บทย่อ
บทนำ "อีเปรี้ยว!!อีนังลูกเวร มันให้มึงอุ้มท้องให้มันแล้วสุดท้ายมันก็จะมาฆ่าหลานกูเนี่ยนะ กูไม่ยอมหรอกนะ!!"หญิงวัยกลางคนด่ากราดลูกสาวคนเดียวของเธอที่ปล่อยให้ตัวเองท้องตั้งแต่ยังเรียนม.5จนตอนนี้คลอดเด็กชายตัวอ้วนออกมา แต่พ่อของเด็กกลับบอกว่าต้องการเพียงเด็กไม่ได้ต้องการตัวแม่และบอกถึงสาเหตุที่ต้องการตัวเด็ก ที่ทำให้หญิงวัยกลางคนถึงกับเสียอาการ หลานของเธอที่พึ่งคลอดออกมากลับต้องมามีชะตาชีวิตที่ต้องตายเพราะพ่อของเด็กต้องการเพียงไขกระดูกของเด็กเท่านั้น ทำให้เธอนั้นยอมไม่ได้จริงๆ "มึงจะทำต่อไปยังไงนังเปรี้ยว"พ่อของเปรี้ยวถามด้วยเสียงเครียด "หนูจะให้เพื่อนที่ไว้ใจได้ของหนูช่วยเรื่องลูกเองแต่คงต้องพึ่งพี่ปันแล้วในเรื่องนี้" (หอพักเจริญสิน) ในโลกยุคดิจิตอลแบบนี้ เรื่องมหัศจรรย์อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้กระทั่งไม่เคยมีอะไรกันคุณก็สามารถทำผู้หญิงท้องได้ ทำได้ก็บ้าแล้ว!!ถ้าคุณไม่พึ่งทางการแพทย์ นั่นมันก็แฟนตาซีเกินไป คนบ้าอะไรไม่เคยแม้แต่จับมือกันแต่ดันท้องด้วยกันได้ แต่เรื่องแบบนี้ดันมาเกิดขึ้นกับผมไง ผมพึ่งจะเรียนจบม.6มาได้แค่ 3 เดือนเอง พึ่งจะอายุ18ปีมาได้แค่10 กว่าวันเอง แล้วผมก็ต้องมาฟังประโยคที่เหมือนโดนผีหลอกจากพี่ชายของเพื่อน เพื่อนที่ว่าก็คือเปรี้ยวเพื่อนสนิทของผม เธอลาออกไปตอนม.5กลางเทอมเพราะท้อง ผมกับเธอสนิทกันในระดับหนึ่งเลยแหละ แต่ก็ไม่ได้สนิทถึงขั้นจะเอามาเป็นเมียซะหน่อย แล้วไยพี่ปัน พี่ชายของเปรี้ยวถึงมายืนบอกให้ผมรับผิดชอบน้องตัวเองได้วะครับ "ไอ้โฟร์มึงทำน้องกูท้องมึงต้องรับผิดชอบ" นั่นเป็นประโยคฟ้าผ่ากลางแจ้งที่ผมได้ยินจากพี่ชายของเพื่อนที่ผมเคารพนับถือ ผมอยากจะรู้จริง ๆ ว่ามันเรื่องบ้าอะไรกัน ผมก็แค่เด็กผู้ชายอายุ17ปีธรรมดาๆ คนหนึ่งที่เพิ่งจะ18 ได้ไม่กี่วันเอง ผมที่ไม่มีอะไรโดดเด่นแถมยังกำพร้าพ่อแม่ ผู้หญิงก็ไม่เคยแลผมด้วยซ้ำ แถมไอ้เรื่องอย่างว่าผมก็รู้แค่ทฤษฎีที่เขามีสอนในโรงเรียน เคยดูคลิปบ้างเล็กน้อย แต่ทางปฏิบัติผมเคยทำซะที่ไหนผู้ชายจืดๆอย่างผมยังเป็นผู้ชายเวอร์จิ้นอยู่เลยนะคุณแล้วผมจะไปทำใครท้องได้ไงวะ ผมหละโคตรงง แต่ดีนะที่ผมจบม.6แล้ว ไม่งั้นซวยแน่เลยครับแถมพี่แกดูจะมั่นใจมากเลยด้วย ให้ตายเหอะนี่มันมัดมือชกกันชัดๆเลยนี่หว่า