บทที่ 20 พิธีสมรสนี้ นางจะถอนหมั้นเอง
เขาเป็นฝ่าบาท ฝ่าบาทที่อยู่เหนือมวลชน มีหรือที่จะทนให้คนอื่นมาหลอกลวงได้
“ตรวจยึดทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลเฟิง ปลดตำแหน่งทุกตำแหน่งของเฟิงหลิงหยุน เอาเฟิงหยูหลันไปปล่อยยังชายแดน ไม่ต้องกลับราชธานีเลยตลอดกาล” เสียงที่เย็นชาของฝ่าบาท ทำให้ทุกคนที่อยู่ในโถงใหญ่ต่างอดที่จะตะลึงงันไม่ได้ เห็นได้ชัดเลยว่าวันนี้ฝ่าบาทเกิดโทสะขึ้น
นี่ก็คืออำนาจของราชวงศ์ ที่สามารถทำให้ตระกูลเฟิงของเขาเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลขุนนางได้ แล้วก็สามารถทำให้ตระกูลเหิงของเขาเปล่งรัศมีอย่างไม่จำกัดดังเช่นเมื่อก่อนนี้
คำพูดประโยคเดียวของฝ่าบาทก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมลายสิ้นไปในพริบตา
เพียงแต่ฝ่าบาทก็นับว่ามีเมตตามากแล้ว ความผิดที่เฟิงหลิงหยุนและเฟิงหยูหลันเป็นถึงโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูง ประหารทั้งตระกูลยังไม่มากเกินไปเลย
ร่างของเฟิงหยูหลันจู่ๆ ก็อ่อนแรงไปทันที ภายในดวงตาทั้งสองข้างต่างก็เปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง เอาไปปล่อยชายแดน ไม่อาจกลับราชธานีได้ตลอดกาล งั้นก็ฆ่านางเลยไม่ดีกว่าหรือ
ร่างของฉู่หรูเสว่ก็สั่นไปเช่นกัน นางถอยหลังไปพักหนึ่งตามสัญชาตญาณ ใช้แรงกำหมัดที่เปียกชื้นเอาไว้แน่น
“กระหม่อมขอรับโทษ ขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ” เฟิงหลิงหยุนทราบดีว่าฝ่าบาทนับได้ว่าเมตตาเป็นพิเศษแล้ว เขาก็ไม่กล้าดื้อดึงอะไรอีกแล้ว
เพียงแต่เขายังรู้สึกปวดใจแทนน้องหลัน น้องหลันอ่อนแอเช่นนี้ ไปชายแดนแล้วยังจะสามารถอยู่รอดได้หรือ?
เฟิงหลิงหยุนมองไปยังฉู่หรูเสว่ที่อยู่ด้านข้าง ดวงตามืดมนไปพักหนึ่ง ครั้งนี้แน่นอนว่าย่อมเป็นความคิดของฉู่หรูเสว่
ฉู่หรูเสว่ทำลายน้องหลันไปอย่างสิ้นซาก แล้วด้วยเหตุอันใดที่น้องหลันลำบากเช่นนี้ แต่ฉู่หรูเสว่กลับไม่ประสบปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น
มือของเฟิงหลิงหยุนกำแน่นอยู่ครู่หนึ่ง เขาจะไม่ปล่อยฉู่หรูเสว่ไปอย่างง่ายดายเด็ดขาด
ซวนหยวนเฉินอยู่ข้างกายของฉู่หวูโยว บนใบหน้าของเขาในตอนนี้เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น เดี๋ยวก็ดีใจ เดี๋ยวก็ประหลาดใจ
เขามีคำพูดมากมายที่อยากจะถาม แต่ว่าเขาก็ทราบดีว่าในตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา ยังไงก็ต้องรอให้เรื่องจบสิ้นอย่างหมดจรดเสียก่อน
“นังหนูหวูโยว ยังมีข้อโต้แย้งอะไรไหม?” ดวงตาของฝ่าบาทหันไปมองที่ฉู่หวูโยว เก็บอาการเย็นชาที่อยู่บนใบหน้าไว้ เสียงก็อ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด
ฝ่าบาทมองไปยังซวนหยวนเฉินที่อยู่ข้างกายของฉู่หวูโยวอย่างไม่วางตาครู่หนึ่ง อารมณ์ค่อนข้างสับสนซับซ้อน
เฉินเอ๋อร์แม้ว่าจะอ่อนต่อโลก แต่ว่าก็ไม่เชื่อคนง่ายๆ แต่ตอนนี้เฉินเอ๋อร์ไม่เพียงแต่เชื่อฉู่หวูโยว กลัวว่าจะเชื่ออย่างจำนนด้วยซ้ำ
หลังจากฉู่หวูโยวป่วยหายดีแล้ว เฉินเอ๋อร์น่าจะได้เจอกับฉู่หวูโยวเป็นครั้งแรก ครั้งแรกที่พบหน้าฉู่หวูโยวก็สามารถทำให้เฉินเอ๋อร์เชื่ออย่างหมดใจได้เลย
จะไม่ใช้เขาตะลึงแล้วถอนหายใจออกมาได้อย่างไรกัน ฉู่หวูโยวเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง อันที่จริงพ่อเป็นเสือยังไงลูกย่อมไม่เป็นหมาอยู่แล้ว!
ทุกคนตะลึงงันไปอีกครั้ง คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะถามนังหนูว่ามีข้อโต้แย้งอันใดอีกหรือไม่?
การตัดสินใจของฝ่าบาทเมื่อไหร่กันที่จะต้องไปถามความพึงพอใจของคนอื่นด้วย?
“ฝ่าบาททรงพระปรีชา หวูโยวขอบพระทัย” ฉู่หวูโยวค่อยๆ คารวะแล้วตอบกลับอย่างนอบน้อม
แน่นอนว่านางย่อมทราบว่าหากเพียงแค่เฟิงหยูหลันใส่ร้ายนาง รับรองว่าย่อมไม่อาจถูกลงโทษหนักเช่นนี้ได้ โทษหลอกลวงเบื้องสูงนั้นต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
นางจะไปกล้ามีข้อโต้แย้งอย่างไรได้อีกเล่า?
หรือว่าหากนางเอ่ยปากพูดในตอนนี้สามารถแก้ไขชะตาของเฟิงหยูหลันได้ แต่ว่าเฟิงหยูหลันทำร้ายเจ้าของร่างเดิมนับครั้งไม่ถ้วน ก็ช่างไม่ควรค่าแก่การสงสารจริงๆ
เฟิงหยูหลันและเฟิงหลิงหยุนในครั้งนี้ฉลาดเกินไปจึงเสียรู้ ทำร้ายคนอื่นไม่สำเร็จกลับทำร้ายถูกตัวเอง
เฟิงหลิงหยุนมองไปยังไป๋อี้เฉิน ใช้สายตาวิงวอนขอร้องให้เขาช่วยน้องหลัน
ในเมื่อฝ่าบาทในตอนนี้สอบถามความเห็นของฉู่หวูโยว เช่นนั้นแล้วหากฉู่หวูโยวเอ่ยปากน่าจะสามารถช่วยน้องหลันไว้ได้
และคนที่สามารถทำให้ฉู่หวูโยวเปลี่ยนแปลงความคิดได้นั้นก็มีเพียงไป๋อี้เฉินเท่านั้น
ไฉนเลยไป๋อี้เฉินจะไม่เข้าใจความหมายของเฟิงหลิงหยุน ไป๋อี้เฉินก็ทนไม่ได้ที่จะเห็นเฟิงหยูหลันต้องได้รับความลำบากเช่นนั้น
ยิ่งไปกว่านั้นสองตระกูลนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไฉนเลยที่เขาจะเห็นคนเดือดร้อนแล้วไม่ช่วยได้
ในที่สุดไป๋อี้เฉินก็ทนไม่ได้ เอ่ยปากวิงวอนขอร้องให้เฟิงหยูหลัน: “ฝ่าบาท เฟิงหยูหลันทำเช่นนี้ ที่จริงแล้วเป็นเพราะว่ากระหม่อม ทุกอย่างเกิดขึ้นเป็นเพราะกระหม่อมเอง กระหม่อมขอฝ่าบาทได้โปรดทรงเมตตาด้วยเถิด”
แม้ว่าไป๋อี้เฉินจะกล้าเอ่ยปากขอร้อง แน่นอนว่าย่อมมีความมั่นใจอยู่บ้าง หลายปีมานี้ ศึกสงครามทางเหนือไม่หยุดหย่อน มีค่าใช้จ่ายเกือบครึ่งที่ตระกูลไป๋ของเขาเป็นผู้ออก น้ำใจนี้ฝ่าบาทก็ย่อมต้องให้เขาแน่นอน
ฝ่าบาทค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น หันมองไปทางฉู่หวูโยวอีกครั้ง: “นังหนูหวูโยว แล้วเจ้าว่าไงล่ะ?”
