Ch.4
ในเช้าวันต่อมา
ผมตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้า เพราะแสงอาทิตย์แยงตา ความรู้สึกที่ผมตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าทำให้ผมอ่อนเพลียอยู่บ้างแต่การนอนหลับมาหลายวันก็ทำให้ผม รู้สึกว่าตอนนี้ร่างกายของผมฟื้นฟูมาแล้วอย่างเต็มที่ ในวันนี้ผมต้องเตรียมตัวที่จะไปบ้านใหญ่เพื่อที่จะไปแนะนำตัวกับทางครอบครัวในฐานะภรรยาของพี่จากัวร์ ซึ่งตัวผมเองก็รู้สึกกลัวอยู่นิดๆเพราะว่าผมกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับคนอื่นๆ แม้ว่าตัวของผมนั้นจะเคยเจอครอบครัวของพี่จากัวร์ตั้งแต่วันแต่งงานแล้วแต่ก็ไม่ได้เข้าไปทำความรู้จักอย่างถ่องแท้
"พ่อครับแม่ครับผมกลับมาแล้ว"
"กลับมาแล้วหรอยินดีต้อนรับลูกสะใภ้นะ"
"สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ผมชื่อพลับพลึงนะครับ ผมอยากจะแนะนำตัวเป็นทางการให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้รับรู้ครับ"
"ยินดีต้อนรับจ้าพลับพลึงเป็นไงบ้างเมื่อคืนเหนื่อยมากทีหลังอ่ะถ้าเหนื่อยมากๆอ่ะมาวันหลังก็ได้ไม่มีปัญหาหรอก"
"ขอบคุณนะครับ"
"แล้วทั้งสองคนทานอาหารมากันหรือยังถ้ายังเดี๋ยวแม่จะไปทำอาหารมาให้"
"คุณแม่ครับเดี๋ยวผมช่วยทำอาหารนะครับ"
"ได้สิมาเลยเดี๋ยวแม่จะเตรียมอาหารไว้เยอะๆเพราะว่าวันนี้มีคนมาช่วยเป็นลูกมือ"
"ได้เลยครับคุณแม่"
ผมลงมือช่วยคุณแม่ทำอาหารแต่ส่วนมากดูเหมือนว่าคุณแม่อยากรู้ว่าผมทำอาหารเป็นหรือเปล่าผมจึงลงมือทำอาหารเองโดยเปลี่ยนให้แม่สามีเป็นคนช่วยในการทำอาหารแทนผมเองก็อยากที่จะทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันเหมือนกันเพราะผมไม่อยากเป็นตัวถ่วงให้กับใครผมเองก็รู้สึกว่าการได้ทำอะไรช่วยคนอื่นๆบ้างก็นับว่าเป็นความสามารถของตัวเองแล้วและอีกอย่างผมไม่ค่อยอยากที่จะทำตัวให้เป็นภาระของคนอื่นนะครับก็เลยอยากที่จะทำอะไรเป็นประโยชน์บ้างเท่านั้นเอง
"ทำอาหารฝรั่งเศสเป็นด้วยเหรอลูก"
"พอทำเป็นครับผมเคยดูใน YouTube มาก็เลยรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้ยากอะไรอยากลองทำมานานแล้วแต่พอดีพี่จากัวร์ไม่ค่อยมีเวลาทานอาหารกับผมนะครับเอาแต่ทำงาน"
"แสดงว่าครั้งนี้ลูกสะใภ้แม่ก็เพิ่งได้โชว์ฝีมือการทำอาหารของตัวเองใช่ไหม"
