ตอนที่ 3
‘ไม่นานมันจะผ่านไป…’
เป็นเสียงที่ดังขึ้นในสำนึกของหล่อน
ทว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนั้นกลับไม่ได้ดำเนินไปโดยราบรื่นอย่างที่ใจของอสูรร้ายปรารถนา เพราะว่าจู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังลั่นขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน แว่วมาจากประตูที่ลืมปิดเอาไว้เพราะอารามรีบร้อนของเขา
“หยุด!... นายอาทิตย์ หยุดเดี๋ยวนี้ หยุดย่ำยีเธอเสียที”
เสียงแผดลั่นของป้าอิ่ม หญิงวัยกลางคนที่ยืนมองสถานการณ์อยู่ไกลๆ ด้วยความสังเวชใจมาได้ครู่ใหญ่ๆ
หล่อนตัดสินใจเข้ามาขัดขวางเอาไว้ในที่สุด
อาทิตย์หันหวับมาตามเสียงของคนที่ทำให้อารมณ์ของเขาสะดุดลง
“คุณมีความคับแค้น… ข้อนั้นป้าก็พอจะเข้าใจ คุณชิงชังเธอ… ป้าก็รู้ คุณจะทำลายเธอป้าก็จะไม่ขัด จะข่มขืนเธอป้าก็จะไม่ห้าม แต่ป้าแค่อยากจะบอกกับคุณว่าแม้ในสนามรบ… ในศึกสงคราม ก็ยังมีความปราณีหลงเหลืออยู่ แต่นี่ในบ้านนะคะ บ้านที่ยังมีป้ากับคุณท่านหัวโด่อยู่ทั้งสองคน อย่างน้อยคุณก็น่าจะสอบสวนเธอให้กระจ่างเสียก่อนที่จะบุ่มบ่ามกระทำย่ำยีกับเธอเช่นนี้ คุยกันดีๆ ก่อนไม่มั้ย… หรือไม่ก็ให้เธอได้กินข้าวกินน้ำเสียบ้าง”
ที่บอกเช่นนั้น เพราะป้าอิ่มสังเกตเห็นว่าตั้งแต่เช้ามืด หลังจากที่เขานำตัวเธอมากักขังเอาไว้จนถึงเที่ยง ต่อด้วยการทรมานเมื่อตอนบ่าย ก็ยังไม่เห็นว่าข้าวสักชาม น้ำสักแก้ว จะตกถึงท้องของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่เขาไปฉุดคร่าเอาตัวเธอมาถึงบ้าน… เขาก็ทรมานเธอต่อเนื่อง ไม่ได้หยุดหย่อน
อสูรร้ายหยุดกึก…
จ้องมองป้าอิ่มด้วยสายตาขัดใจ พยายามซุกซ่อนความหื่นเอาไว้เบื้องหลังดวงตาแข็งกร้าวและกรุ่นโกรธคู่นั้น
“แต่ป้าอิ่มก็รู้อยู่เต็มอก… ว่าทำไมผมถึงชิงชังนังผู้หญิงคนนี้นักหนา”
คำพูดนั้นราวจะตอกย้ำเรื่องราวเลวร้ายในอดีต ที่ดูเหมือนว่าป้าอิ่มอาจจะลืมไป… กับผู้หญิงที่เป็นต้นเหตุทำให้น้องชายร่วมสายโลหิตของเขาต้องมีอันเป็นไป ด้วยการฆ่าตัวตายอย่างน่าเวทนา
“เรื่องนั้นป้าก็รู้… ป้าเข้าใจ”
“เข้าใจก็ดีแล้ว”
“เพียงแต่ป้าไม่อยากเห็นใครต้องมาตายในบ้านหลังนี้ อย่าลืมว่าบ้านหลังนี้ก็ยังมีผู้หญิงอีกคนคือป้าที่ไม่อาจจะทนดูคุณระบายแค้นกับผู้หญิงด้วยกันได้ถึงขนาดจับหัวกดน้ำ… และกำลังจะข่มขืนเธอแบบนี้โดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ชี้แจงอะไรเลย… คุณป่าเถื่อน อำมหิตเกินไป ป้ารับไม่ได้” พูดจบก็ส่ายหน้า แววตาบอกความผิดหวัง
“ผมไม่มีเวลามาฟังคำโกหกของใครอีกต่อไป”
เขากล่าวน้ำเสียงกระด้าง สายตาแข็งกร้าวมองต่ำไปที่ร่างของหญิงสาวที่ยังนอนคว่ำหน้าอยู่กลางเตียง มือทั้งสองยังถูกมัดไพล่หลังเอาไว้
น้ำเสียงไร้ความปราณีของเขาที่หญิงสาวได้ยินนั้น ยิ่งทำให้เธอรู้สึกได้ถึงสถานการณ์อันน่าหนักใจ เมื่อเขาคิดว่าคำ ‘อธิบาย’ ของเธอคือการ ‘โกหก’
“ป้าอิ่ม… อย่ายุ่งดีกว่า”
เขาโพล่งออกมาอย่างขัดใจ เหลือบมองร่างของหญิงสาวที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงด้วยสายตาคาดโทษหนัก
“เห็นทีว่าเรื่องนี้… ป้าคงต้องขอยุ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
ไม่บ่อยครั้งนักที่ป้าอิ่มจะกล้าขัด
ชายหนุ่มนิ่งเงียบ….
