บทที่ 3
นารินดาทำตามที่เจ้านายเอ่ยบอก เพราะเธอเองก็อยากรู้ว่าลูกค้าที่แสนลึกลับและเรื่องมากคนนี้ มีประวัติเป็นอย่างไรบ้าง มือเล็กเปิดแฟ้มเอกสาร กวาดสายตามองภาพถ่ายของลูกค้าที่เรียกว่าได้หล่อเหลาคมเข้ม เป็นนายแบบได้สบายๆ พร้อมกับอ่านข้อมูลที่ปรากฏอยู่ต่อสายตา
“คีรินทร์ ลูซาคอฟ เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามในรัสเซีย อาศัยอยู่ในกรุงมอสโคว์ มีแม่เป็นชาวไทย พ่อเป็นชาวรัสเซีย รักความสันโดษ ชอบการท่องเที่ยวตามธรรมชาติ และชอบอาหารไทยที่สุด โดยเฉพาะไข่เจียว”
นารินดาอ่านประวัติคร่าวๆ ของลูกค้าคนสำคัญ พลางเงยหน้ามองเจ้านายหนุ่ม อดไม่ได้ที่จะแขวะลูกค้ารายนี้อีกรอบด้วยความหมั่นไส้
“โปรไฟล์เริดหรู หล่อ รวย เป็นอภิมหาเศรษฐีที่สาวๆ หลงใหล แต่! เรื่องมาก แค่เลือกบอร์ดี้การ์ดก็ทำเอาวุ่นวายไปหมด”
พงศ์พลส่ายหน้ากับลูกน้องสาว ที่ยังผูกใจเจ็บกับลูกค้าตั้งแต่ไม่ทันได้เจอหน้ากัน “เอาน่า...นารินดา...ท่องไว้ ลูกค้าคือพระเจ้า”
“ค่ะ บอส นาจะพยายามท่องคำนี้ไว้ค่ะ”
นารินดารับคำ เปิดดูภาพถ่ายของคีรินทร์แบบผ่านๆ ก่อนจะปิดแฟ้มลง แล้วเอ่ยถามถึงหน้าที่ที่ตนเองต้องรับผิดชอบกับงานชิ้นนี้
“เขาต้องการมาเที่ยวในประเทศไทย เขาจัดโปรแกรมเที่ยวไว้แล้ว และนาแค่คอยเดินตาม เพื่ออารักขาเขาใช่ไหมคะบอส”
“ไม่!” พงศ์พลปฏิเสธกลับในทันที พอนารินดาเลิกคิ้วเป็นเชิงเอ่ยถาม จึงบอกต่อว่า “คุณต้องทำโปรแกรมท่องเที่ยวให้เขาด้วย รวมทั้งหาโรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติไว้เสนอเขา ในวันที่เขาเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว”
“เขาต้องการบอร์ดี้การ์ดหรือทาสกันแน่คะ สั่งให้ทำให้ซะทุกอย่าง”
นารินดาถามเสียงขุ่น เกิดมาไม่เคยเจอลูกค้าแบบคีรินทร์ ลูซาคอฟ แม้แต่รายเดียว ซึ่งดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะให้เธอจัดการชีวิตของเขาไปซะทุกอย่าง ผิดกับลูกค้ารายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นภริยาท่านทูต หรือนักธุรกิจผู้หญิงจากทุกชาติ ซึ่งเธอมีหน้าที่แค่คอยดูแลอารักขาความปลอดภัยให้เท่านั้น ส่วนหน้าที่ที่เหลือจะมีเลขาฯ ของพวกเธอเหล่านั้นคอยจัดการดูแลให้
“ผมได้คุยกับคุณคีรินทร์แล้ว และรู้ว่าเขารวยมาตั้งแต่เกิด ชีวิตของเขาสุขสบายอยู่บนกองเงินกองทอง แค่กระดิกนิ้ว ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่เขาต้องการในทันที”
“ฮึ! พวกเศรษฐี ดีแต่กระดิกนิ้วสั่งคนอื่น ถ้าให้เดา? เขาคงทำอะไรเองไม่เป็นสักอย่าง” นารินดาทำเสียงขึ้นจมูกเดาได้ว่ามหาเศรษฐีจากแดนหมีขาวคงมีนิสัยเช่นดั่งที่เธอพูดออกไป
และก็เป็นดั่งที่นารินดาคิดไว้ไม่มีผิด เมื่อพงศ์พลพยักหน้างึกๆ รับคำลูกน้อง
“คุณคีรินทร์เป็นคนที่ไม่รู้จักคำว่า ‘ไม่’ หากเขาต้องการสิ่งใดแล้ว ก็ต้องได้ในสิ่งนั้น และที่สำคัญ เขาทำตามคำสั่งของใครไม่เป็นด้วย”
“นี่คือคุณสมบัติของมหาเศรษฐีที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่” นารินดาอดแขวะไม่ได้ “แหม! ยิ่งพูดก็ยิ่งอยากเจอหน้ามหาเศรษฐีคนนี้เร็วๆ นาจะทำให้เขารู้จักคำว่า ‘ไม่’ เองค่ะ”
ได้ยินลูกน้องสาวพูดเช่นนั้น พงศ์พลถึงกับเบิกตาโพล้งร้องห้ามเสียงหลง “เฮ้ย! อย่านะ นารินดา อย่าไปล้อเล่นกับคีรินทร์ ลูซาคอฟ เด็ดขาด เวลาโกรธขึ้นมา เขาสามารถฆ่าหมีตัวโตๆ ได้ทั้งตัว”
“จะพยายามค่ะ บอส”
‘อย่าห้ามเลยค่ะบอส...ยังไงๆ นาก็จะแกล้งพ่อมหาเศรษฐีคนนี้ให้จงได้’
นารินดาไม่รับปากเจ้านายซะทีเดียว ในใจนั้นขบเขี้ยวเคียวฟัน อยากเล่นงานมหาเศรษฐีรูปหล่อจากแดนหมีขาวสักตั้ง!