แต่ผมก็อธิบายเหตุผลเพิ่มเพราะผมคงยอมไม่ได้ที่ต้องมาเลี้ยงลูกใครก็ไม่รู้ "ขอโทษนะพี่ปันแต่ผมไม่เคยมีอะไรกับเปรี้ยว ผมคงทำเธอท้องไม่ได้เชิญพี่ลองไปถามพี่โอเด็นดูดิเห็นน้องพี่ควงกันอยู่ไม่ใช่หรอ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะพี่" "มึงจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นมึงต้องรับผิดชอบน้องกู"ดื้อด้านมาก "แม่งพี่จะบ้าหรอวะให้ผมรับผิดชอบน้องพี่ ทั้งๆที่ผมยังไม่เคยนอนด้วยเนี่ยนะพี่มึงเอาอะไรคิดวะห๊ะ"ผมเริ่มโมโหแล้วนะ แล้วไอ้อาการหวาดระแวงนั้นมันอะไรกันเหมือนกลัวโดนใครเจองั้นแหละ แล้วอยู่ๆพี่แกก็พุ่งประชิดตัวผมพร้อมกับกระซิบข้างหูผม "กูขอล่ะนะโฟร์มึงช่วยเห็นแก่เด็กตาดำๆด้วยเหอะ เปรี้ยวมันบอกว่ามึงเป็นที่พึ่งเดียวของลูกมันแล้ว หลานกูกำลังจะโดนพ่อมันฆ่าช่วยเปรี้ยวมันซักครั้งเถอะนะ" "ห๊ะ!"ผมตกใจกับสิ่งที่ได้ยินอย่างมากผมไม่คิดว่าคนเป็นพ่อเด็กจะใจดำอำมหิตได้ขนาดนั้น แล้วนั่นก็เป็นบทสนทนาสุดท้ายของพี่ปันที่คุยกับผม พอเดือนต่อมาเปรี้ยวเธอก็หอบเด็กมาให้ผมที่บ้านเช่า เด็กเหมือนพึ่งจะเกิดเลยครับตัวโคตรจะเล็กอ่ะ แค่คิดว่าผมอุ้มไม่ดีมีหวังกระดูกได้หักกันบ้างแหละงานนี้ "อะ เอาเด็กไปอยากจะทำอะไรกับมันก็เชิญ ฉันไม่ต้องการให้มันมาทำชีวิตดาวรุ่งในมหา'ลัยของฉันพัง" เปรี้ยวที่ผมไม่ได้เจอมานานตะคอกผมเสียงดังเธอเล่นใหญ่มากจนคนข้างห้องออกมามอง เธอวางเด็กในอ้อมแขนให้ผมอย่างเบามือพร้อมซองจดหมายที่ถูกปิดด้วยผ้าแล้วตะคอกผมซ้ำอีกทีแต่ประโยคสุดท้ายเธอพูดเสียงเบาๆออกมาให้ได้ยินแค่ผมกับเธอ น้ำตาเธอร่วงพร้อมมองหน้าเด็กเป็นครั้งสุดท้าย "อย่าพามันมาให้ฉันเจออีก!!... ฝากลูกเราด้วยนะโฟร์ ปกป้องเขาแทนเราที" พอเธอพูดจบก็เดินสะบัดตูดออกไปเลยครับ พอส่งเด็กและของใช้เด็กอีกหอบใหญ่ให้ผมเสร็จ คือมึงไม่เกรงใจมือกูเลยพะรุงพะรังเหมือนคนบ้าแล้วเนี่ย "อีผู้หญิงเลว!! ทิ้งได้แม้แต่ลูกตัวเอง กลับมาให้กูถีบก่อน!!" ผมด่าเธอไล่หลังไปเพื่อความสมจริง เฮ้ย!แล้วผมจะทำไงต่อวะเนี่ยเด็กแม่งนอนมองผมตาแป๋วเลยน่ารักอ่ะ!! ผมว่าผมกำลังโดนเด็กตกซะแล้วล่ะครับ แล้ววันต่อมาผมก็ได้ยินข่าวว่าครอบครัวของเปรี้ยวเดินทางออกจากหมู่บ้านไปแล้วครับ ซวยผมจริง ๆ เลย เมื่อคืนผมก็แทบไม่ได้นอนเพราะกังวลเรื่องเด็กจนแทบบ้าแต่เด็กเลี้ยงง่ายครับไม่งอแงซักนิด