"ครับเพิ่งได้โชว์ฝีมือ"
"งั้นลองทำอาหารญี่ปุ่นดีไหมพอดีคุณพ่อของจากัวร์เขาชอบอาหารญี่ปุ่นมากเขาปลื้มปริ่มกับการกินอาหารญี่ปุ่นก็เลยอยากที่จะลองทำอาหารญี่ปุ่นกันดีไหม"
"ได้เลยครับ"
"แล้วตอนมัธยมเรียนจบอะไรมาล่ะ"
"ผมเรียนสายศิลป์ภาษาครับแต่โรงเรียนมีวิชาเสริมก็คือวิชาคหกรรมเกี่ยวกับการทำอาหารทำขนมเบเกอรี่เค้กแล้วก็เป็นพวกทำจัดดอกไม้อะไรประมาณนี้ครับเกี่ยวกับงานคหกรรมเขาก็จะสอนผมครับแต่พอดีผมเป็นคนหัวช้าก็เลยได้มาแค่เพียงอาหารกับขนมนะครับพวกจัดผ้าดอกไม้นี่ไม่ค่อยสันทัดเท่าไหร่"
"นับว่าเก่งนะแม่แต่งงานกับพ่อเขาตั้งหลายปีกว่าจะทำอาหารอร่อยถูกใจเขาแต่เขาก็ไม่เคยปริปากบอกเลยนะหรือว่าบ่นอะไรเลยเพราะเขารู้ว่าเราอ่ะไม่ค่อยได้ทำอาหารก็เลยเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเรา"
"คุณแม่ก็เป็น omega หรอครับ"
"เป็นลูกครึ่งดีกว่าเป็นลูกครึ่งโอเมก้ากับเบต้าแต่มีความสามารถตั้งท้องได้"
"งั้นคุณแม่ก็ต้องเก่งเยอะแยะหรือครับ"
"ตอนที่แม่ได้เจอกับพ่อเขาไม่ยังคงเป็นพนักงานเสิร์ฟชื่อร้านอาหารอยู่เลยพอได้เจอกันก็ได้รู้จักกันมาขึ้นก่อนที่พ่อเขาจะขอแม่แต่งงานหลังจากที่รู้จักกันได้ 2 เดือน"
"คุณพ่อนิสัยเหมือนกับพี่จากัวร์เลยนะครับ"
"แล้วใครบอกว่าไม่เหมือนล่ะเหมือนกันยิ่งกว่าแกะซะอีกหน้าตาเหมือนกันไม่พอนะแถมยังนิสัยเหมือนกันอีกแม่ล่ะปวดหัวกับสองพ่อลูกนี้มากวันๆบางทีก็ไม่คุยกันทำจิ๊กใส่กันทั้งวันเลยนะตอนเป็นเด็กๆนะจากัวร์เป็นเด็กที่ขี้อ้อนมากพ่อครับแม่ครับหนูอย่างนั้นหนูอย่างนี้โอ้โหแม่ชอบมากพอโตขึ้นไม่รู้ใครเอาเสียงลูกชายแม่ไปไม่ค่อยพูดค่อยจาไม่ออนแม่อีกเลยก็นึกว่าเขาโตแล้วเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาก็เลยไม่อ้อนแม่"
"ก็จริงนะครับแต่เวลาอยู่กับผมเขาก็ไม่ค่อยพูดอะไรกับผมเลยอยากจะซื้ออะไรก็ให้เลขาเป็นคนดูแลผมเองก็ไม่รู้นะครับว่าที่แต่งงานกันนี่เพราะอยากรับผิดชอบผมหรืออะไร"
"อย่าคิดมากเลยถ้าจากัวร์ไม่ชอบจริงๆอ่ะเขาไม่แต่งงานด้วยหรอกเขาเป็นผู้ชายแบบนี้แหละชอบมากยิ่งไม่อยากที่จะแตะต้องจะเก็บเอาไว้บูชาโอ้โหลูกชายแม่นะยิ่งกว่าอะไรซะอีกตอนเจอลูกครั้งแรกรีบวิ่งมาบอกแม่เลยนะว่าอยากแต่งงานดีที่แม่เบรคเอาไว้ก่อนไม่อย่างนั้นนะหนูมาอยู่ที่นี่ได้ 2 วันหนูได้แต่งงานเลยขนาดแม่เบรคเอาไว้ก็ยังได้แต่งงานเร็วขนาดนี้"
