์ดขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ก็กระตุกยิ้มขึ้นมาได้ เมื่อมีตัวอักษรปรากฏขึ้น บอกให้รู้ว่าเที่ยวบินที่ชายหนุ่มจากดินแดนหมีขาวเดินทางข้ามซีกโลกมาด้วย กำลังจะลงจอดในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว...
ในขณะนารินดาเบื่อหน่ายกับการเฝ้ารอคอยการมาถึงของคีรินทร์ ตัวชายหนุ่มเองก็หงุดหงิดไม่แพ้กัน เมื่อการเดินทางมาถึงประเทศไทยในครั้งนี้เกิดความล่าช้าเกือบสองชั่วโมงเต็ม
ทันทีที่เครื่องบินเตะรันเวย์ และผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยค่อนข้างมาก รวมทั้งรับกระเป๋าเดินทางเรียบร้อยแล้ว คีรินทร์ก็ตรงดิ่งเดินออกมายังจุดนัดพบ หัวใจเต้นรัวเร็วไม่เป็นส่ำ ขณะกวาดสายตามองหานารินดา ผู้เป็นเจ้าของสัดส่วน 36 24 34!
“เจ้านายครับ ผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมครับ ที่เจ้านายจ้างให้เธอมาเป็นบอร์ดี้การ์ด”
โลแกนบุ้ยปากไปยังหญิงสาวที่อยู่ในชุดสูทสากลแบบกางเกง ซึ่งแลดูทะมัด
ทะแมง และสวยคมจนเขาเองต้องจ้องมองเธออย่างไม่กะพริบตา
“ใช่แล้วโลแกน”
คีรินทร์กระตุกยิ้มขณะรับคำลูกน้อง เขาเองก็จ้องมองนารินดาชนิดที่เรียกว่าไม่กะพริบตาเช่นเดียวกัน
“เธอชื่อนารินดา ให้ตายเถอะโลแกน ตัวจริงดูสวยคม และหุ่นเซ็กซีน่าฟัดกว่าตอนที่เราเห็นผ่านกล้องโทรศัพท์ซะอีก”
เอ่ยบอกโลแกนไปแล้ว คีรินทร์ก็ลอบสูดปากเบาๆ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตนเอง เมื่อจู่ๆ เลือดในกายก็ร้อนผ่าว คลื่นเสน่หาแล่นพล่านทั่วตัวจนเขาปวดหนึบรู้สึกได้ว่าแก่นกายค่อยๆ พองโตอยู่ภายในกางเกงเนื้อดี
“บ้าชะมัด เกิดอะไรขึ้นกับเรา”
“มีอะไรหรือครับ เจ้านาย”
โลแกน ซึ่งเดินลากกระเป๋าเดินทางเคียงคู่กับเจ้านายหนุ่ม เอ่ยถามด้วยความสงสัยหลังจากได้ยินเสียงสบถเล็ดลอดเข้าหู
“ไม่มีอะไรหรอก โลแกน”
คีรินทร์ส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่สามารถบอกได้ว่าตอนนี้แก่นกายของเขาค่อยๆ ผงาดอยู่ภายในกางเกง จนเขาแทบก้าวเท้าไม่ไหว
และขณะปฏิเสธลูกน้อง คีรินทร์ก็นึกดีใจที่อีกฝ่ายไม่ได้สังเกตว่าเขาก้าวเท้าช้าลง เพราะกำลังปวดหนึบไปทั้งแก่นกาย เพียงเพราะได้เห็นหุ่นสุดสะบึม รวมทั้งเรียวปากอิ่มสีหวานของนารินดา
‘นี่เขากลายเป็นพวกกักขฬะไปแล้วหรืออย่างไร’