เป็นผมที่กังวลไปเองซะมากกว่าจนตาผมโหลหนักมาก แล้วสองวันต่อมาผมก็ได้รับจดหมายจากทางบ้านเด็กกำพร้าที่ผมเคยอยู่ ว่ามีคนเขาให้ทุนเรียนฟรีกับผมเพราะเขาดันไปเห็นภาพวาดของผมเข้าเขาเลยอยากให้ผมเรียนต่อทางด้านการออกแบบ แล้วค่าเรียนทุกอย่างเขาจะออกให้ผมเอง มีที่อยู่ให้ผมด้วยแค่ผมย้ายไปเรียนที่กรุงเทพเท่านั้น แล้วเด็กหละผมจะเอาไงดีหรือฝากแม่ฝ้ายที่บ้านเด็กกำพร้าเลี้ยงดีนะ พอคิดได้แบบนั้นผมก็รีบไปที่บ้านแม่ฝ้ายที่ผมไม่ได้ไปนานมากแล้วทันที แต่ผมก็ได้รับข่าวร้ายอย่างสุดๆ เมื่อแม่ฝ้ายกำลังจะขายบ้านปิดสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลงเพราะสู้กับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ไหว แต่ผมว่ามันคือข้ออ้างเสียมากกว่าเหมือนแม่ฝ้ายกำลังจะหนีมากกว่านะผมว่า วันต่อมา ผมตัดสินใจโทรไปตอบตกลงรับทุนของเขา ส่วนเรื่องเด็กน้อยผมว่าจะค่อยๆคิดอีกทีแต่เป็นเรื่องที่ผิดคาดมาก พอผมตอบตกลงไปเขาก็ให้ผมเก็บของเลย พอผมเก็บของเสร็จออกมาก็เจอผู้หญิงคนหนึ่งกระโดดกอดผมแบบเต็มแรงเลยหละครับผมนี่ถึงกับเซ "น่ารักจังเลย!!" "เหวอ ขอโทษนะครับคุณเป็นใครครับมากอดผมทำไม"ผมแม่งโคตรตกใจ ดีนะที่ไม่ได้อุ้มเด็กออกมาด้วยไม่งั้นผมคงปล่อยเด็กหลุดมือแน่ "อุ้ย!ตายจริง ฉันขอโทษจ๊ะที่ทำให้เธอตกใจ ฉันชื่อสินีนะจ๊ะว่าแต่เห็นฝ้ายบอกว่าเธอมีเด็กเล็กด้วยนี่ใช่ไหมจ๊ะ"คุณสินีเธอสวยมากเลยครับจนคุณเขาถามหาเด็กผมเลยตอบคุณเขา "ครับ พอดีแม่เด็กเลี้ยงเด็กไม่ได้น่ะครับ เธอกลัวว่าถ้าเด็กอยู่กับเธอแล้วเด็กจะเป็นอันตรายน่ะครับ เห็นว่าพ่อเด็กพยายามจะฆ่าเด็ก..."อยากจะบอกเขานะว่าผมโดนมัดมือชก แต่ก็ช่างมันเหอะชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นกันต่อไปไงครับ "ตายจริงช่างน่าสงสาร งั้นฉันจะขอเลี้ยงเด็กน้อยให้เธอเองนะจ๊ะระหว่างที่เธอไปเรียนส่วนที่พักของเธอ ฉันจัดการให้แล้วนะ นี่กุญแจและคีย์การ์ดส่วนอันนี้ที่อยู่ของเธอนะ ขอให้โชคดีนะจ๊ะน้องโฟร์ ส่วนถ้าเธอคิดถึงหนูน้อยคนนี้ก็มาหาเขาได้ตลอดเวลาเลยนะ" ช่างเป็นคนที่ใจดีจริง ๆ ครับ ถือว่าผมยังมีโชคอยู่บ้างทีนี้เจ้าหนูซิกของผมก็คงไม่ต้องมาลำบากกับผมอีกแล้ว พอคุยเสร็จคุณหญิงคนนั้นก็เข้าไปอุ้มน้องซิกในบ้าน แล้วสั่งให้คนเก็บของของน้องซิกไปหมดเลยครับ แล้วพวกเขาก็ขึ้นรถจากไป อยากถามว่าแค่เนี่ยหรอ ผมแม่งคิดเป็นบ้าเป็นหลังมาทั้งคืนเพื่อ!! ตอนนี้ก็เหลือแค่ผมกับคนขับรถอีกคันที่รอไปส่งผมยังจุดหมาย อ่อ! ผมลืมบอกผมเป็นคนจังหวัดกาญจนบุรีนะครับพ่อแม่ผมทิ้งผมไว้ที่หน้าบ้านเด็กกำพร้าตั้งแต่ผมยังแบเบาะเห็นแม่ฝ้ายว่าแบบนั้นนะครับ แล้วแม่ฝ้ายก็คือคนที่เลี้ยงผมมาจนผมโตอายุ16ปี แม่ฝ้ายก็ให้ผมออกจากบ้านเด็กกำพร้า แล้วเช่าห้องให้ผมอยู่แทน มันก็มึนๆงงๆหน่อยอ่ะนะแต่สุดท้ายผมก็รอดมาได้ด้วยการทำงานพาร์ทไทม์ทุกอย่าง 2 ชั่วโมงผ่านไป เอี๊ยด! เสียงรถเบรกดังขึ้นพร้อมกับตัวรถที่จอดสนิทอยู่หน้าตึกสูงซักที่ในกรุงเทพ ผมอยากถามเขาเหลือเกินว่าเขามาส่งผมผิดที่ป่ะเนี่ย มันดูหรูหรา ใหญ่โตยังไงไม่รู้สิ "ถึงแล้วนะครับ งั้นผมขอตัว ขอให้คุณโชคดีนะครับ"เดี๋ยวนะทำไมพูดเหมือนพาผมมาปล่อยป่าแบบนี้วะ เขาพูดแค่นั้นแล้วไปเลยอ่ะทำให้ตอนนี้ผมกระชับเสื้อตัวใหญ่โคร่งของตัวเองเสร็จก็เดินเข้าตึกอย่างมั่นใจมาก พลั่ก ตุ้บ "แม่งเชี่ยเอ้ยเจ็บสัด"งงดิว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมไม่อยากจะพูดโคตรน่าอายเลย ก็ผมเดินชนกระจกใสจนตัวกระเด้งล้มก้นจ้ำเบ้ายังไงหละครับ แล้วแม่งคนดันเยอะไงเขาหัวเราะผมกันตรึมเลยดิบางคนนี่ถึงกับยกมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปด้วย อายคนอื่นชิบหายเลยครับ จะเอาหน้าไปไว้ไหนหละมึงไอ้โฟร์ขายขี้หน้าเขาจริง ๆ ผมเลยรีบเดินตัวลีบเข้าลิฟต์แล้วกดชั้นที่28เลยครับไม่ไหวหน้าผมแม่งไหม้เกรียมหมดแล้วเนี่ย บ้านนอกเขากรุงจริงๆเลยตรู 10นาทีต่อมา ผมมาถึงชั้นที่ต้องการแล้วครับแต่ผมยังลังเลไงว่าจะเข้าห้องดีไหมเพราะพอออกจากลิฟต์มาแม่งเจอประตูห้องแค่บานเดียวเองอะ นั่นแสดงให้เห็นว่าทั้งชั้นคือของผมงั้นดิ ตื่นเต้นกับบ้านใหม่ของตัวเองชิบหายเลยครับ แล้วผมก็ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปและสิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าแม่งทำผมช็อคกระปงกระเป๋าร่วงหล่นลงพื้นหมดเลยครับ "เชี่ย!!/เชี่ยมึงเป็นใครวะ!!" ทั้งผมและชายตัวใหญ่สูงอย่างกับเสาไฟต่างอุทานออกมาพร้อมกันและนี่คือครั้งแรกที่ผมได้พบกับยักษ์ตัวเป็นๆ >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
บทนำ
บทนำ
"อีเปรี้ยว!!อีนังลูกเวร มันให้มึงอุ้มท้องให้มันแล้วสุดท้ายมันก็จะมาฆ่าหลานกูเนี่ยนะ กูไม่ยอมหรอกนะ!!"