ถ้าหากเป็นคนอื่น เขาคงไม่มีวันอ่อนข้อให้เด็ดขาด แต่กับป้าอิ่มที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็กๆ หลังจากมารดาของเขาหนีตามชายชู้ไปเมื่อตอนเขามีอายุได้เพียงแค่สามขวบ ก็ทำให้ชายหนุ่มจำต้องนิ่ง… จำนนให้กับคำขอของป้าอิ่มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะเท่าที่จำได้ ป้าอิ่มแทบไม่เคยขอร้องอะไรจากเขาเลย และคนอย่างป้าอิ่มก็ใม่ใช่คนที่ชอบขอร้องอะไรพร่ำเพรื่อ
“ให้กินข้าวพอได้ แต่น้ำคงไม่ต้อง... เพราะผมให้กินเข้าไปหลายอึกแล้ว… ฮ่าๆ ๆ ๆ”
เขาพูดอย่างนึกสนุก เอาความทุกข์มาล้อเลียน
สายตากระด้างมองไปที่โอ่งน้ำ ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังๆ ด้วยความชอบใจ
ทว่าสีหน้าของป้าอิ่มกลับเรียบเฉย… ไม่ได้รู้สึกตลกหรือขำไปกับเขาแต่อย่างใด
ป้าอิ่มจ้องมองร่างสะบักสะบอมที่นอนตะแคงข้าง ได้ยินเสียงหายใจรวยรินของหญิงสาว สองมือของหล่อนยังถูกมัดไขว้หลังอย่างน่าเวทนาสงสาร หากแววตาที่เข้มแข็งจนดูแกร่งกร้าวของหญิงสาวคนนี้นี่แหละ!... ป้าอิ่มกลัวเหลือเกิน หวั่นใจว่ามันจะเป็นดั่งเชื้อไฟที่คอยยั่วโทสะจนอารมณ์ร้ายๆ ของนายอาทิตย์ปะทุขึ้นมา อีกครั้ง… โดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัว
‘แม่คู๊ณ... โดนทึ้งโดนลากขนาดนี้ยังกัดฟันเงียบอยู่ได้ ไม่รู้จะทนจะทานไปถึงไหน จะอ้อนวอนเขาสักนิดก็ไม่มีจะปริปาก ใจแข็งเหลือเกิน ฉันละห่วงอนาคตเธอจริงจริ๊ง… แม่สาวน้อยผู้โชคร้าย’
ป้าอิ่มรำพึงในใจ แอบถอนใจกับเรือนร่างบอบบางตรงหน้าด้วยน้ำเสียงปลดปลง ส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับภาพที่เห็น ด้วยความรู้สึกสงสารจับใจ…
ครู่ต่อมา…
“กินข้าวซะ”
ป้าอิ่มถือจานข้าวที่ราดมาด้วยกับข้าวสองสามอย่าง วางลงตรงหน้าเธอ โดยลืมเสียสนิทว่ามือเล็กๆ ทั้งสองข้างยังคงถูกพันธนาการเอาไว้ด้วยเชือก ดูราวกับว่าหญิงสาวผู้นี้คือนักโทษคดีอุกฉกรรจ์
‘ฉันมีความผิดอะไร?…เป็นการสมควรแล้วหรือที่นายมากระทำย่ำยีกับชีวิตฉันแบบนี้’