ในตอนนี้ฝ่าบาทก็ถามฉู่หวูโยวอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่ามีนัยแฝงอยู่!
“คนที่ข้าจะอภิเษกด้วยยังไงก็เป็นเจ้า ไม่ใช่นาง นางก็เป็นแค่เพียงคนที่น่าสงสาร เจ้าก็ไว้ชีวิตนางในครั้งนี้เถอะนะ” ดวงตาของไป๋อี้เฉินหันมองมาทางฉู่หวูโยว ในน้ำเสียงของเขาตอนนี้เปี่ยมไปด้วยความนุ่มนวลหลายเท่าเลย และก็ยังมีความเสน่ห์หาที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอยู่ในนั้นด้วย
คำพูดของเขาเป็นการขอร้องวิงวอน แต่ก็ยิ่งเป็นการให้คำมั่นสัญญา สัญญาว่าจะอภิเษกกับนาง
ใครๆ ต่างก็ทราบดีว่าฉู่หวูโยวแอบรักไป๋อี้เฉินข้างเดียว เพียงแต่ไป๋อี้เฉินกลับรังเกียจฉู่หวูโยวอย่างสุดๆ มาโดยตลอด ไม่ยอมอภิเษกกับฉู่หวูโยว
ครั้งนี้ย่อมเป็นโอกาสที่ดีมากของฉู่หวูโยว ในที่สุดฉู่หวูโยวก็สามารถอภิเษกกับไป๋อี้เฉินได้ตามที่ใจปรารถนาแล้ว
ฉู่หวูโยวไม่ลังลังสงสัยเลยแม้แต่นิด ตอบอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องคิดทันทีว่า: “งั้นก็ไว้ชีวิตนาง”
เมื่อครู่ตอนที่ไปหาหลี่อู้ นังหนูในจวนเจ้าพระยาก็เอาชามาเสิร์ฟ ทุกคนต่างก็หาที่นั่งลง
ซวนหยวนหรงโม่กุมถ้วยที่อยู่ในมือแล้วค่อยๆ นิ่งไปครู่หนึ่ง น้ำที่อยู่ในแก้วที่มือก็ค่อยกระเพื่อมขึ้นเป็นคลื่นที่ไหลวนไปมาหลายคลื่นปรากฏวับวาบอยู่
ในดวงตาของไป๋อี้เฉินมีลำแสงปรากฏอยู่ในนั้น นางทำเรื่องมากมายขนาดนี้ สุดท้ายแล้วก็เพื่อเขา
ไป๋อี้เฉินแอบถอนหายใจออกมาหนึ่งเฮือกอย่างพึงพอใจ มีร่องรอยแห่งความตื่นเต้นซ่อนอยู่ในใจหลายเท่าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
การตอบเช่นนี้ของฉู่หวูโยวดูเหมือนว่าจะอยู่ในการคาดเดาของทุกคนนานแล้ว ขุนนางใหญ่บุ๊นบู๊ต่างลุกขึ้นยืนแล้วอวยพรฉู่หยุนเทียนว่าฤกษ์มงคงมาแล้ว
ยังไงดั่งชายหนุ่มที่เพียบพร้อมอย่างไป๋อี้เฉิน ทั่วแผ่นดินทั้งผืนก็มีแค่ไม่กี่คน
คุณหนูฉู่ไล่จีบอย่างบ้าคลั่งมาหลายปีเช่นนี้ ในที่สุดก็ได้สมหวังเสียที จะให้ไม่อวยพรดีๆ ได้อย่างไรกัน
