กาลกิณี
คืนจันทร์ครึ่งเสี้ยว
แสงสีเหลืองนวลทอทาบบนผืนฟ้าเพียงนิด เป็นดวงดาวที่กระพริบระยิบระยับแต่หาได้สว่างทัดเทียมจันทร์ไม่ ทำให้ไม่สะดวกต่อการสัญจรของผู้คนในคืนเดือนมืดเช่นนี้
ร่างอรชรงดงามของสตรีผิวขาวจัด ชื่อของนางคือ ลู่ฟางเหนียง กำลังเร่งฝีเท้าเพื่อกลับเข้าสู่ จวนท่านแม่ทัพลู่ แต่ก็หาเร่งรีบมากเท่าที่เคยได้ไม่ ด้วยฝนตกทำให้ผืนดินเปียกแฉะ ทั้งความมืดในยามราตรี หากเดินไม่ระวังก็เกรงว่าจะหกล้มหกลุก
หลังจากไปสวดมนต์ไหว้พระที่วัดเป่าซานซือ ระยะทางไม่ไกลจากจวนนักร่วมสี่ลี้ดังที่นางทำอยู่ประจำ แต่เกิดฝนตกหนักทำให้ไม่สามารถกลับบ้านได้ทันเวลาก่อนตะวันตกดิน
จนบัดนี้ ล่วงเข้ายามเฉินแล้ว แต่จะกลับช้ากลับเร็วก็หาได้มีใครในบ้านใส่ใจไม่ เพราะคนอย่างนางก็เป็นได้แค่ตัวอัปรีย์ ที่มารดาสิ้นยามที่ให้กำเนิด ทำให้ ท่านแม่ทัพลู่เจียเป่ย ผู้เป็นบิดาจึงจงเกลียดจงชังนางเป็นยิ่งนัก และโทษว่านางเป็นตัวกาลกิณีที่ทำให้เขาเสียภรรยาอันเป็นที่รักนักหนา ทั้งที่ตนเองก็มีนางอุ่นเตียงอีกนับไม่ถ้วน ซ้ำร้ายหลังจากนั้นก็เกิดเหตุไฟไหม้จวนอีก ดีที่บ่าวไพร่ช่วยกันดับไว้ทัน ทำให้แม่ทัพลู่ชิงชังนางทวีคูณ
“ เจ้ามันกาลกิณี ฟางเหนียง เจ้าไม่น่าเกิดมาเลย ! ” นั่นคือสิ่งที่ผู้เป็นบิดาก่นด่านางอยู่เสมอ สาปแช่งนางแต่เด็กจนเติบใหญ่ในสิ่งที่หาใช่ความผิดของนางไม่
บิดาของนางเป็นบุรุษผู้มักมากในกาม ร่ำสุราอย่างหนัก กระนั้นก็ยังไม่ละเว้นหน้าที่ยามศึกก็ยังสามารถออกรบและกำชัยชนะได้ในทุกครั้งไป
เหตุนั้น ฮ่องเต้จึงโปรดปรานแม่ทัพลู่เป็นยิ่งนัก อยากได้อะไรเป็นต้องได้ โดยเฉพาะสตรีรูปงาม เขาสามารถชี้นิ้วแล้วฉุดคร่ามาสนองกามได้ตามอำเภอใจ บางคราวฮ่องเต้เองก็ไว้ใจมาก ให้ท้ายจนเกินไปจนทำให้เขาฮึกเหิมเกินความพอดี ยศศักดิ์บารมีเป็นสิ่งที่แม่ทัพลู่กระหายใคร่อยากมิรู้จักพอ
ฮ่องเต้นั้นแสนอ่อนแอ แต่กลับเสพสุขอย่างสบายอกสบายใจ มีข้ารับใช้บริวารมากมาย ในขณะที่แม่ทัพเช่นเขาต้องเหน็ดเหนื่อยซ้อมศาสตราวุธอยู่ร่ำไป เสี่ยงชีวิตทุกคราในศึกสงคราม
หากวันหนึ่งเขาได้เป็นฮ่องเต้เองเล่า มิดีกว่าหรือ !
เขาทั้งฉลาด ทั้งเก่งในทางรบพุ่ง มีครบทั้งบู๊บุ๋น เหมาะเป็นยิ่งนักที่จะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
ใช่ ท่านแม่ทัพลู่ผู้ภักดีของฝ่าบาทนั้นเป็นหอกข้างแคร่ ทิ่มแทงฝ่าบาทผู้ที่ไว้ใจเขาเหลือเกินราวเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิต เขาจะล้มล้างชายอ่อนแอที่ได้ชื่อว่าฮ่องเต้นั้นลงเสีย แล้วเขาเองนี่แหละจะทำหน้าที่นั้นแทน !
“ ถ้าเช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ข้าขอกลับไปวางแผนการเสียก่อน ไม่เกินสามราตรีรับรองว่าทุกอย่างเรียบร้อย แล้วข้าจะให้ม้าเร็วมาแจ้งท่าน ” เสียงชายผู้หนึ่งที่ไม่ใช่ท่านพ่อของฟางเหนียงดังขึ้น
“ ขอบคุณมากหย่งฉือ เจ้าช่างเป็นชายหนุ่มผู้ฉลาดล้ำ เสียดายจริงที่เจ้าเดินทางสายนี้ หากได้มีโอกาสร่ำเรียน เข้าสู่ในรั้วในวังคงจะมีอนาคตไกล เทียบเท่าได้กับแม่ทัพนายกองเลยทีเดียว ”
“ คำว่าอำนาจ มีหรือผู้ใดจะมิปรารถนา การที่เราได้พานพบอย่างบังเอิญในโรงเตี๊ยม และไอ้โจรกระจอกต่ำช้านั่นมันบังอาจคิดจะปล้นท่านทีเผลอแล้วข้าได้เข้าไปช่วย ถือเป็นชะตาฟ้าลิขิตแล้ว อำนาจที่ท่านแม่ทัพปรารถนาอยู่เพียงเอื้อม หากอาศัยกลยุทธ์จากจอมโจรไร้พ่าย รับรองว่าไม่มีพลาด เตรียมเรียกตัวเองว่าฮ่องเต้ได้เลย และเมื่อหากถึงเวลานั้น ข้าหวังว่าท่านจะไม่ลืมเบื้องหลังความเป็นใหญ่ ”
“ ข้ารับปากว่าจะให้ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการหากข้าสมประสงค์ ”
“ ทุกอย่างที่ข้าต้องการเช่นนั้นรึ ”
“ ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ ไท่หย่งฉือ ”
“ ขอบพระคุณขอรับ ท่านเมตตาข้ายิ่งนัก ”
ฟางเหนียงชะงักเท้ากึก หัวใจของนางเต้นรัวเร็วขณะเดินอ้อมสวนที่อยู่ฝั่งห้องทำงานของท่านพ่อ เมื่อหูได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่
อันใดนะ เมื่อครู่นี้ !
อำนาจที่ท่านปรารถนาอยู่เพียงเอื้อม
เตรียมเรียกตัวเองว่าฮ่องเต้ได้เลย
มันหมายความว่าเยี่ยงไร ?