หญิงวัยกลางคนด่ากราดลูกสาวคนเดียวของเธอที่ปล่อยให้ตัวเองท้องตั้งแต่ยังเรียนม.5จนตอนนี้คลอดเด็กชายตัวอ้วนออกมา แต่พ่อของเด็กกลับบอกว่าต้องการเพียงเด็กไม่ได้ต้องการตัวแม่และบอกถึงสาเหตุที่ต้องการตัวเด็ก
ที่ทำให้หญิงวัยกลางคนถึงกับเสียอาการ หลานของเธอที่พึ่งคลอดออกมากลับต้องมามีชะตาชีวิตที่ต้องตายเพราะพ่อของเด็กต้องการเพียงไขกระดูกของเด็กเท่านั้น ทำให้เธอนั้นยอมไม่ได้จริงๆ
"มึงจะทำต่อไปยังไงนังเปรี้ยว"พ่อของเปรี้ยวถามด้วยเสียงเครียด
"หนูจะให้เพื่อนที่ไว้ใจได้ของหนูช่วยเรื่องลูกเองแต่คงต้องพึ่งพี่ปันแล้วในเรื่องนี้"
(หอพักเจริญสิน)
ในโลกยุคดิจิตอลแบบนี้ เรื่องมหัศจรรย์อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้กระทั่งไม่เคยมีอะไรกันคุณก็สามารถทำผู้หญิงท้องได้ ทำได้ก็บ้าแล้ว!!ถ้าคุณไม่พึ่งทางการแพทย์ นั่นมันก็แฟนตาซีเกินไป คนบ้าอะไรไม่เคยแม้แต่จับมือกันแต่ดันท้องด้วยกันได้
แต่เรื่องแบบนี้ดันมาเกิดขึ้นกับผมไง ผมพึ่งจะเรียนจบม.6มาได้แค่ 3 เดือนเอง พึ่งจะอายุ18ปีมาได้แค่10 กว่าวันเอง แล้วผมก็ต้องมาฟังประโยคที่เหมือนโดนผีหลอกจากพี่ชายของเพื่อน เพื่อนที่ว่าก็คือเปรี้ยวเพื่อนสนิทของผม
เธอลาออกไปตอนม.5กลางเทอมเพราะท้อง ผมกับเธอสนิทกันในระดับหนึ่งเลยแหละ แต่ก็ไม่ได้สนิทถึงขั้นจะเอามาเป็นเมียซะหน่อย แล้วไยพี่ปัน พี่ชายของเปรี้ยวถึงมายืนบอกให้ผมรับผิดชอบน้องตัวเองได้วะครับ
"ไอ้โฟร์มึงทำน้องกูท้องมึงต้องรับผิดชอบ"
นั่นเป็นประโยคฟ้าผ่ากลางแจ้งที่ผมได้ยินจากพี่ชายของเพื่อนที่ผมเคารพนับถือ ผมอยากจะรู้จริง ๆ ว่ามันเรื่องบ้าอะไรกัน ผมก็แค่เด็กผู้ชายอายุ17ปีธรรมดาๆ คนหนึ่งที่เพิ่งจะ18 ได้ไม่กี่วันเอง ผมที่ไม่มีอะไรโดดเด่นแถมยังกำพร้าพ่อแม่ ผู้หญิงก็ไม่เคยแลผมด้วยซ้ำ
แถมไอ้เรื่องอย่างว่าผมก็รู้แค่ทฤษฎีที่เขามีสอนในโรงเรียน เคยดูคลิปบ้างเล็กน้อย แต่ทางปฏิบัติผมเคยทำซะที่ไหนผู้ชายจืดๆอย่างผมยังเป็นผู้ชายเวอร์จิ้นอยู่เลยนะคุณแล้วผมจะไปทำใครท้องได้ไงวะ ผมหละโคตรงง