"แม่ครับแล้วถ้าเป็นแบบนี้แบบรู้สึกว่าผมเป็นยังไงล่ะครับอยู่ๆก็มาแต่งงานกับลูกของคุณแม่ทั้งๆที่ตัวของผมถูกขายมา"
"มันเป็นความผิดของพ่อของลูกสะใภ้ต่างหากอย่าคิดมากเลยนะลูกการเป็นลูกสะใภ้ของใครสักคนและคนคนนั้นที่เป็นแม่สามีไม่ยอมรับเป็นเรื่องที่ทรมานสำหรับลูกสะใภ้แต่แม่อยากจะบอกอะไรไว้ให้นะอย่าคิดมากกับเรื่องนี้เลยต่อคิดมากยังไงอ่ะถ้าคนที่มันไม่รักเราไม่ชอบเราก็ยังคงไม่ชอบและไม่รักเราอยู่ดีแต่การเป็นแม่สะใภ้แม่สามีที่ดีก็คือการให้โอกาสลูกสะใภ้คนนั้นได้ลองทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อพิสูจน์ใจตัวเองถามว่าแม่ตกใจไหมที่ได้ลูกสะใภ้ที่ถูกขายมาแม่ไม่ได้ตกใจอะไรเลยนะเพราะจากัวร์มาบอกแม่ว่าเขาเจอคู่แห่งโชคชะตากำลังถูกขายเขาก็เลยรีบซื้อตัวลูกมาเพราะต้องการอยากจะแต่งงานด้วย"
"ผมจำความรู้สึกนั้นยังดีตอนนั้นผมกำลังจะถูกขายถูกวางยาสายตาของผมกรวดไปมองรอบๆจ้องมองใบหน้าของพี่จากัวร์โดยไม่ได้ตั้งใจเขาต้องมองหน้าผมผมต้องมองหน้าเขาเขาประมูลผมขาดตัวไม่มีใครประมูลต่อได้เลยผมรู้สึกซาบซึ้งใจผมอยากทำตัวให้มีประโยชน์ต่อเขาให้มากที่สุดเพราะผมกลัวว่าถ้าวันใดที่ผมหมดประโยชน์เขาอาจจะไม่ชอบผมและทิ้งผมไป"
"แต่กูไม่ได้เป็นคนแบบนั้นหรอกลูกถ้าเขาไม่ชอบจริงๆเขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวเลยนับว่าเรามีบุญที่ได้เจอกันมากกว่านะ"
"ขอบคุณนะครับคุณแม่ที่คอยให้โอกาสผมได้พิสูจน์ใจตัวเองและพิสูจน์ความรักที่ผมเริ่มจะก่อตัวขึ้นกับพี่จากัวร์ผมสัญญาว่าผมจะเป็นสะใภ้ที่ดีจะคอยดูแลพี่จากัวร์ทุกๆครั้งทุกๆวันไม่มีพี่จ๋าก็ไปไหนไม่ว่าจะยามทุกข์และยามสุขครับ"
"แม่เชื่อนะว่าลูกจะทำได้ว่างๆก็พาน้องชายมาเที่ยวเล่นบ้านของแม่บ้างสิแม่อยากจะมีเด็กตัวเล็กๆเอามาวิ่งเล่นที่บ้านของแม่บ้าง"
"ได้เลยครับเดี๋ยวผมจะพาน้องมาหาบ้างนะครับเพราะว่าช่วงนี้น้องของผมติดอยู่ที่บ้านมากเลยอยากเรียนทำอาหารกับแม่ครัวที่บ้านนะครับ"
"เอามาหาแม่ก็ได้นะเดี๋ยวแม่ช่วยสอนแม่ชอบมากเลย omega เหมือนกันใช่ไหม"
"ใช่แล้วครับเป็นโอเมก้าเหมือนกันปอถ้าพ่อไม่มีขายน้องมาให้กับผมน้องก็จะถูกขายเหมือนผมถ้าตอนอายุ 18 ปีเหมือนผมดีที่ท่านขายน้องชายให้กับผมผมก็เลยได้น้องชายกลับมา"