“ผมสั่งห้ามว่าอย่าทำอะไรเกินเลยจากข้อสัญญาที่ตกลงกันไว้ เพราะผมไม่อยากถูกคุณคีรินทร์ฟ้องเรียกค่าเสียหายหมดตัวเข้าใจไหม นารินดา” พงศ์พลสั่งเสียงเข้ม
และลูกน้องสาวก็ยอมพยักหน้ารับ “เข้าใจค่ะ บอส”
พงศ์พลลอบเป่าลมออกจากปากหลังจากได้ยินคำตอบรับจากลูกน้อง แต่ก็อดหวั่นใจไม่ได้ว่านารินดาจะเชื่อฟังคำสั่งของเขาตลอดรอดฝั่งหรือไม่...
“มีอีกเรื่องที่คุณควรรู้ นอกจากจะจ้างคุณให้เป็นบอร์ดี้การ์ดแล้ว คุณคีรินทร์จะมีบอร์ดี้การ์ดประจำตัวอีกคนหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นบอร์ดี้การ์ดคอยติดตามตัวเขาเป็นดั่งเงาเลยก็ว่าได้”
“ถ้าเขามีบอร์ดี้การ์ดประจำตัวอยู่แล้ว ทำไมเขาต้องจ้างบอร์ดี้การ์ดในไทยด้วยล่ะคะ ให้บอร์ดี้การ์ดเขาคอยพาเที่ยวหรือไปไหนด้วยกันก็สิ้นเรื่อง” นารินดาเต็มไปด้วยความสงสัยในเรื่องนี้
“ชาวต่างชาติคงรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวได้ไม่ดีเท่ากับคนไทย คุณคีรินทร์จึงอยากได้บอร์ดี้การ์ดคนไทย เพื่อพาเขาเที่ยวและคอยคุ้มกันเขาไปในตัวด้วย”
“ใช้งานได้คุ้มจริงๆ ให้เป็นทั้งบอร์ดี้การ์ด เป็นไกด์ และเป็นทาสด้วย” นารินดาแขวะอีกครั้ง รู้สึกไม่ชอบผู้ชายคนนี้เอามากๆ
“เอาน่า...นารินดา อย่าบ่นนักเลย คุณเคยรับงานอารักขาที่หนักและสาหัสกว่านี้มาก แต่ผมไม่เคยได้ยินคุณบ่นแม้แต่คำเดียว”
นารินดาปิดปากเงียบในทันทีกับคำตำหนิกลายๆ ของเจ้านาย ใช่! งานอารักขาที่เธอทำมาถึงสี่ปีเต็ม ทั้งสาหัส ทั้งเต็มไปด้วยอันตราย ต้องเอาตัวเป็นโล่กันกระสุนให้กับลูกค้าในตลอดเวลา แต่เธอก็ไม่เคยบ่นเพราะรักงานที่ทำอยู่ แต่หญิงสาวบอกไม่ถูกว่า ทำไมตนเองถึงมีอคติกับคีรินทร์ ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เห็นหน้ากัน
“แล้วเขาจะมาถึงประเทศไทยเมื่อไรคะ” นารินดาเอ่ยถามหลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก
“วันพุธที่จะถึงนี้ ด้วยสายการบินแอโรฟลอต (Aeroflot Airline) ของรัสเซีย เที่ยวบิน SU270 ถึงประเทศไทยเวลา 08:30 นาฬิกา”
นารินดาพยักหน้ารับ หลังจากเจ้านายเอ่ยบอกวันและเวลา รวมทั้งหมายเลขเที่ยวบินที่คีรินทร์จะมาถึงแผ่นดินประเทศไทย
“เดี๋ยวนาจะทำป้ายชื่อ และไปรอรับเขาที่สนามบิน ก่อนเขาเดินทางมาถึงหนึ่งชั่วโมงค่ะ”
“อย่า...อย่าทำแบบนั้น ไม่ต้องทำป้ายชื่อ”
พงศ์พลร้องห้าม ทำเอานารินดาต้องขมวดคิ้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ทำไมคะบอส ถ้าไม่ทำป้ายชื่อไปโชว์ แล้วเขาจะรู้หรือคะว่าคนไหนคือนา ใครคือบอร์ดี้การ์ดที่จะไปรอรับและคอยอารักขาเขา”