แต่ดีนะที่ผมจบม.6แล้ว ไม่งั้นซวยแน่เลยครับแถมพี่แกดูจะมั่นใจมากเลยด้วย ให้ตายเหอะนี่มันมัดมือชกกันชัดๆเลยนี่หว่า แต่ผมก็อธิบายเหตุผลเพิ่มเพราะผมคงยอมไม่ได้ที่ต้องมาเลี้ยงลูกใครก็ไม่รู้
"ขอโทษนะพี่ปันแต่ผมไม่เคยมีอะไรกับเปรี้ยว ผมคงทำเธอท้องไม่ได้เชิญพี่ลองไปถามพี่โอเด็นดูดิเห็นน้องพี่ควงกันอยู่ไม่ใช่หรอ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะพี่"
"มึงจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นมึงต้องรับผิดชอบน้องกู"ดื้อด้านมาก
"แม่งพี่จะบ้าหรอวะให้ผมรับผิดชอบน้องพี่ ทั้งๆที่ผมยังไม่เคยนอนด้วยเนี่ยนะพี่มึงเอาอะไรคิดวะห๊ะ"ผมเริ่มโมโหแล้วนะ แล้วไอ้อาการหวาดระแวงนั้นมันอะไรกันเหมือนกลัวโดนใครเจองั้นแหละ แล้วอยู่ๆพี่แกก็พุ่งประชิดตัวผมพร้อมกับกระซิบข้างหูผม
"กูขอล่ะนะโฟร์มึงช่วยเห็นแก่เด็กตาดำๆด้วยเหอะ เปรี้ยวมันบอกว่ามึงเป็นที่พึ่งเดียวของลูกมันแล้ว หลานกูกำลังจะโดนพ่อมันฆ่าช่วยเปรี้ยวมันซักครั้งเถอะนะ"
"ห๊ะ!"ผมตกใจกับสิ่งที่ได้ยินอย่างมากผมไม่คิดว่าคนเป็นพ่อเด็กจะใจดำอำมหิตได้ขนาดนั้น
แล้วนั่นก็เป็นบทสนทนาสุดท้ายของพี่ปันที่คุยกับผม พอเดือนต่อมาเปรี้ยวเธอก็หอบเด็กมาให้ผมที่บ้านเช่า เด็กเหมือนพึ่งจะเกิดเลยครับตัวโคตรจะเล็กอ่ะ แค่คิดว่าผมอุ้มไม่ดีมีหวังกระดูกได้หักกันบ้างแหละงานนี้
"อะ เอาเด็กไปอยากจะทำอะไรกับมันก็เชิญ ฉันไม่ต้องการให้มันมาทำชีวิตดาวรุ่งในมหา'ลัยของฉันพัง"
เปรี้ยวที่ผมไม่ได้เจอมานานตะคอกผมเสียงดังเธอเล่นใหญ่มากจนคนข้างห้องออกมามอง เธอวางเด็กในอ้อมแขนให้ผมอย่างเบามือพร้อมซองจดหมายที่ถูกปิดด้วยผ้าแล้วตะคอกผมซ้ำอีกทีแต่ประโยคสุดท้ายเธอพูดเสียงเบาๆออกมาให้ได้ยินแค่ผมกับเธอ น้ำตาเธอร่วงพร้อมมองหน้าเด็กเป็นครั้งสุดท้าย
"อย่าพามันมาให้ฉันเจออีก!!... ฝากลูกเราด้วยนะโฟร์ ปกป้องเขาแทนเราที"
พอเธอพูดจบก็เดินสะบัดตูดออกไปเลยครับ พอส่งเด็กและของใช้เด็กอีกหอบใหญ่ให้ผมเสร็จ คือมึงไม่เกรงใจมือกูเลยพะรุงพะรังเหมือนคนบ้าแล้วเนี่ย
"อีผู้หญิงเลว!! ทิ้งได้แม้แต่ลูกตัวเอง กลับมาให้กูถีบก่อน!!"