ฉู่หวูโยวมองดูไป๋อี้เฉินอยู่ครู่หนึ่ง ในสายตานั้นไม่ได้มีการลังเลเลยแม้แต่นิด เพียงแต่ว่าเพิ่มเติมคำพูดด้วยเสียงที่เคร่งขรึมออกมาว่า: “เพียงแต่ข้าจะยุติการหมั้นหมาย”
เฟิงหยูหลันในตอนนี้ก็ไม่มีอะไรข่มขู่แล้ว ถูกคนทำลายแผนการชั่วร้ายที่แสร้งทำออกมานั้น เฟิงหยูหลันก็ไม่ได้มีอำนาจต่อรองใดๆ อีก
ต่อไปละครฉากนี้เฟิงหยูหลันเองก็คงไม่โง่เขลาจนเอามาใช่อีกเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้นตัวการหลักในครั้งนี้ จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เฟิงหยูหลัน
ในจุดนี้ฉู่หวูโยวเข้าใจเป็นอย่างดี ตอนที่เฟิงหยูหลันสิ้นหวังที่สุด กลับไม่ได้ซัดทอดคนผู้นั้นออกมา เป็นความฉลาดของเฟิงหยูหลัน แต่ก็กลับนับว่ามีใจนักเลงอยู่บ้าง
ดั่งคำที่ไป๋อี้เฉินกล่าว เฟิงหยูหลันก็เป็นเพียงแค่คนที่น่าสงสารคนหนึ่งเท่านั้น
เฟิงหยูหลันคนหนึ่งแลกกับอิสระของนาง คุ้ม คุ้มมาก!
ครั้งที่แล้วที่ตำหนักโซว่กง ฉู่หวูโยวก็เข้าใจว่าการหมั้นหมายนี้ไม่อาจจะยุติได้ง่ายขนาดนั้น
วันนี้ไป๋อี้เฉินสามารถให้คำสัญญาว่าจะอภิเษกกับนาง ให้นางปล่อยเฟิงหยูหลันไปได้
นางก็สามารถเอาเหตุผลนี้ ให้ไป๋อี้เฉินยินยอมถอนหมั้น และเชื่อว่าไป๋อี้เฉินก็น่าจะเต็มใจอย่างมากด้วย!
ถ้วยชาที่กุมอยู่ในมือขององค์ชายเจ็ดก็เข้าใกล้ริมฝีปากอีกครั้ง ค่อยๆ ชิมไป คลื่นน้ำที่ถูกกระตุ้นขึ้นจางๆ เมื่อครู่ก็ดื่มเข้าไปหมดแล้ว
ทุกคนกลับต่างพากันตะลึงงันไป ภายในโถงใหญ่ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นมาเล็กน้อย ต่างมองไปยังฉู่หวูโยวอย่างไม่อยากจะเชื่อในสายตา
ยังไงก็คิดไม่ถึงว่าฉู่หวูโยวจะพูดถึงเรื่องที่จะยุติการหมั้นหมาย
ร่างของไป๋อี้เฉินแข็งทื่อไปอย่างฉับพลัน ความแอบยินดีอย่างพอใจนั้นที่อยู่ในดวงตาก็ชะงักงันไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ดวงตาคู่นั้นจ้องไปยังฉู่หวูโยวอย่างไม่วางตา มีความอึ้งอย่างผิดคาดที่ยากจะเชื่อได้ แต่กลับแอบแฝงไว้ด้วยความโมโหหลายเท่าในนั้น