"งั้นไปตามน้องชายมาตอนนี้เลยดีกว่าไหมชื่ออะไรนะลูกพลับใช่ไหมเดี๋ยวแม่จะให้จากัวร์ไปตามน้องลูกพลับมาหาแม่ดีกว่าแม่อยากจะดูแลเขา"
"ตามใจคุณแม่เลยครับ"
"จากัวร์มาหาแม่หน่อยจากัวร์"
"ครับแม่มีอะไรเรียกเสียงดังเชียวมีอะไรหรือเปล่าครับ"
"ขับรถไปตามลูกพลับมาหาแม่หน่อยได้ไหม"
"น้องอยู่บ้านไม่ใช่หรอครับเลขาของผมดูแลอยู่ไม่อยากเจอน้องลูกค้าหรอครับ"
"ใช่แล้วแม่อยากให้น้องลูกพลับมาอยู่เป็นเพื่อนแม่อยู่ที่นี่พ่อของลูกก็ชอบไปต่างประเทศปล่อยให้แม่อยู่บ้านเหงาๆคนเดียวแม่ก็เลยอยากมีเด็กตัวเล็กๆเอาไว้วิ่งเล่นอยู่ที่บ้านเขาแม่บ้าง"
"เดี๋ยวผมโทรบอกให้เลขาพาลูกกลับมาอยู่ที่นี่นะครับ"
"รีบๆหน่อยนะแม่คุยตกลงกับพลับพลึงไว้เรียบร้อยแล้ว"
"โอเคใช่ไหมถ้าน้องชายจะมาอยู่ที่นี่กับคุณแม่"
พี่จากัวร์หันมามองหน้าผมถามผมอย่างจริงจังผมพยักหน้าตอบรับอย่างน้อยน้องชายของผมก็จะมีที่พึ่งพิงอยู่ที่นี่ก็นับว่าสบายกว่าอยู่ที่บ้านไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นน้องชายของผมก็ยังมีที่พึ่งพิงผมก็เลยรู้สึกว่าน้องจะปลอดภัยมากกว่าการที่ต้องอยู่กับผมเพียงลำพังถ้าพี่จะกลัวไม่อยู่อย่างน้อยถ้าพี่จะเข้าไปทำงานที่ต่างประเทศผมก็จะมีโอกาสได้มาอยู่กับคุณแม่แล้วก็น้องชายไม่ได้อยู่เพียงลำพังอยู่ที่บ้าน
"ผมโอเคอยู่แล้วให้น้องมาอยู่ที่นี่ก็ได้นะครับบางทีเสาร์อาทิตย์ก็ค่อยมาหาผมที่บ้านของพวกเราจันทร์ถึงศุกร์ก็อยู่กับคุณแม่ถ้าผมคิดถึงก็จะมาหาน้องเองหรือวันไหนที่พี่จากัวร์ไปต่างประเทศผมก็จะได้มาหาน้องที่นี่ไง"
"ถ้าอย่างนั้นพี่จะโทรบอกให้เลขาเอาน้องชายมาที่นี่ก็แล้วกันนะ"
"ได้ครับพี่จากัวร์ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว"
"เอาตามนั้นก็แล้วกัน"
"ครับเอาตามนั้นเลย"
"งั้นเดี๋ยวพี่ไปโทรบอกก่อนนะทำอาหารต่อไปเถอะไม่ต้องห่วงอยากได้อะไรบอกพี่ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว"
"ได้ครับถ้ามีเรื่องอะไรเดี๋ยวผมจะบอกพี่นะครับ"
"งั้นพี่ไม่กวนแล้วทำงานต่อไปเถอะ"
"ครับพี่จากัวร์อยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ"
"พลับพลึงทำอะไรให้พี่กินพี่ก็กินทั้งนั้นแหละพี่ไม่ได้เก่งเรื่องการกินอาหารหรอกทำมาเถอะพี่ชอบทุกอย่างที่มึงทำ"