ผมด่าเธอไล่หลังไปเพื่อความสมจริง เฮ้ย!แล้วผมจะทำไงต่อวะเนี่ยเด็กแม่งนอนมองผมตาแป๋วเลยน่ารักอ่ะ!! ผมว่าผมกำลังโดนเด็กตกซะแล้วล่ะครับ
แล้ววันต่อมาผมก็ได้ยินข่าวว่าครอบครัวของเปรี้ยวเดินทางออกจากหมู่บ้านไปแล้วครับ ซวยผมจริง ๆ เลย เมื่อคืนผมก็แทบไม่ได้นอนเพราะกังวลเรื่องเด็กจนแทบบ้าแต่เด็กเลี้ยงง่ายครับไม่งอแงซักนิด เป็นผมที่กังวลไปเองซะมากกว่าจนตาผมโหลหนักมาก
แล้วสองวันต่อมาผมก็ได้รับจดหมายจากทางบ้านเด็กกำพร้าที่ผมเคยอยู่ ว่ามีคนเขาให้ทุนเรียนฟรีกับผมเพราะเขาดันไปเห็นภาพวาดของผมเข้าเขาเลยอยากให้ผมเรียนต่อทางด้านการออกแบบ แล้วค่าเรียนทุกอย่างเขาจะออกให้ผมเอง มีที่อยู่ให้ผมด้วยแค่ผมย้ายไปเรียนที่กรุงเทพเท่านั้น
แล้วเด็กหละผมจะเอาไงดีหรือฝากแม่ฝ้ายที่บ้านเด็กกำพร้าเลี้ยงดีนะ พอคิดได้แบบนั้นผมก็รีบไปที่บ้านแม่ฝ้ายที่ผมไม่ได้ไปนานมากแล้วทันที แต่ผมก็ได้รับข่าวร้ายอย่างสุดๆ เมื่อแม่ฝ้ายกำลังจะขายบ้านปิดสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าลงเพราะสู้กับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไม่ไหว แต่ผมว่ามันคือข้ออ้างเสียมากกว่าเหมือนแม่ฝ้ายกำลังจะหนีมากกว่านะผมว่า
วันต่อมา
ผมตัดสินใจโทรไปตอบตกลงรับทุนของเขา ส่วนเรื่องเด็กน้อยผมว่าจะค่อยๆคิดอีกทีแต่เป็นเรื่องที่ผิดคาดมาก พอผมตอบตกลงไปเขาก็ให้ผมเก็บของเลย พอผมเก็บของเสร็จออกมาก็เจอผู้หญิงคนหนึ่งกระโดดกอดผมแบบเต็มแรงเลยหละครับผมนี่ถึงกับเซ
"น่ารักจังเลย!!"
"เหวอ ขอโทษนะครับคุณเป็นใครครับมากอดผมทำไม"ผมแม่งโคตรตกใจ ดีนะที่ไม่ได้อุ้มเด็กออกมาด้วยไม่งั้นผมคงปล่อยเด็กหลุดมือแน่
"อุ้ย!ตายจริง ฉันขอโทษจ๊ะที่ทำให้เธอตกใจ ฉันชื่อสินีนะจ๊ะว่าแต่เห็นฝ้ายบอกว่าเธอมีเด็กเล็กด้วยนี่ใช่ไหมจ๊ะ"คุณสินีเธอสวยมากเลยครับจนคุณเขาถามหาเด็กผมเลยตอบคุณเขา
"ครับ พอดีแม่เด็กเลี้ยงเด็กไม่ได้น่ะครับ เธอกลัวว่าถ้าเด็กอยู่กับเธอแล้วเด็กจะเป็นอันตรายน่ะครับ เห็นว่าพ่อเด็กพยายามจะฆ่าเด็ก..."อยากจะบอกเขานะว่าผมโดนมัดมือชก แต่ก็ช่างมันเหอะชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นกันต่อไปไงครับ
"ตายจริงช่างน่าสงสาร งั้นฉันจะขอเลี้ยงเด็กน้อยให้เธอเองนะจ๊ะระหว่างที่เธอไปเรียนส่วนที่พักของเธอ ฉันจัดการให้แล้วนะ นี่กุญแจและคีย์การ์ดส่วนอันนี้ที่อยู่ของเธอนะ ขอให้โชคดีนะจ๊ะน้องโฟร์ ส่วนถ้าเธอคิดถึงหนูน้อยคนนี้ก็มาหาเขาได้ตลอดเวลาเลยนะ"
ช่างเป็นคนที่ใจดีจริง ๆ ครับ ถือว่าผมยังมีโชคอยู่บ้างทีนี้เจ้าหนูซิกของผมก็คงไม่ต้องมาลำบากกับผมอีกแล้ว พอคุยเสร็จคุณหญิงคนนั้นก็เข้าไปอุ้มน้องซิกในบ้าน แล้วสั่งให้คนเก็บของของน้องซิกไปหมดเลยครับ แล้วพวกเขาก็ขึ้นรถจากไป อยากถามว่าแค่เนี่ยหรอ ผมแม่งคิดเป็นบ้าเป็นหลังมาทั้งคืนเพื่อ!!