“คุณคีรินทร์ไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเขาเป็นใคร แต่คุณต้องบอกรหัสลับ ตอนแนะนำตัวกับเขา ซึ่งมีแค่เพียงคุณกับเขาเท่านั้นที่จะรู้รหัสนี้”
“ก็ได้ค่ะ ว่าแต่เขาได้บอกไหมคะว่ารหัสลับคือรหัสอะไร”
นารินดาเอ่ยถาม บางครั้งก็จำเป็นต้องมีรหัสลับระหว่างลูกค้ากับบอร์ดี้การ์ด แต่! พอได้ยินคำถามจากเจ้านายหนุ่ม ก็ถึงขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่ง
“คุณมีสัดส่วนเท่าไร นารินดา”
“บอสคะ ถามแบบนี้อยากโดนจับทุ่มไปนอกห้องใช่ไหมคะ”
นารินดาตีหน้าบึ้ง ทำเสียงฮึมๆ อยู่ในลำคอ ชักสีหน้าไม่พอใจกับคำถามนี้ เพราะคิดว่าเจ้านายหนุ่มกำลังคิดลามกกับเธออยู่
พงศ์พลหัวเราะร่วน ยกมือห้ามทัพ ขณะลูกน้องสาวทำท่ากำหมัดชกกับมือเล็ก
“เฮ้ย! อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผมไม่เคยคิดเป็นสมภารกินไก่วัด แต่ที่ผมถามสัดส่วนของคุณ เพราะคุณคีรินทร์ต้องการรู้ และใช้สัดส่วนของคุณเป็นรหัสลับตอนคุณไปแนะนำตัวกับเขาต่างหากละ”
“ความคิดสัปดนที่สุดเลย นายคีรินทร์ ลูซาคอฟ”
นารินดาโกรธจัดจนหน้าดำหน้าแดง กัดฟันดังกรอดๆ ด่าลูกค้าไม่ไว้หน้า ซึ่งป่านนี้เจ้าของชื่อคงสะดุ้งโหยงไปหลายรอบแล้ว
“นารินดา สัดส่วนคุณเท่าไร ตอบมาเร็ว ผมจะได้โทรไปบอกคุณคีรินทร์” พงศ์พลย้ำคำถามเมื่อลูกน้องสาวไม่ยอมตอบสักที
นารินดาตีหน้าหงิกกว่าเดิม ขบเขี้ยวเคียวฟันอยู่ในใจ ถ้าเจอหน้ากันจะแกล้งซัดลูกค้าคนนี้สักหมัด โทษฐานที่คิดรหัสลับสุดแสนสัปดน
“36 24 34 ค่ะ” นารินดากระแทกเสียงตอบ จำใจต้องบอกสัดส่วนของตนเองในที่สุด
“โอเค ผมจะโทรบอกคุณคีรินทร์เดี๋ยวนี้เลย คุณไปทำแผนการท่องเที่ยว การเดินทางรอคุณคีรินทร์ได้เลย อีกสองวันชีวิตของมหาเศรษฐีคนนี้ จะตกอยู่ในความรับผิดชอบของคุณแล้ว”
“ค่ะบอส ถ้ายังงั้นนาของตัวก่อนนะคะ”
นารินดาคว้าแฟ้มเอกสารมาถืออยู่ในมือ ร่างบางเดินตรงไปยังประตูห้อง และก่อนจะเดินออกไป ก็หันมาเอ่ยถามเจ้านายหนุ่ม ซึ่งกำลังกดโทรศัพท์โทรหาคีรินทร์อยู่พอดี
“บอสคะ นาขอถามหน่อยค่ะว่า ทำไมเขาถึงเลือกนาให้เป็นบอร์ดี้การ์ดของเขา ทั้งๆ บอร์ดี้การ์ดคนอื่นเก่งกว่า และมีประสบการณ์กว่านามากมาย”
“ผมคงตอบคำถามนี้ไม่ได้ เอาไว้เจอหน้าคุณคีรินทร์เมื่อไร คุณถามเหตุผลกับเขาเอาเองก็แล้วกัน” พงศ์พลโยนภาระนี้ให้เป็นของคีรินทร์
“นาถามแน่ค่ะ”
นารินดารับคำเสียงหนักแน่น ก่อนจะเดินออกไปจากห้องประชุม โดยไม่รู้เลยว่าคีรินทร์กดรับโทรศัพท์จากพงศ์พลนานแล้ว ซึ่งเขาได้ยินคำถามของเธอชัดทุกถ้อยทุกคำ และเขาก็มีคำตอบอยู่ในใจแล้วด้วย