"ปากหวานจังเลยนะจ๊ะลูกชาย"
"ก็เป็นธรรมดาไม่ใช่หรอครับที่มีภรรยาสวยก็อยากทำตัวหวานหวาน อ้อนภรรยาบ้างไม่ได้หรอครับผมเองก็อยากทำเหมือนคุณพ่อที่อ้อนคุณแม่นะครับ"
"ส่งลูกชายคนนี้นี่แซวแม่หรอแต่ก็ช่างเถอะพ่อของลูกชอบทำแบบนั้นอยู่แล้วเป็นผู้ชายที่น่ารักมากเอาเถอะถือว่าลูกอ่ะพูดจาดีแต่แม่จะแถมเมนูพิเศษจากลูกสะใภ้ให้กับลูกได้กินกันวันนี้"
"งั้นผมไปคุยธุระก่อนฝากด้วยนะ"
พี่จากัวร์หันไปพูดกับแม่และสุดท้ายก็หันมาพูดกับผมผมเองก็รู้สึกหน้าร้อนแดงขึ้นมาเพราะพี่จากัวร์พูดจาห้วนๆแบบนี้ทำเอาผมคืนแทบแย่ผมรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดูอ่อนโยนแม้ภายนอกจะเป็นคนแข็งกระด้างก็ตามแต่ผมรู้สึกดีมากเลยนะครับที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเขาแม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงแค่นิดเดียวก็ตาม
"ดูสิลูกสะใภ้ฉันเขินจนหน้าดำหน้าแดงไปหมดแล้วรีบทำอาหารเถอะ"
"คุณแม่อย่าแซวผมสิครับผมเขิน"
"ก็ได้ ไม่แซวก็ได้ อย่าเขินมากนักเลยมาช่วยแม่ทำอาหารกันเถอะ"
"ครับคุณแม่"
หลังจากที่ทำอาหารเสร็จเรียบร้อยคุณแม่ก็เตรียมตั้งโต๊ะน้องชายของผมก็มาถึงพอดีผมเองเห็นหน้าน้องชายก็รีบวิ่งเข้าไปกอดน้องน้องเองก็วิ่งเข้ามากอดผมด้วยความคิดถึงผมเองรู้สึกว่าน้องชายของผมมีเนื้อมีหนังขึ้นเยอะเลยครับนับจากเด็กที่ตัวเล็กๆแบบนั้นจนถึงตอนนี้กลายเป็นเด็กที่มีเนื้อหนังแบบนี้ทำเอาผมดีใจมากเลยครับที่น้องชายของผมตัวใหญ่ขึ้นแบบนี้
"ทานอาหารเสร็จพวกเรา 3 คนไปเดินช็อปปิ้งกันดีไหม"
"ไป shopping กันตอนนี้หรอครับ"
"ใช่แม่อยากไปช้อปปิ้งอยากไปเดินเที่ยวโน่นเที่ยวนี่กับลูกสะใภ้น้องลูกค้าก็ไปกับแม่นะคะ"
"ไปครับๆ ผมอยากไปเที่ยวกับคุณแม่"
"ได้เลยจ้ะแม่จะพาไปเที่ยวพลับพลึงก็ไปกับคุณแม่ด้วยนะคะ"
"ได้ครับทานอาหารเสร็จแล้วเราไปเดินเที่ยวกันเนาะ"
"ฉันบอกคุณก่อนนะคะว่าฉันจะพาลูกๆทั้งสองคนไปเที่ยวกันตอนเย็นถึงจะกลับพวกคุณสองพ่อลูกก็อยู่ที่นี่ก็แล้วกันนะคะ"
"ครับ"
"ได้"