คีรินทร์ตั้งคำถามอยู่ในใจ ดวงตาคมกริบจ้องมองนารินดาแทบไม่กะพริบ พอเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าจนได้กลิ่นกายสาวหอมรวยระรินมาปะทะจมูก แถมร่างบางอยู่ห่างจากเขาไม่กี่นิ้วสัมผัสถึง คีรินทร์ยิ่งต้องการหญิงสาวมากเท่านั้น
ทางด้านของนารินดา จู่ๆ ก็เกิดอาการตัวสั่นสะท้านร้อนผะผ่าว ใบหน้าแดงซ่าน เมื่อถูกเจ้าของนัยน์ตาคม ซึ่งเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแล้วไม่พูดไม่จา ได้แต่จ้องมองเขม็งกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับจะเปลืองผ้าเธอออกก็ไม่ป่าน
“สวัสดีค่ะ คุณคีรินทร์ ฉันนารินดาค่ะ”
นารินดาฝืนยิ้มให้คีรินทร์ขณะเอ่ยแนะนำตัว พลางยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อรอรับการทักทายกลับจากเขา แต่แล้วก็ต้องงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อเจ้าของร่างใหญ่กำยำจ้องมองเธอเขม็งอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเดินผ่านไปราวกับไม่ได้ยินคำแนะนำตัวจากเธอ
“เราทำอะไรผิดไป”
นารินดาถามตัวเองอย่างงุนงง พอตั้งสติได้ก็ตะโกนบอก พร้อมกับก้าวเท้ายาวๆ เดินตามร่างใหญ่ที่จ้ำอ้าวไปกับผู้ชายอีกคนโดยไม่คิดรอเธอแม้นาทีเดียว
“คุณคีรินทร์ ฉันนารินดาที่คุณจ้างให้เป็นบอร์ดี้การ์ดส่วนตัวของคุณยังไงล่ะคะ”
และเมื่อเดินตามมาทันร่างใหญ่ นารินดาก็คว้าหมับไปยังต้นแขนของอีกฝ่าย ฉุดรั้งให้คีรินทร์หยุดเดิน โดยไม่ลืมเค้นเสียงเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงห้วนลึกติดโมโห
“นี่คุณคีรินทร์! คุณเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม ฉันรู้นะว่าคุณฟังภาษาไทยออก ฉันบอกว่าฉันเป็นบอร์ดี้การ์ดที่คุณติดต่อจ้างไว้ ทำไมคุณถึงเดินหนีฉันล่ะ”
คีรินทร์ไม่สนใจน้ำเสียงตำหนิเขา ชายหนุ่มจ้องมองดวงตาคู่สวย ซึ่งตอนนี้ฉายแวววาววับเพราะความโกรธจัดให้เห็น บอกตัวเองว่าในยามที่นารินดาโกรธไม่ต่างจากแม่เสือ หญิงสาวแลดูสวย เซ็กซี่ ทั้งดวงตาและเรียวปากอิ่มของเธอน่าจูบเป็นที่สุด
เมื่อคีรินทร์นิ่งเงียบไม่ยอมตอบ นอกจากใช้สายตาจ้องมองเท่านั้น ก็ยิ่งเพิ่มความโกรธให้กับนารินดา มือเล็กที่จับต้นแขนของคีรินทร์ไว้บีบแน่นตามอารมณ์โกรธ ขณะเค้นเสียงถามเจ้าของนัยน์ตาคมกริบอีกครั้ง
“ฉันถามว่าทำไมคุณถึงเดินหนีฉัน เข้าใจที่ฉันถามไหม คุณคีรินทร์”
“รหัสลับคืออะไร”
แทนที่จะตอบคำถาม คีรินทร์กลับถามเสียงลึกอยู่ในลำคอ ดวงตาคมยังจ้องมองลึกไม่กะพริบตาขณะรอคอยคำตอบจากหญิงสาว
“เอ่อ...เอ่อ...”