ตอนนี้ก็เหลือแค่ผมกับคนขับรถอีกคันที่รอไปส่งผมยังจุดหมาย อ่อ! ผมลืมบอกผมเป็นคนจังหวัดกาญจนบุรีนะครับพ่อแม่ผมทิ้งผมไว้ที่หน้าบ้านเด็กกำพร้าตั้งแต่ผมยังแบเบาะเห็นแม่ฝ้ายว่าแบบนั้นนะครับ
แล้วแม่ฝ้ายก็คือคนที่เลี้ยงผมมาจนผมโตอายุ16ปี แม่ฝ้ายก็ให้ผมออกจากบ้านเด็กกำพร้า แล้วเช่าห้องให้ผมอยู่แทน มันก็มึนๆงงๆหน่อยอ่ะนะแต่สุดท้ายผมก็รอดมาได้ด้วยการทำงานพาร์ทไทม์ทุกอย่าง
2 ชั่วโมงผ่านไป
เอี๊ยด!
เสียงรถเบรกดังขึ้นพร้อมกับตัวรถที่จอดสนิทอยู่หน้าตึกสูงซักที่ในกรุงเทพ ผมอยากถามเขาเหลือเกินว่าเขามาส่งผมผิดที่ป่ะเนี่ย มันดูหรูหรา ใหญ่โตยังไงไม่รู้สิ
"ถึงแล้วนะครับ งั้นผมขอตัว ขอให้คุณโชคดีนะครับ"เดี๋ยวนะทำไมพูดเหมือนพาผมมาปล่อยป่าแบบนี้วะ เขาพูดแค่นั้นแล้วไปเลยอ่ะทำให้ตอนนี้ผมกระชับเสื้อตัวใหญ่โคร่งของตัวเองเสร็จก็เดินเข้าตึกอย่างมั่นใจมาก
พลั่ก ตุ้บ
"แม่งเชี่ยเอ้ยเจ็บสัด"งงดิว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมไม่อยากจะพูดโคตรน่าอายเลย ก็ผมเดินชนกระจกใสจนตัวกระเด้งล้มก้นจ้ำเบ้ายังไงหละครับ แล้วแม่งคนดันเยอะไงเขาหัวเราะผมกันตรึมเลยดิบางคนนี่ถึงกับยกมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปด้วย อายคนอื่นชิบหายเลยครับ จะเอาหน้าไปไว้ไหนหละมึงไอ้โฟร์ขายขี้หน้าเขาจริง ๆ
ผมเลยรีบเดินตัวลีบเข้าลิฟต์แล้วกดชั้นที่28เลยครับไม่ไหวหน้าผมแม่งไหม้เกรียมหมดแล้วเนี่ย บ้านนอกเขากรุงจริงๆเลยตรู
10นาทีต่อมา
ผมมาถึงชั้นที่ต้องการแล้วครับแต่ผมยังลังเลไงว่าจะเข้าห้องดีไหมเพราะพอออกจากลิฟต์มาแม่งเจอประตูห้องแค่บานเดียวเองอะ นั่นแสดงให้เห็นว่าทั้งชั้นคือของผมงั้นดิ ตื่นเต้นกับบ้านใหม่ของตัวเองชิบหายเลยครับ แล้วผมก็ตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปและสิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าแม่งทำผมช็อคกระปงกระเป๋าร่วงหล่นลงพื้นหมดเลยครับ
"เชี่ย!!/เชี่ยมึงเป็นใครวะ!!"
ทั้งผมและชายตัวใหญ่สูงอย่างกับเสาไฟต่างอุทานออกมาพร้อมกันและนี่คือครั้งแรกที่ผมได้พบกับยักษ์ตัวเป็นๆ
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>