พี่จากัวร์กับคุณพ่อได้แต่ทำหน้าหงอยๆแล้วบอกกับคุณแม่เรื่องที่ตัวเองต้องนั่งรอคุณแม่อยู่ที่นี่ผมเองก็อดที่จะหัวเราะทั้งสองคนไม่ได้ผมเลยหอมแก้มพี่จากัวร์ก่อนที่จะไปน้องชายของผมก็เหมือนรู้หน้าที่ครับก็ไปหอมคุณพ่อแล้วก็พี่จะกลัวเหมือนกันทำเอาคุณพ่อกับพี่จากัวร์หน้าแดงไปเลยผมก็รู้สึกว่าน้องชายของผมเป็นเด็กที่น่าเอ็นดูมากเลยครับและอีกอย่างน้องชายของผมเป็นเด็กขี้อ้อนมากเลย ทำไมน้องผมถึงน่ารักมาถึงขนาดนี้กันนะ ระหว่างทางกลับมาระหว่างทางกลับมาที่บ้านพี่จากัวร์ก็ดูแลผมเป็นอย่างดี กลัวว่าผมจะเหนื่อยจากการไปเที่ยวกับคุณแม่
"เหนื่อยมากมั้ย ทีหลังถ้าไม่ชอบเที่ยงก็ปฏิเสธแม่ภี่ได้เสมอนะพยายามอย่าฝืนใจตัวเองมากนักแม่พี่เป็นคนเอาแต่ใจตัวเองเรื่องบางเรื่องถ้าไม่สะดวกใจและไม่อยากไปก็บอกทำตามตรงพี่ไม่อยากจะทำให้พลับพลึงรู้สึกอึดอัดไปมากกว่านี้"
"ใครบอกล่ะครับว่าผมอึดอัดผมไม่ได้อึดอัดเลยสักนิดเดียวผมก็รู้สึกดีนะครับได้ไปเที่ยวกับคุณแม่คุณแม่เป็นคนใจดีมากผมไม่อยากให้ท่านรู้สึกเสียใจพี่เองก็อย่าคิดว่าผมจะรู้สึกอึดอัดสิครับถ้าผมรู้สึกอึดอัดผมจะบอกพี่เองนะ"
"เอาแบบนั้นก็ได้ถ้ารู้สึกอึดอัดเมื่อไหร่บอกพี่ได้เสมอไม่ต้องกลัวว่าพี่จะไม่พอใจแค่กล้าพูดออกมาพี่ก็จะทำตามคำพูดของพระเพลิงอยู่แล้ว"
"ขอบคุณนะครับแต่ผมไม่เป็นอะไรจริงๆตอนนี้ผมก็มีความสุขดีจริงไหมล่ะครับตอนนี้ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรพี่จากัวร์ก็อย่าคิดมากเลยขนาดตัวของผมยังไม่คิดมากเลยนะกลับไปแล้วพี่จากัวร์อยากทานอะไรไหม"
"พี่ยังอิ่มจากการกินอาหารที่บ้านอยู่เลยยังไม่รู้ว่าจะกินอะไรเอาไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกันถ้าพี่อยากกินอะไรพี่ก็จะบอกแล้วไปเที่ยวเหนื่อยไหมอยากแวะไปนวดตัวหรือเปล่าพี่สามารถพาไปได้นะ"
"ก็รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยนะครับแต่ก็ไม่เป็นไรมากเท่าไหร่นะแม่ของพี่ช็อปปิ้งเก่งมากไม่ว่าของลดราคาหรือของถูกของแทงคุณแม่ก็ซื้อทั้งนั้นผมเองยังตกใจเลยว่าท่านซื้อของมากมายถึงขนาดนี้ได้ยังไงแต่ก็ไม่ห้ามท่านหรอกครับเป็นความสุขของท่านเองก็ใครจะไปห้ามผู้หญิงที่กำลังช้อปปิ้งได้ล่ะครับไม่งั้นโดนดุตายเลย"
"แล้วแม่ของพี่ซื้ออะไรให้บ้างล่ะมีอะไรมาฝากพี่บ้างหรือเปล่านะ"
"ผมเองไม่รู้ว่าพี่จากัวร์ชอบอะไรผมก็เลยซื้ออุปกรณ์ถักโครเชต์มานะครับหวังว่าพี่จะได้ชอบผมคงจะถักเสื้อกันหนาวให้กับพี่ไม่งั้นก็ถักผ้าพันคอผมมีความรู้ด้านนี้นิดหน่อยอาจจะไม่สวยตรงตามร้านค้าที่เขาทำเป็นประจำแต่ผมก็มั่นใจว่าใส่แล้วไม่อายใคร"