นารินดาอายหน้าแดงซ่าน เธอลืมเรื่องรหัสลับซะสนิทใจ เกิดอาการอึกอักที่จะเอ่ยบอกรหัสลับระหว่างตนกับนายจ้างผู้นี้
“ว่ายังไง นารินดา รหัสลับคืออะไร คุณเข้าใจที่ผมถามไหม”
ขณะย้อนถามในคำถามเดียวกันที่หญิงสาวได้เอ่ยถามตนเอง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม ดวงตาไหวระริกแพรวพราว เมื่อเห็นใบหน้าของนารินดากลายเป็นสีแดงไม่ต่างจากลูกแอบเปิ้ล
“ฉันลืมไปแล้วว่ารหัสลับคืออะไร”
เอ่ยโกหกเสร็จ นารินดาก็เบือนหน้าหนี อายจนไม่อยากพูด ไม่อยากมองสบตากับนายจ้างจอมหื่นและแลดูกักขฬะในทุกนาที
เมื่อนารินดาเลือกการโกหก คีรินทร์ก็ยักไหล่ใส่อย่างยียวน เอ่ยบอกให้นารินดาต้องกัดฟันดังกรอดๆ ด้วยความโมโหจับใจ
“ถ้าคุณไม่บอกรหัสลับ ก็อย่าหวังว่าผมจะเชื่อว่าคุณคือผู้หญิงที่ผมเลือกให้เป็นบอร์ดี้การ์ดของผม และช่วยไปบอกพงศ์พล เจ้านายของคุณให้เตรียมทนายไว้ด้วย เพราะผมจะฟ้องเขาให้หมดตัว โทษฐานที่ไม่ทำตามสัญญาว่าจ้าง ไม่ส่งบอร์ดี้การ์ดมาอารักขาผมขณะอยู่ในเมืองไทย”
นารินดากัดฟันกรอดถลึงตาเขียวปั้ดกับคำขู่ฟ่อของคนตรงหน้า แม้ไม่อยากบอกรหัสลับที่ส่อเค้าว่าจะเข้าเนื้อตัวเอง แต่ก็จำต้องเอ่ยบอกที่สุด
“36 24 34”
รหัสลับที่หลุดออกมาจากเรียวปากอิ่มค่อนข้างแผ่วเบา เพราะเจ้าตัวไม่เต็มใจเอ่ยบอกสักเท่าไร ทำให้คีรินทร์ลอบยิ้ม และแกล้งหญิงสาวหนักกว่าเดิม
“อะไรนะ นารินดา ผมได้ยินไม่ชัดสักเท่าไร”
“36 24 34”
นารินดาถลึงตาใส่ เอ่ยบอกสัดส่วนของตนเองเสียงลอดไรฟัน ซึ่งเป็นรหัสลับอันสุดแสนเซ็กซี่ ที่คีรินทร์ชื่นชอบหนักหนา
“พูดช้าๆ ชัดๆ อีกสักครั้งสิ นารินดา”
คีรินทร์ยังคงแกล้งไม่เลิก มือใหญ่ยกขึ้นทำท่าป้องใบหูของตนเอง เมื่อออกคำสั่งให้หญิงสาวบอกรหัสลับอีกครั้งและอีกครั้ง
นารินดาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน กัดฟันดังกรอดๆ กำมือเข้าหากันเพราะความโกรธจัด ดวงตาคู่สวยจ้องมองคีรินทร์เขม็ง อยากซัดชายหนุ่มด้วยหมัดลุ่นๆ สักหมัดสองหมัดให้หายเจ็บใจ
แต่...เมื่อไม่อาจทำร้ายอีกฝ่ายได้ อีกทั้งคีรินทร์ก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินรหัสลับ หญิงสาวจึงแก้เผ็ดด้วยการเอื้อมมือไปจับยึดบนบ่ากว้างไว้ แล้วเขย่งปลายเท้าขึ้น ยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหูของคีรินทร์ ก่อนจะตะโกนกรอกใส่หูของอีกฝ่ายซะเลย
“36 24 34 ได้ยินชัดแล้วใช่ไหม คุณคีรินทร์”
“ถูกตะคอกใส่เต็มรูหูขนาดนี้ ถ้าไม่ได้ยิน ก็หมายความว่าเป็นคนหูหนวกแล้ว นารินดา”
คีรินทร์ดึงใบหน้าถอยหนี ขณะแขวะกลับคืน และใช่ว่าจะยอมให้นารินดาแกล้งเขาฝ่ายเดียวเท่านั้น มือใหญ่ที่ไวปานปรอทคว้าหมับไปตรงเอวเล็ก ดึงร่างบางให้แนบชิดมากับกายตน แล้วฉกริมฝีปากร้อนรุ่มบดขยี้จุมพิตอันแสนเร่าร้อนลงไปโดยที่นารินดาไม่มีโอกาสได้ช่วยเหลือตัวเอง
นารินดาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าตนเองจะถูกจู่โจมด้วยจุมพิตอันแสนดุดัน ต้องใช้เวลาเป็นนานหลายนาทีกว่าจะร้องประท้วง รวบรวมเรี่ยวแรงให้หลุดพ้นจากอ้อมแขนของคีรินทร์