ตอนที่ 2
สูดเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ ไม่ใช่ด้วยจมูก… แต่ด้วยปากที่เผยออ้าเหมือนคนใกล้ตาย หากคนใจร้ายยังคงยืนมองดูอย่างไม่รู้สึกทุกข์ร้อนใจไปกับความทุกข์ทรมานของเธอ
ไม่นานจากนั้น ได้ยินเสียงฟ้าคำรามลั่นขึ้นหลายครั้ง ตอบรับกับเมฆฝนที่ตั้งเค้าทะมึนมาตั้งแต่เมื่อตอนเช้ามืด
ครู่สั้นๆ ต่อมา…
สายฝนก็กระหน่ำหนักลงมาราวกับฟ้ารั่ว… เขาทิ้งเธอเอาไว้กลางฝน
หญิงสาวรู้สึกแสบร้อนจากอาการสำลักรุนแรง ปลาบแปลบไปทั้งโพรงจมูกและคอ แสบเหมือนมีเสี้ยนนับร้อยพันปักคาอยู่ รู้สึกได้เลยว่าไม่เคยมีครั้งไหนในชีวิตนี้… ที่เฉียดเข้าใกล้ความตายเหมือนกับครั้งนี้
“คราวนี้เธอจะได้รู้เสียที… ว่าคนที่ต้องตายเพราะจมน้ำ… มันทรมานแค่ไหน?”
เขาสาดน้ำเสียงกร้าวใส่เธอ ดวงตาแข็งกระด้างบนใบหน้าครึ้มเคราของเขา จ้องมองดูเธออย่างกรุ่นโกรธและเกลียดชังยิ่งนัก
“จะฆ่าก็ฆ่าเลยสิ…”
“ไม่ต้องท้า…” เขากัดกรามกรอด
“ฉันจะไม่ร้องขอความปราณีจากหัวใจดิบเถื่อนของนายแม้แต่คำเดียว” เธอแผดเสียงลั่น แววตายังคงท้าทายเขามิได้หวาดหวั่น เมื่อเหตุผลที่พยายามจะอธิบายกับเขา… ไม่ได้ช่วยให้คนใจร้ายเข้าใจอะไรขึ้นมาเลย
“ยังก่อน…” เขายิ้มเยือกเย็น เหมือนฉุกคิดบางอย่าง
ครั้นแล้วก็กล่าวต่อ
“ความตายดูจะเป็นเรื่องง่ายดายเกินไปสำหรับผู้หญิงชั่วช้าสามานย์อย่างเธอ ฉันยังไม่อนุญาตให้เธอตายง่ายๆ หรอกแม่สาวน้อย... หึๆ นี่แค่การเอาคืนเบาๆ รับรองว่ายังมีความทุกข์ทรมานในแบบที่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้เจอรอคอยเธออยู่อีกมาก”
สายตามองเธออย่างเหยียดต่ำ ระบายยิ้มหยันออกมาด้วยสีหน้าเยือกเย็น แลเห็นไรฟันขาวๆ หากตาวาวกลับสอดส่ายไปทั่วเรือนกายซึ่งกำลังสั่นสะท้านจากอาการเหน็บหนาว
เขาไม่ได้รู้สึกสงสารหรือเวทนาเธอแต่อย่างใด… แต่หันไปให้ความสนใจในเรือนร่างรัดรึง
ซึ่งบัดนี้… มันชุ่มโชกไปด้วยน้ำฝน
เสื้อผ้าที่เปียกปอนจนแลเห็นยกทรงตัวบาง โอบรั้งเนินอกอวบใหญ่เอาไว้แทบไม่อยู่
เขาไม่คิดเลยว่าทรวดทรงองเอวที่ซุกซ่อนเอาไว้ภายใต้เสื้อผ้ามอมแมม ซ้ำยังเปียกแฉะม่อล่อกม่อแลกไปทั่วทั้งร่างของผู้หญิงคนนี้ เมื่อยิ่งมองกลับยิ่งน่าหลงใหล… ยิ่งพิศก็ยิ่งน่าพิสมัย พับผ่าสิ!