"พี่มั่นใจในความสามารถของพลับพลึง ต่อให้มันไม่สวยจริงๆพี่ก็จะใส่ไม่ต้องกลัวหรอกนะว่าพี่จะอายคนอื่นพี่ไม่อายใครอยู่แล้วไม่ต้องคิดมากทำอะไรมาพี่ก็รับหมดนั่นแหละ"
"พี่ก็ต้องคอยติเตือนผมบ้างนะครับ ไม่ใช่ว่าปล่อยให้ผมทำอะไรตามใจตัวเองแบบนึ้"
"แล้วถ้าพี่ห้ามพลับพลึงจะฟังพี่งั้นหรอสิ่งเดียวที่คนเป็นสามีทำได้ก็คือคอยให้กำลังใจและคอยส่งเสริมให้ตัวของภรรยาตัวเองทำงานทำในสิ่งที่ตัวเองชอบไม่กล้าที่จะห้ามหรอกนะอยากทำอะไรก็ทำขอเพียงแค่บอกพี่พร้อมจะสนับสนุนไปในทุกๆที่ทุกๆอย่างตามที่ตัวของเราต้องการไม่ต้องเป็นห่วงหรอกว่าพี่จะขัดขวางมันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน"
"พี่ก็ตามใจอยู่เรื่อยเลยผมเองก็เกรงใจพี่ถ้าเกิดว่าผมทำอะไรผิดพลาดก็กลัวว่าพี่จะเสียหน้าเสียตาไปผมจะพยายามให้เต็มที่นะครับจะทำของขวัญชิ้นนี้ออกมาให้ดีๆไม่ให้พี่น้อยเนื้อต่ำใจแน่นอนแล้วก็จะทำให้พี่รู้สึกว่าการได้แต่งงานกับผมมันช่างมีความสุขแน่นอนครับ"
"ปากหวานแบบนี้บ่อยๆพี่เองก็ทนไม่ไหวนะอยากจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัวแล้วเนี่ย"
"ผู้ชายเย็นชาก่อนหน้านี้หายไปไหนหมดล่ะครับเดี๋ยวนี้นะไม่ค่อยเห็นผู้ชายเย็นชาเลยเคยเจอแต่หนุ่มนักรักตรงหน้า"
"ตอนก่อนหน้านี้พี่เย็นชาถึงขนาดนั้นเลยหรอพี่ว่าพี่เป็นปกตินะปกติพี่ก็ทำตัวแบบนี้อยู่แล้ว"
"พี่อ่ะเย็นชามากนานนิ่งคิ้วขมวดอยู่ตลอดเวลานานมากตอนแรกที่ผมเจอพี่ผมไม่กล้าพูดอะไรแบบนี้กับพี่เลยนะครับผมกลัวว่าพูดไปแล้วจะทำให้พี่ไม่พอใจผมเองก็กลัวว่าคนคนนึงที่พี่ใช้เงินซื้อมาจะทำให้พี่ไม่พอใจแล้วก็ทิ้งผม"
"ที่เราแต่งงานกันได้ก็เพราะว่าพี่ชอบเธอจริงๆถ้าไม่ชอบก็คือไม่แต่งอย่าคิดว่าตัวเองไม่มีค่าถึงขนาดนั้น"
"ถ้าอย่างนั้นหรอผมต้องดีใจมากๆแน่ถ้าพี่เอ่ยคำนั้นออกมา"
"ใครจะไปพูดกันไม่มีใครพูดหรอกใกล้ถึงบ้านแล้วอย่ามัวพูดอีกเลย"
ดูก็รู้ว่าเขาเขินผมมากถึงขนาดไหนแต่ผมก็ไม่อยากที่จะทำให้เขารู้สึกเขินอายไปมากกว่านี้ก็เลยได้แต่พยักหน้าตอบรับเขาไปกดหัวเราะเขาไม่ได้เลยครับที่เขาเอาแต่ทำหน้าทำตาเหมือนไม่รู้ไม่ชี้แบบนั้นผมเองก็อดหัวเราะเขาไม่ได้จริงๆก็ได้จะปล่อยให้เลยตามเลยไป