ยิ่งจ้องให้ลึก… ก็ยิ่งปลุกกำหนัดที่อัดแน่นอยู่ภายในใจของชายฉกรรจ์ที่เข้าใจอารมณ์ได้ยากอย่างเขา จู่ๆ ก็เกิดความต้องการพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจตัวเอง
ความคิดชั่วร้ายบางอย่างวาบเข้ามาในสมองของเขา
“พวกมึงช่วยกันลากมันไปไว้ที่ห้องกู... ประเดี๋ยวกูจะยัดเยียดความเป็นผัวให้มันเอง กูจะให้บทเรียนบทใหม่ที่อีผู้หญิงแพศยาคนนี้จะลืมไม่ลงเลยทีเดียว”
ใบหน้าเหี้ยมเกรียมหันไปสั่งลูกน้อง
ทันทีที่ได้ยิน พวกมันสามคนก็ตรงรี่เข้ามาอย่างเต็มใจ รีบปฏิบัติตามคำสั่งโดยมิได้รั้งรอ
“เฮ้ย!... หูแตกหรือยังไงวะ ไอ้ห่า! กูสั่งให้ลาก… ไม่ใช่อุ้มนะโว้ย!” เสียงทรงอำนาจคำรามลั่น ด่าลูกสมุนคนหนึ่งที่พยายามสอดท่อนแขนเข้าใต้ขาพับของหญิงสาว เพื่อจะอุ้มร่างสะบักสะบอมของเธอขึ้นจากพื้น
ทันทีที่ได้ยินเสียงตะหวาด
“ขอโทษครับนาย”
ไอ้คนนั้นรีบหลุบตาลงต่ำ จำต้องลากร่างมอมแมมไปตามพื้นกระดานอย่างทุลักทุเล
กระทั่งมาถึงหน้าห้องนอนของเขา
หญิงสาวผู้โชคร้ายกัดฟันกรอด เพื่อข่มความเจ็บปวด จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของคนใจอำมหิตด้วยความอาฆาตแค้น
ที่เธอไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากใคร เพราะรู้ดีว่าคงไม่มีความเมตตาปราณีใดๆ หลงเหลือเอาไว้ภายใต้อาณาบริเวณของอสูรร้ายหัวใจเถื่อนคนนี้
“โยนมันขึ้นไปบนเตียง!”
เขาแผดเสียงสั่ง ดังลั่นตามมา เยียบเย็นและไร้วิญญาณจนน่าหวาดหวั่น
เพียงเท่านั้นร่างบางก็ถูกยกแล้วโยนโครมลงกลางเตียงนอน อย่างไม่ไยดีต่อความเจ็บปวดของเธอ
เมื่อลูกสมุนพากันออกไปจากห้อง…
ร่างสูงใหญ่ก็โถมเข้าใส่หญิงสาวในทันที ในสภาพที่เธอคว่ำหน้า มือทั้งสองข้างยังถูกมัดไขว้หลัง
แคว่ก…!
เขาตรงเข้าฉีกกระชากเสื้อเกาะอกของเธออย่างแรง รั้งร่นมันลงมาถึงบั้นท้าย เผยหลังไหล่เนียนขาว อสูรร้ายถึงกับตาวาวกับความเปล่าเปลือยและเย้ายวนตรงหน้า
“โอ้ว…! ฉันไม่แปลกใจเลยว่าเพราะอะไรที่ทำให้ไอ้ตัวผู้ทุกตัวมันหลงใหลเธอจนโงหัวไม่ขึ้น”
ดวงตาของเขาเบิกกว้างกับเนื้อขาวๆ ที่ผุดเผยต่อหน้า ไม่รั้งรอที่จะกดจมูกและริมฝีปากลงจูบไซ้ จงใจให้ตอเคราระคายครูดคราดและถากทิ่มไปกับแผ่นหลังขาวๆ เหมือนจงใจแกล้ง จนร่างของหญิงสาวถึงกับสะท้านขึ้นจากพื้นที่นอน
หล่อนกัดฟัน… พยายามอดทน หากแผ่นหลังก็แอ่นระแน้ด้วยความรู้สึกกับการปลุกเร้าของเขาที่กำลังดำเนินอยู่นั้น
นอกจากกรามที่ขบกันแน่นเพราะความชิงชัง… ก็ไม่มีเสียงร้องขอความปราณีใดๆ เล็ดลอดออกมาจากหัวใจแกร่งของเธอ